บางครั้งดูคนผิด
ไม่ใช่เพราะตาบอด แต่เพราะใจดี
ใจคนยากหยั่งโดยแท้
แต่..จะคงความดีงาม ไม่เสียใจ
เพราะยังเชื่อเสมอว่า…
“หากใจคนงาม โลกก็งาม”
น้ำไม่หยั่ง ไม่อาจรู้ตื้นลึก
คนไม่คบ ไม่อาจรู้ดีชั่ว
ในโลกนี้ มีเพียงกาลเวลาไม่หลอกลวง
กาลเวลาเท่านั้นจะพิสูจน์ทุกอย่างว่า
“อะไรจริง อะไรลวง”
ดูคน อย่าเพียงดูด้วยตา จะดูผิดได้ง่าย
ยิ่งไม่ควรเพียงฟังด้วยหู เพราะล้วนคำเท็จ
มีเพียงอาศัยเวลา สัมผัสด้วยใจ
สิ่งที่จริง จะลวงไม่ได้
สิ่งที่ลวง ก็เป็นจริงไม่ได้
เห็นความจริง เปิดโปงความลวง
ใครเป็นคนจริง ใครเป็นคนหลอกลวง
กาลเวลาจะบอกได้เอง
การเป็นคนดีเกินไป ใคร ๆ ก็จะไม่เกรงใจ และมักเอาเปรียบเสมอ
การทำดีเกินไป ใคร ๆ ก็จะไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำไป
แต่กลับเห็นเราเป็นคนโง่ที่ยอมเสียเปรียบคนอื่นตลอดเวลา
เป็นคนดีระดับไหน ถึงได้ชื่อว่า “ดีเกินไป”…..
1. แม้ตนเองไม่ได้ทำผิด แต่ก็ยังขอโทษ เป็นฝ่ายยอมรับผิดเสียเองทั้ง ๆ ที่ตนเองไม่ได้กระทำผิด ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเหลิง ลืมตัว ไม่สำนึกในความผิดของตนเอง และชอบโทษคนอื่นเสมอ
2. เสียสละมากไป เห็นแก่คนอื่นมากเกินไป ช่วยคนอื่นมากเกินไป จนลืมที่จะรักตัวเอง ลืมที่จะดูแลตนเอง หรือแม้แต่จะยอมติดคุกแทนคนอื่นที่กระทำผิด หรือยอมรับโทษเสียเองเพื่อให้คนอื่นรอด หรือให้เขามากไปจนตัวเองไม่เหลืออะไร
3. เจ็บแล้วไม่จำ ให้อภัยทุกคนเสมอ ให้อภัยได้ตลอดเวลา ไม่จดจำความผิดที่เขาเคยกระทำกับตนเอง ถูกเขากระทำซ้ำแล้วซ้ำอีก เหมือนไม่เข็ดหลาบ ถูกเขาหลอกแล้วหลอกอีก เอาเปรียบแล้วเอาเปรียบอีก เหมือนคนโง่ที่ไม่เรียนรู้ชีวิตเพราะดีเกินไป
ขอขอบพระคุณที่มา : วิภาดา กิตติโกวิท
ไม่ใช่เพราะตาบอด แต่เพราะใจดี
บางครั้งช่วยคนผิด ไม่ใช่เพราะโง่
แต่เพราะเห็นแก่ความรู้สึกมากเกินไปบางครั้งจำยอม ไม่ใช่เพราะไร้เหตุผล
แต่เพราะไม่อยากโต้แย้งเอาชนะใจคนยากหยั่งโดยแท้
แต่..จะคงความดีงาม ไม่เสียใจ
เพราะยังเชื่อเสมอว่า…
“หากใจคนงาม โลกก็งาม”
กาลเวลาพิสูจน์ทุกอย่าง
และทุกอย่างอธิบายน้ำใจคนน้ำไม่หยั่ง ไม่อาจรู้ตื้นลึก
คนไม่คบ ไม่อาจรู้ดีชั่ว
ในโลกนี้ มีเพียงกาลเวลาไม่หลอกลวง
กาลเวลาเท่านั้นจะพิสูจน์ทุกอย่างว่า
“อะไรจริง อะไรลวง”
ดูคน อย่าเพียงดูด้วยตา จะดูผิดได้ง่าย
