Home »
Uncategories »
ธอส.ปล่อยกู้บ้าน(รอบ2) ผ่อนเดือนละ 3,800บาท ตั้งแต่ มี.ค- มิ.ย 2562
ธอส.ปล่อยกู้บ้าน(รอบ2) ผ่อนเดือนละ 3,800บาท ตั้งแต่ มี.ค- มิ.ย 2562
ธอส.ปล่อยกู้บ้าน(รอบ2) ผ่อนเดือนละ 3,800บาท ตั้งแต่ มี.ค- มิ.ย 2562
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
ประกาศให้ผู้จองสิทธิสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลัง ในกลุ่มที่ 2 จากผู้ยื่น
จองสิทธิทั้งหมด 127,000 ล้านบาท ยื่นคำขอกู้กับธนาคารได้ตั้งแต่วันที่ 1
มีนาคม 2562 ถึงวันที่ 28 มิถุนายน 2562
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ธนาคารได้เปิดให้ผู้จองสิทธิสินเชื่อกลุ่มแรก
ยื่นคำขอกู้กับธนาคารไปแล้วตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 ล่าสุด ณ วันที่ 27
กุมภาพันธ์ 2562 มีประชาชนยื่นเอกสารขอกู้แล้ว 3,750 ราย วงเงินกู้ 2,400
ล้านบาท และได้รับอนุมัติสินเชื่อแล้ว 2,750 ราย วงเงินกู้ 1,680 ล้านบาท
ทั้งนี้ ประชาชนที่จองสิทธิสินเชื่อ
สามารถตรวจสอบระยะเวลายื่นคำขอกู้ของตนเองได้ที่เว็บไซต์ http://report.ghbmillionhome.com โดยผู้ที่ต้องการยื่นกู้
สามารถนำรหัสจองสิทธิที่ได้รับทาง SMS
พร้อมด้วยหลักฐานสำคัญมอบให้กับเจ้าหน้าที่สินเชื่อ แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก
ประกอบด้วย
1.เอกสารแสดงตัวตน อาทิ บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน
2.เอกสารแสดงรายได้ อาทิ กรณีพนักงานประจำ ใบรับรองเงินเดือนหรือหนังสือผ่านสิทธิสวัสดิการ สลิปเงินเดือน สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง
3.เอกสารแสดงหลักประกัน อาทิ สัญญาจะซื้อจะขาย สำเนาโฉนดที่ดิน
หรือสามารถติดต่อขอรับคำปรึกษากับเจ้าหน้าที่สินเชื่อในเรื่องเอกสารที่ต้องนำมาประกอบการยื่นกู้กับธนาคารในแต่ละวัตถุประสงค์การกู้ตามอาชีพของตนเองได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ทุกสาขาทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call
Center) โทร 0-2645-9000 และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์
บอร์ด ธอส.ไฟเขียว บ้านล้านหลัง วงเงิน 6 หมื่นล้าน
ปล่อยกู้รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ดอกเบี้ย 3% นาน 5 ปีแรก ผ่อนเดือนละ 3,800
เปิดลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เดือนธันวาปีนี้
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร (24 ส.ค.)
ได้มีมติอนุมัติให้จัดทำโครงการบ้านล้านหลัง ภายใต้กรอบวงเงินรวม 60,000
ล้านบาท
เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
โดยมุ่งเน้นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนวัยทำงาน
หรือผู้ที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ แบ่งเป็น
สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย วงเงิน 10,000 ล้านบาท
ให้กู้สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณสมบัติพร้อมกับปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนดนำไปจัดทำที่อยู่อาศัยที่มีราคาขายไม่เกิน
1 ล้านบาทต่อหน่วย ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40
ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมดของโครงการ อัตราดอกเบี้ย MLR 1.25% ต่อปี
เฉพาะกรณีสร้างที่อยู่อาศัยที่มีราคาขายไม่เกิน 1 ล้านบาท
ส่วนกรณีก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่มีราคาขายเกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MLR
0.75% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MLR อยู่ที่ 6.25% ต่อปี)
สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับลูกค้ารายย่อย (Post Finance) วงเงิน 50,000
ล้านบาท สำหรับประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
กลุ่มคนวัยทำงานหรือผู้ที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว
รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
วัตถุประสงค์การให้กู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1,000,000 บาท
หรือปลูกสร้าง
และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย
ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี
สำหรับอัตราดอกเบี้ยในกรณีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน
(กรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท) อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 ปีที่ คงที่ 3.00% ต่อปี
ปีที่ 6 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้เงิน กรณีสวัสดิการ MRR 1% ต่อปี
กรณีรายย่อย MRR 0.75% กรณีซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกฯ
อัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส.เท่ากับ 6.75% ต่อปี)
กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระ 5 ปีแรก เริ่มต้นเพียง 3,800 บาทเท่านั้น
ยกเว้นค่าธรรมเนียม 4 ฟรี ได้แก่ 1. ฟรีค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1%
ของวงเงินทำนิติกรรม) 2. ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกันทุกวงเงินกู้
(1,900-2,300 บาท) 3. ฟรีค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (1,000 บาท) และ 4.
