อุทาหรณ์เตือนใจ ทำประกันชีวิตของพ่อสู่การเป็นหนี้ของครอบครัว

เป็นอีกหนึ่งกระทู้ในพันทิปที่เป็นอุทาหรณ์ให้กับชาวเน็ตเป็นอย่างมาก เตือนใจในการทำประกันชีวิต สำหรับเรื่องราวจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 5715183 ได้เล่าเรื่องการทำประกันชีวิต คิดก่อนซื้อ เล่าเรื่องราวการทำประกันชีวิตของพ่อ สู่การเป็นหนี้ของครอบครัว พร้อมขอคำแนะนำแก้ปัญหาครับ โดยระบุว่า....

       กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก ผิดพลาดประการใดขออภัยนะครับ

       ขออนุญาตเล่ากันฟัง แนวบ่น และขอคำแนะนำผู้รู้ด้วยนะครับ เกี่ยวกับประกันชีวิตและการเงิน ธนาคาร เดิมทีได้ตามอ่านกระทู้เกี่ยวกับการชักชวนให้ซื้อซื้อประกันชีวิตที่ถูกชักชวนมาในรูปแบบต่างๆ การจ่ายเงินประกันไม่ไหว ทำให้ต้องเสียค่าปรับให้แก่บริษัทไป ทั้งที่เป็นเงินของเราเองแท้ๆ เช่น จ่ายเบี้ยประกันไปแล้ว 3 แสนบาท แต่ต้องเวียนคืนกรมธรรม์ เพราะไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายได้ ทำให้ได้เงินคืนหลักหมื่น เป็นต้น

       สรุปอ่านล่างสุดเลยนะครับ ..
 

       เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวผม ครอบครัวค้าขาย คนไทยเชื้อสาจีน ต่างจังหวัด มีพ่อแม่และอาโกว ช่วยกันทำมาหากินค้าขายมานาน 20 กว่าปี แม่และอาโกว เป็นคนขาย มีพ่อเป็นคนเอาเงินเข้าธนาคาร ดูแลเรื่องการโอนจ่ายเงิน เพราะฉะนั้นเงินจึงอยู่ในชื่อพ่อ และพ่อเป็นคนถือเงินของบ้านทั้งหมด ( บ้านเป็นธุรกิจขายส่งนะครับ เงินหมุนเวียนต่อวันหลักแสน แต่กำไรไม่ได้มากมายขนาดนั้น พอส่งลูกเรียนได้)

       แน่นอนครับ เข้าออกธนาคารทุกวัน ย่อมสนิทกับพนักงานธนาคารทั้งชายและหญิง ตลอดจนผู้จัดการ มีการชักชวนทำประกันเพื่อให้ได้ยอดของแต่ละคน แต่ละธนาคาร เริ่มมาตั้งแต่ปี 40 คือตั้งแต่หลังลูกๆเริ่มโต โดยใช้คำอ้างเพื่ออนาคตลูกบ้างเหละ ประกันการศึกษาบ้างเหละ (ทั้งๆที่เรียนโรงเรียนรัฐและที่บ้านไม่ได้ลำบากเรื่องเงินขนาดนั้น) พ่อก็ถูกชักชวนให้ทำประกันเรื่อยมาปีละ 1-2 เล่ม เป็นชื่อแม่ และลูกบ้างคนละ 2-3 เล่ม โดยส่วนใหญ่จะเป็นชื่อของตัวเอง
ผ่ายเลยไป 20 ปี , ปี 60 แม่มาบ่นว่าทที่บ้านก็ขายของได้ มีเงินเข้าทุกวัน แต่ทำไมพ่อยังมาบ่นเรื่องเงินหมุนไม่ทันอยู่ ต้องไปเอาบ้านไปจำนองธนาคาร (เค้าเรียกการทำ OD) วงเงินสูงถึง 10 ล้านบาท 2 ธนาคารรวมกันประมาณ 15 ล้านบาท , หลังเรียนจบมีเวลากลับบ้าน จึงได้ลองคุยกับพ่อจริงจัง ไปเปิดกรุสมบัติของพ่อแล้วต้องตกใจกันทั้งบ้าน !!

