กราบสวัสดีแฟนเพจชาวอัพยิ้มทุกท่าน
กลับมาพบกันเหมือนเดิมอีกเช่นเคยกับสาวย้อ พลัดถิ่น
สำหรับวันนี้ก็มีข่าวคราวของคนในวงการมาให้ได้ติดตามกันอีกเหมือนเดิม
เชื่อว่าหลายคนคงจะยังจำกันได้ดี สำหรับหนุ่มน้าหล่อ เดอะสตาร์ปี 7 “เนส”
หรือ “ณินท์ พัฒนกูลกิจ” หลังจากที่หายหน้าไปนาน
เจออีกทีหนุ่มคนนี้ก็มีลูกน้อยซะแล้ว ซึ่งปัจจุบันเขาเป็นพนักงานออฟฟิศ
ส่วนชีวิตจะเป็นยังไงนั้น เราไปชมบทสัมภาษณ์ของเธอกันเลยค่ะ
หายไปจากวงการเลย?
“ตอนนี้มีงานอยู่นะครับ ทางช่อง 3 ทำเรื่อง ระเริงไฟ รับบทเป็นบอดี้การ์ดพี่เคน แต่ก็เล่นเป็นรับเชิญบ้างประปราย”
ทำใจยากมั้ย จากเมื่อก่อนที่มีงาน มีชื่อเสียงแต่พอวันหนึ่งค่อยๆ หายไป?
“ผมทำใจได้ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาในวงการแรกๆ แล้วว่างานในวงการมันไม่ค่อยยั่งยืน คือเราชอบก็จริงอยู่แต่มาวันหนึ่งเราแก่ตัวลงมันก็ต้องงานน้อยลง เด็กก็มีเกิดใหม่ทุกๆ วัน เราก็มองหางานประจำมาตั้งดีกว่า
ตอนนี้ผมก็ทำงานประจำมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว ถามว่าเฟลมั้ย บางทีมันก็มีคิดนะ แต่ผมไม่เคยคิดเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ยอมรับว่าเรามาได้แค่นี้ก็ไม่เป็นไร เราก็สู้ถ้ามีใครจ้างมาถ้ามีงานเราก็ทำเต็มที่”
ปลงกับงานวงการบันเทิง?
“ปลงครับ ตั้งแต่เป็นเดอะสตาร์ เมื่อ 2 ปีแรกแล้วปลงตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เริ่มมองหางานประจำแล้ว เริ่มทำงาน เริ่มขายของออนไลน์ ตอนนั้นขายครีมใหม่ๆ ก็ทำหลายอย่างจนตอนนี้ขายกระเป๋าด้วย”
ตอนนี้แต่งงานมีลูกมีครอบครัวตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ตอนนี้น้องอายุ 1 ขวบ 8 เดือน แล้ว คือแต่งเสร็จไม่กี่เดือนก็ท้อง และตอนนี้กำลังมีอีกคนหนึ่งอยู่ในท้องได้ 2 เดือนแล้วครับ (ยิ้ม)”
เรียกได้ว่าลูกเปลี่ยนชีวิต?
“ใช่ ลูกทำให้เราเปลี่ยนชีวิตและทำให้เราเป็นคนใหม่ ทำให้เราคิดอะไรเยอะขึ้น พอรู้ว่ามีน้องเริ่มหางานประจำ เพราะเด็กสมัยนี้เป็นดาราทุกวัน เกิดขึ้นทุกวันและเราแก่ลงทุกวัน”
ไปเป็นพนักงานประจำ?
“ใช่ครับ งานของผมเป็นงานเคมีภัณฑ์ก่อสร้างครับ เกี่ยวกับพวกสถาปนิก วางสเปกงานก่อสร้างครับ ซึ่งอันนี้ผมคิดว่ามันทำให้เราต่อยอดไปได้เรื่อยๆ มันไม่มีจบ คือผมไม่ได้จบทางนี้มา จบทางด้านบริหารกับการตลาด แล้วตอนนี้กำลังเรียนต่อปริญญาโท ก็เรียนด้วยทำงานด้วยเลี้ยงลูกด้วยหลายอย่าง”
ทำไมยอมไปเป็นพนักงานออฟฟิศ เงินเดือนมันต่างกับการทำงานในวงการนะ?