ฟรีค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง 1% ของวงเงินจำนอง
ส่วนผู้ประกอบอาชีพประจำหรืออาชีพอิสระที่มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท
หากเอกสารแสดงรายได้เพื่อคำนวณความสามารถในการกู้ไม่เพียงพอต่อเงินงวดผ่อนชำระรายเดือน
ให้สามารถนำหลักฐานการชำระค่าเช่า หรือ ผ่อนชำระเงินดาวน์ไม่น้อยกว่า 12
เดือนมาประกอบการพิจารณาเพื่อคำนวณรายได้เพิ่มเติมได้
หรือหากไม่สามารถแสดงหลักฐานที่มาของรายได้ต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ
ธอส. โรงเรียนการเงิน
โดยทำการออมอย่างสม่ำเสมอไม่น้อยกว่าเงินงวดผ่อนชำระเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า
9 เดือน ซึ่งสามารถออมลดลงได้โดยการนำค่าเช่า
หรือวงเงินที่ผ่อนชำระเงินดาวน์ที่อยู่อาศัยมาหักยอดเงินออมลง
ขณะที่คนมีรายได้เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน (กรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท)
อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1- ปีที่ 3 คงที่ 3.00% ต่อปี ปีที่ 4
จนถึงตลอดอายุสัญญาเงินกู้ กรณีสวัสดิการ MRR 1% ต่อปี กรณีรายย่อย MRR
0.50% กรณีซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก อัตราดอกเบี้ย MRR
ตั้งแต่ปีที่ 1 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้เงิน กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระ 3
ปีแรกเริ่มต้นเพียง 3,800 บาท เช่นกัน
ทั้งนี้ การดำเนินงานในเฟสที่ 1
ธนาคารได้รวบรวมที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท
ทั้งแนวราบและแนวสูง
ซึ่งมีความพร้อมให้ผู้ซื้อเข้าอยู่อาศัยตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2561
และมีแผนการก่อสร้างที่ชัดเจนจนถึงปี 2565 เข้าร่วมโครงการจำนวนรวม 270,000
หน่วย พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 จำนวน 133,307 หน่วย
แบ่งเป็น 1. โครงการของผู้ประกอบการประมาณ 45,000 หน่วย
(พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 จำนวน 5,530 หน่วย) 2. ทรัพย์ NPA
ของ ธอส. 21,000 หน่วย (พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 จำนวน 4,874
หน่วย) ทรัพย์ NPA ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs)
พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 จำนวน 1,005 หน่วย ทรัพย์ NPA
ของบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด(BAM) และ บริษัท
บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด(SAM) พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4 จำนวน
7,544 หน่วย ทรัพย์ขายทอดตลาดของ ธอส. 44,000 หน่วย
(พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 จำนวน 14,155 หน่วย)
ทรัพย์ขายทอดตลาด-เจ้าหนี้อื่นๆ(กรมบังคับคดี) พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4
จำนวน 77,981 หน่วย และโครงการของการเคหะแห่งชาติประมาณ 74,000 หน่วย
(พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 จำนวน 22,218 หน่วย)
ส่วนเฟสที่ 2 จะจัดทำความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
สร้างภาคีเครือข่ายเพื่อให้มีการทำข้อตกลงร่วมกัน เช่น
การนำโครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติที่ยังว่างอยู่มาจำหน่ายให้กับหน่วยงานภาครัฐเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการ
และเฟสที่ 3
รูปแบบการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนโดยส่งเสริมให้มีการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน
ในการจัดทำโครงการนำร่องกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นพื้นที่ที่มีศักยภาพ
เช่น จ.ขอนแก่น จ.นครราชสีมา จ.อุดรธานี จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ปทุมธานี
เพื่อพัฒนาโครงการที่พักอาศัยที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเมืองในแต่ละพื้นที่
นอกจากนี้
ธอส.จะเสนอกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาขอรับการส่งเสริมการลงทุน(BOI)
จากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ โดยกำหนดราคาหลักประกันสูงสุด 1,000,000
บาทเท่ากันทั่วประเทศ จากปัจจุบันการส่งเสริมการลงทุนในเขตกรุงเทพฯ
และปริมณฑลกำหนดราคาหลักประกันสูงสุด 1,000,000 บาท
และส่งเสริมการลงทุนในเขตภูมิภาค กำหนดราคาหลักประกันสูงสุดที่ 600,000 บาท
ซึ่งถือเป็นข้อเสนอของผู้ประกอบการเพื่อให้วงเงินสอดคล้องกับราคาที่อยู่อาศัยของโครงการบ้านล้านหลังต่อไป
อย่างไรก็ตาม ธอส.จะเปิดให้จองที่อยู่อาศัยในโครงการภายในเดือน ธ.ค.
2561 ทั้งในกรุงเทพฯ และส่วนภูมิภาค ลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อยื่นคำขอกู้
ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 2562 และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธ.ค. 2562
หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด.
ที่มา : ไทยรัฐ ธนาคารอาคารสงเคราะห์