        พ่อมีหนังสือประกันชีวิต อยู่ในตู้เสื้อผ้าถึง 50 กว่าเล่ม !!! ,  เดิมไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อมีการทำประกันชีวิตมากมายขนาดนี้ แทบจะเป็นลม ผมมานั่งเปิดทีละเล่ม จบรายละเอียดใส่ excel , มีเล่มจ่ายครบไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่เงินยังไม่ครบกำหนด อีกส่วนก็กำลังจ่าย คำนวณเบี้ยประกันต่อปีอยู่ที่ 5 ล้านบาทต่อปี ,  โดยแจกแจงแล้ว

        -  มีเล่มประกันที่คุ้มครองตลอดชีพ 99 ปี ว่าง่ายๆคือ คนจ่ายไม่ได้เห็นเงินแน่นอนถ้าไม่ตาย เป็นของค่ายสีชมพู่ ประมาณ 7 เล่ม ยอดเบี้ยประกันรวมกันประมาณ 1 ล้านบาทต่อปี

        -  เล่นประกัน ที่ต้องจ่ายปี ละ 1 ล้านบาท อยู่ 2 เล่ม เป็นของค่ายสีส้มและค่ายสีน้ำเงิน ส่วนของค่ายสีม่วงจ่ายครบแล้ว เงินได้ปี 70
        -  นอกนั้นเป็นเล่มย่อยๆอีกประมาณ 30 กว่าเล่ม รวมๆเบี้ยประกันประมาณ 2 ล้าน

          หลังจากที่คำนวณเสร็จก็น้ำตาตก คุยกับพ่อ ว่าจะจ่ายไหวได้อย่างไร เงินเราไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น พ่อบอกให้ไปยกเลิก โดยที่พ่อไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าประกัน ถ้ายกเลิกก่อนสัญญา จะได้ไม่เต็มจำนวน คือจะเหลือประมาณ 20-50% ของเงินที่เราจ่ายไป ผมเลยให้พ่อลองจัดการหาวิธี และตัวเองก็กลับมาทำงานต่อ โดยได้สอบถามเป็นระยะ

         สรุปต้นปีที่ผ่านมา ปัญหายังไม่ถูกคลี่คลาย แถมยังมีปัญหาเข้ามาอีก คือพ่อไปกู้เงินเพื่อธุรกิจ SME มาหมุนอีก 5 ล้านบาท บวกกับ วงเงินกู้ระยะสั้นของธนาคาร(OD) ทั้ง2 ธนาคารรวมกันอีก 10 ล้าน เท่ากับว่าตอนนี้บ้านเรามีหนี้ 15 ล้านบาท และภาระในการจ่ายเบี้ยประกันอีกปีละ 5 ล้าน ,

          พยายามคิดหาทางออกคนเดียว เพราะทั้งพ่อและแม่ไม่มีใครรู้เรื่อง พ่อก็ตกใจได้แต่เครียดอย่างเดียว
สรุปภาวะทางการเงินของที่บ้าน มีหนี้อยู่ 15 ล้านบาทกับธนาคาร ดอกเบี้ยคิดทุกวัน , เงินที่จ่ายเข้าเล่มประกัน 20 ล้านบาท แต่ไม่สามารถถอนเอาออกมาได้ ถ้าเวียนคืนยอมตัดจบ จะได้เงินกลับมาประมาณ 10-13 ล้านบาท , เงินของเรา ประมาณ 10 ล้านหายไปในเวลา 10 ปี เพราะความหัวอ่อนของพ่อ ถูกคนชักชวนง่าย