“เงินเดือนต่างกัน แต่ผมมีความสุขดีที่ทำอยู่ทุกวันนี้ครับ เพราะว่าเราค่อยๆ สร้างครอบครัวไปเรื่อยๆ งานในวงการเราไม่ได้ปังเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
คนที่ทำงานยอมรับมั้ย เพราะเคยเป็นดาราจะมาทำงานแบบนี้ได้เหรอ?
“ถูกต้องครับ ตอนที่ไปสมัครและสัมภาษณ์กับทางบริษัท เขาจะมองว่าเราคงไม่ทนงานหรอก จนวันหนึ่งเราสามารถทำให้เขาเห็นว่าเราอดทนตั้งใจทำงานจริงๆ ซึ่งเราก็ต้องมองถึงครอบครัวเราด้วย ถ้าเราเหลาะแหละ ไม่ทนงานครอบครัวก็อยู่ไม่ได้ต้องนึกถึงลูก”
ตอนช่วงที่โดนดูถูก มีความรู้สึกท้อ หรือน้อยใจมั้ย?
“ผมไม่เคยท้อนะ คือผมเป็นต่างจังหวัดที่เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ เราต้องสู้ครับ ผมสู้มาตลอดชีวิต ก่อนเข้าวงการก็ทำงานอยู่ร้านกาแฟ ตอนนี้ผมมองงานในวงการเป็นจ๊อบเสริม แล้วงานออฟฟิศเป็นงานหลัก และก็เป็นพ่อค้าขายของออนไลน์ด้วย”
จะบอกว่าสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก?
“ใช่ครับ ก่อนจะมาเป็นเดอะสตาร์ก็มีทำงานร้านกาแฟ เบลล์บอยก็เคยทำนะเพราะเรียนทางด้านการโรงแรมมา คือเราศึกษางานหลายๆ อย่างว่าเราจะจัดไปทางไหนถึงจะถูก”
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับเรื่องราวที่สาวย้อ พลัดถิ่นได้นำมาฝากกันในวันนี้ ถึงแม้ปัจจุบันจะไม่ค่อยมีงานวงการสักเท่าไหร่แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยท้อออกหางานทำเพื่อเลี้ยงครอบครัว ขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวนี้ด้วยนะคะ
หายไปจากวงการเลย?
“ตอนนี้มีงานอยู่นะครับ ทางช่อง 3 ทำเรื่อง ระเริงไฟ รับบทเป็นบอดี้การ์ดพี่เคน แต่ก็เล่นเป็นรับเชิญบ้างประปราย”
ทำใจยากมั้ย จากเมื่อก่อนที่มีงาน มีชื่อเสียงแต่พอวันหนึ่งค่อยๆ หายไป?
“ผมทำใจได้ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาในวงการแรกๆ แล้วว่างานในวงการมันไม่ค่อยยั่งยืน คือเราชอบก็จริงอยู่แต่มาวันหนึ่งเราแก่ตัวลงมันก็ต้องงานน้อยลง เด็กก็มีเกิดใหม่ทุกๆ วัน เราก็มองหางานประจำมาตั้งดีกว่า
ตอนนี้ผมก็ทำงานประจำมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว ถามว่าเฟลมั้ย บางทีมันก็มีคิดนะ แต่ผมไม่เคยคิดเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ยอมรับว่าเรามาได้แค่นี้ก็ไม่เป็นไร เราก็สู้ถ้ามีใครจ้างมาถ้ามีงานเราก็ทำเต็มที่”
ปลงกับงานวงการบันเทิง?