ยิ่งไม่ควรเพียงฟังด้วยหู เพราะล้วนคำเท็จ
มีเพียงอาศัยเวลา สัมผัสด้วยใจ
สิ่งที่จริง จะลวงไม่ได้
สิ่งที่ลวง ก็เป็นจริงไม่ได้
กาลเวลานั้นดี
พิสูจน์ใจคน เป็นประจักษ์พยานในนิสัยคนเห็นความจริง เปิดโปงความลวง
ใครเป็นคนจริง ใครเป็นคนหลอกลวง
กาลเวลาจะบอกได้เอง
การเป็นคนดี ก็ต้องเป็นคนดีให้พอเหมาะพอควร
การทำดี ก็ต้องทำดีให้พอเหมาะพอควรการเป็นคนดีเกินไป ใคร ๆ ก็จะไม่เกรงใจ และมักเอาเปรียบเสมอ
การทำดีเกินไป ใคร ๆ ก็จะไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำไป
แต่กลับเห็นเราเป็นคนโง่ที่ยอมเสียเปรียบคนอื่นตลอดเวลา
เป็นคนดีระดับไหน ถึงได้ชื่อว่า “ดีเกินไป”…..
1. แม้ตนเองไม่ได้ทำผิด แต่ก็ยังขอโทษ เป็นฝ่ายยอมรับผิดเสียเองทั้ง ๆ ที่ตนเองไม่ได้กระทำผิด ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเหลิง ลืมตัว ไม่สำนึกในความผิดของตนเอง และชอบโทษคนอื่นเสมอ
2. เสียสละมากไป เห็นแก่คนอื่นมากเกินไป ช่วยคนอื่นมากเกินไป จนลืมที่จะรักตัวเอง ลืมที่จะดูแลตนเอง หรือแม้แต่จะยอมติดคุกแทนคนอื่นที่กระทำผิด หรือยอมรับโทษเสียเองเพื่อให้คนอื่นรอด หรือให้เขามากไปจนตัวเองไม่เหลืออะไร
3. เจ็บแล้วไม่จำ ให้อภัยทุกคนเสมอ ให้อภัยได้ตลอดเวลา ไม่จดจำความผิดที่เขาเคยกระทำกับตนเอง ถูกเขากระทำซ้ำแล้วซ้ำอีก เหมือนไม่เข็ดหลาบ ถูกเขาหลอกแล้วหลอกอีก เอาเปรียบแล้วเอาเปรียบอีก เหมือนคนโง่ที่ไม่เรียนรู้ชีวิตเพราะดีเกินไป
การเป็นคนดี พอเหมาะพอควร คือ การทำดี โดยที่ตนเองไม่เดือดร้อน ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ คนดีต้องรักตนเองก่อน จะทำดีอย่างไรก็อย่าให้ตนเองเดือดร้อน และควรทำดีให้ถูกคน ทำดีกับคนที่รู้จักสำนึกในความดีของคนอื่น หากคนไหนไม่สำนึก ไม่จดจำความดีของคนอื่น เราก็จงเลิกทำดีกับเขา เอาเวลาของเราไปทำดีกับคนที่ดีจะดีกว่าเสียเวลาให้กับคนที่เห็นการทำดีเป็นความโง่ ถูกเขาเอารัดเอาเปรียบ จงอย่าดีเกินไปการเป็นคน “ดีเกินไป” หรือ การทำ “ดีเกินไป” นั้น ย่อมนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเอง ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง มิหนำซ้ำ ยังเป็นการส่งเสริมให้คนอื่นได้ใจ และชอบเอารัดเอาเปรียบต่อไปเรื่อย ๆ
ขอขอบพระคุณที่มา : วิภาดา กิตติโกวิท