         แต่เรื่องนี้ก็ไม่อยากโทษใคร ได้แต่โมโห และแค้นคนเสนอขายประกัน ขอสรุปดังนี้ครับ

         1. พ่อถูกชักชวนให้ทำประกันชีวิต 50 ฉบับ ในระยะเวลา 20 ปี 

         2. ตัวแทนประกันส่วนใหญ่เป็นพนักงานธนาคาร ทุกธนาคารเลยครับที่ชักชวนพ่อ ตั้งแต่ธนาคารสีเขียว เอาบัตร wishdoom มาหลอกล่อ + เอกสิทธิ์ ที่พ่อไม่เคยจะได้ใช้ เพราะอยู่ต่างจังหวัด ยกเว้นเข้าเลาจ์สนามบิน , ธนาคารสีเหลือง ให้บัตร exclusive , ธนาคาร TMN สีฟ้า , ธนาคารสีส้ม อันนี้เก่าแก่ พ่อเข้ามานาน หลอกได้เยอะ หลายเล่มมาก , และทุกๆธนาคารที่พ่อเข้า ที่น่าเกลียดที่สุดคือ ให้เพื่อนที่อยู่ต่างสาขา มาขายประกันพ่อด้วย( พ่อผมหัวอ่อนมาก ปฏิเสธใครไม่ค่อยเป็น อันนี้ข้อเสียสุดๆ)

         3. ที่บ้านเป็นหนี้ ธนาคาร จากการเปิดวงเงินระยะสั้น (OD) ตัวแดงอยู่ประมาณ 10 ล้าน เนื่องจากเงินหมุนในธุรกิจที่บ้านไม่ทัน เงินต้องไปจ่ายเข้าไปในเล่นประกัน

         4. บวกกับหนี้เงินกู้ระยะยาวอีก 5 ล้าน

         5. โดยบวกลบแล้ว  เงินที่เคยเป็นของเรา ยังมากกว่าหนี้ที่ตอนนี้เป็นอยู่หน่อย แต่ตอนนี้เงินไม่ใช่ของเราแล้วถ้ายังไม่ถึงเวลาที่กำหนด

         6. สถานะที่บ้านตอนนี้จึงกำลังย่ำแย่ เพราะต้องจ่ายดอกเบี้ยธนาคารทุกวัน บวกกับหาเงินไปจ่ายเล่มประกันเพื่อให้ขาดทุนน้อยที่สุด

         7. ฝากข้อคิด ก่อนซื้อประกันชีวิตอย่าโลภ คิดถึงกำลังในการจ่ายของเราด้วย อย่าให้มีปัญหาแบบบ้านของผม มันทำให้เราไม่ค่อยอยากอยู่มีชีวิต เพราะอยู่ไปก็ต้องไปหาเงินมาจ่ายสัญญาทาสอีกเป็น 10 ปี

         ปล. ขอคำแนะนำจากพี่ๆ กูรูผู้รู้ หรือผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์แบบนี้ หรือประสบการณ์เป็นหนี้ธนาคารด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ทางเลือกที่กำลังคิดไว้ตอนนี้ คือยอมตัดเนื้อตัวเอง เวียนคืนกรมธรรม์เกือบทุกเล่ม เพื่อลดรายจ่าย แล้วเอาเงินที่ได้มาโปะคืนหนี้ OD ธนาคารครับ ซึ่งวิธีนี้จะขาดทุนประมาณ 3-5 ล้านบาท แต่ถ้าฝืนต่อไปน่าจะโดนดอกเบี้ยธนาคารกินอีกมากแน่ครับ

       เป็นอุทาหรณ์ในการทำประกันชีวิต ยิ่งพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจในเรื่องของประกันชีวิตจริงๆ อาจจะทำให้เกิดปัญหาแบบนี้ได้ ขาดทุน ไม่คุ้มกับการส่งเบี้ยประกัน ดูไว้เป็นอุทาหรณ์ 

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก สมาชิกพันทิปหมายเลข 5715183