“ปลงครับ ตั้งแต่เป็นเดอะสตาร์ เมื่อ 2 ปีแรกแล้วปลงตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เริ่มมองหางานประจำแล้ว เริ่มทำงาน เริ่มขายของออนไลน์ ตอนนั้นขายครีมใหม่ๆ ก็ทำหลายอย่างจนตอนนี้ขายกระเป๋าด้วย”
ตอนนี้แต่งงานมีลูกมีครอบครัวตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ตอนนี้น้องอายุ 1 ขวบ 8 เดือน แล้ว คือแต่งเสร็จไม่กี่เดือนก็ท้อง และตอนนี้กำลังมีอีกคนหนึ่งอยู่ในท้องได้ 2 เดือนแล้วครับ (ยิ้ม)”
เรียกได้ว่าลูกเปลี่ยนชีวิต?
“ใช่ ลูกทำให้เราเปลี่ยนชีวิตและทำให้เราเป็นคนใหม่ ทำให้เราคิดอะไรเยอะขึ้น พอรู้ว่ามีน้องเริ่มหางานประจำ เพราะเด็กสมัยนี้เป็นดาราทุกวัน เกิดขึ้นทุกวันและเราแก่ลงทุกวัน”
ไปเป็นพนักงานประจำ?
“ใช่ครับ งานของผมเป็นงานเคมีภัณฑ์ก่อสร้างครับ เกี่ยวกับพวกสถาปนิก วางสเปกงานก่อสร้างครับ ซึ่งอันนี้ผมคิดว่ามันทำให้เราต่อยอดไปได้เรื่อยๆ มันไม่มีจบ คือผมไม่ได้จบทางนี้มา จบทางด้านบริหารกับการตลาด แล้วตอนนี้กำลังเรียนต่อปริญญาโท ก็เรียนด้วยทำงานด้วยเลี้ยงลูกด้วยหลายอย่าง”
ทำไมยอมไปเป็นพนักงานออฟฟิศ เงินเดือนมันต่างกับการทำงานในวงการนะ?
“เงินเดือนต่างกัน แต่ผมมีความสุขดีที่ทำอยู่ทุกวันนี้ครับ เพราะว่าเราค่อยๆ สร้างครอบครัวไปเรื่อยๆ งานในวงการเราไม่ได้ปังเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
คนที่ทำงานยอมรับมั้ย เพราะเคยเป็นดาราจะมาทำงานแบบนี้ได้เหรอ?
“ถูกต้องครับ ตอนที่ไปสมัครและสัมภาษณ์กับทางบริษัท เขาจะมองว่าเราคงไม่ทนงานหรอก จนวันหนึ่งเราสามารถทำให้เขาเห็นว่าเราอดทนตั้งใจทำงานจริงๆ ซึ่งเราก็ต้องมองถึงครอบครัวเราด้วย ถ้าเราเหลาะแหละ ไม่ทนงานครอบครัวก็อยู่ไม่ได้ต้องนึกถึงลูก”
ตอนช่วงที่โดนดูถูก มีความรู้สึกท้อ หรือน้อยใจมั้ย?
“ผมไม่เคยท้อนะ คือผมเป็นต่างจังหวัดที่เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ เราต้องสู้ครับ ผมสู้มาตลอดชีวิต ก่อนเข้าวงการก็ทำงานอยู่ร้านกาแฟ ตอนนี้ผมมองงานในวงการเป็นจ๊อบเสริม แล้วงานออฟฟิศเป็นงานหลัก และก็เป็นพ่อค้าขายของออนไลน์ด้วย”
จะบอกว่าสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก?
“ใช่ครับ ก่อนจะมาเป็นเดอะสตาร์ก็มีทำงานร้านกาแฟ เบลล์บอยก็เคยทำนะเพราะเรียนทางด้านการโรงแรมมา คือเราศึกษางานหลายๆ อย่างว่าเราจะจัดไปทางไหนถึงจะถูก”
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับเรื่องราวที่สาวย้อ พลัดถิ่นได้นำมาฝากกันในวันนี้ ถึงแม้ปัจจุบันจะไม่ค่อยมีงานวงการสักเท่าไหร่แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยท้อออกหางานทำเพื่อเลี้ยงครอบครัว ขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวนี้ด้วยนะคะ