เมียสายข่าวสะอื้น เล่าวินาทีเจ็บปวดถูก 4 อาสา จับขึงขืนใจ-กรอกยาบ้า

สายข่าวพร้อมเมียให้สัมภาษณ์เล่าวินาทีโดน 4 อาสา จับขึงขืนใจ-กรอกยาบ้า เผยถูกคุมคามหนักจนไม่มีที่ซุกหัวนอน ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปตามป่า
   
       จากกรณีข่าว สองสามีภรรยาเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลพบุรี อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ อส. หรือเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน ทำร้ายและข่มขืนภรรยา-จับกรอกยาบ้า และทางเจ้าหน้าที่ อส. ทั้ง 4 นาย ก็ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหา ต่อมาหนึ่งใน อส. ที่ถูกกล่าวหา ยันถูกใส่ร้าย เผยวันชี้ตัวฝ่ายหญิงก็ชี้ไม่ถูก ต้องให้สามีคอยสะกิด พร้อมโต้กลับคู่กรณีน่าจะเบลอยา อ้างมีคนอยู่เป็นร้อย ทำไมไม่มีใครรู้เรื่อง

       ล่าสุด วันที่ 26 ธันวาคม 2560 รายการ โหนกระแส ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 20.30-21.00 น. ทางช่อง 28 ได้เปิดใจผู้เสียหาย คุณวัน และ คุณนี พร้อมด้วยทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์มาร่วมพูดคุยกันในรายการ

เหตุการณ์เกิดขึ้นวันไหน ?

       คุณวัน : วันที่ 11 ธันวาคม รอยต่อวันที่ 12 ธันวาคม คือเหตุการณ์วันนั้นช่วงเวลา 18.00 น. ผมได้ไปหาข่าวซื้อยาบ้า แล้วไปเจอยาบ้าชุดที่เคยจับแล้วมาชี้ตัว ผมเป็นสายของตำรวจ ผมไปดูข่าวจุดใหม่ ไปเจอพวกขบวนการยา คงแก้แค้นผมโดยให้ผู้ใหญ่มาจับตัว

เพื่ออะไร ?       คุณวัน : เพื่อหักผมไม่ให้ไปล่อซื้อเขาอีก

ตัวคุณเสพยา ?

       คุณวัน : ใช่ครับ

ผู้ใหญ่จับตัวไปไหน ?

       คุณวัน : ที่ศูนย์บำบัดยาวัดดงน้อยครับ

       คุณนี : หนูก็ขอไปด้วย หนูเป็นห่วงเลยขอติดตามไปด้วย ติดรถไปกับแฟนเลย ณ ตอนนั้น อส. มารับ พอหลังจากที่วัดดงน้อยแล้วเขาแยกแฟนหนูไปจุดลงทะเบียน หนูก็ขอตัวมานั่งหน้าเสาธง เพื่อจะได้ไม่ปะปนกับพวกบำบัด คือไม่ให้มีผู้หญิงมาปะปนกับคนที่บำบัด มีแต่พวกผู้ชาย

ศูนย์บำบัดที่วัดดงน้อย ตรงที่คุณบอกตรงกลางเป็นเสาธง ซ้าย-ขวาเป็นอะไร ?

       คุณนี :  ด้านขวาของเราเป็นช่วงหอระฆังห่างไป ช่วงกลาง ๆ จะเป็นศาลาที่พวกผู้บำบัดเขาอยู่กัน ศาลาการเปรียญ ด้านบนเป็นเรือนนอน มีคนบำบัดอยู่ข้างบน

มีคนบำบัดกี่คน ?

       คุณวัน : 238 คน ซึ่งด้านล่างเหมือนห้องจัดไว้ประประชุมผู้บำบัด ก็ปิดไฟมืดเลย
หอระฆังอยู่ด้านขวา เลยสนามไป”

แล้วคุณอยู่ตรงไหน ?

       คุณวัน : ผมโดนแยกไปอยู่บนหอระฆัง เขาแยกผมไปครับ

อส.ไปพูดตามรายการต่าง ๆ ว่าคุณเป็นคนขอไปอยู่เอง คุณไม่กล้าขึ้นไปนอนศาลาการเปรียญ เพราะกลัว 200 กว่าคนที่เป็นโจทย์ กลัวว่าคุณขึ้นไปแล้วคุณจะเจอคนที่คุณไปล่อซื้อยา ถ้าขึ้นไปขอผูกคอตายดีกว่า ?

       คุณวัน :ไม่จริงครับ ณ เวลานั้นผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ถ้าเขาให้ปฏิบัติตามกระบวนการผมก็ปฏิบัติตามที่เขาบอกหมด

แล้วทำไมต้องขึ้นไปอยู่ที่หอระฆัง ?

       คุณวัน : เขาแยกตัวผมไป อส. คนหนึ่งที่เป็นครู เขาก็บอกว่าเดี๋ยวเราให้กรณีพิเศษ เราขึ้นไปบนหอระฆังแล้วกัน

แล้วภรรยาล่ะ ?

       คุณวัน : ภรรยาก็ยังนั่งอยู่หน้าเสาธงจุดเดิม ก่อนขึ้นไปอยู่บนหอระฆัง ผมนั่งอยู่ตรงจุดลงทะเบียน ผมได้ยินเขาพูดแล้วว่าคืนนี้เขาจะทำอะไรสนุก ๆ เดี๋ยวเอาเมียไอ้นี่ไปรุมโทรมกัน แล้วผมก็ได้เดินกลับมาหาเมีย

       คุณนี :  เขาเดินกลับมาพูดกับหนูว่าถ้าพวกนั้นเขาจะพาหนูไปที่ไหนหรือจะทำอะไรก็แล้ว
แต่ให้ตะโกนร้องเรียกดัง ๆ เลย

ในเมื่อสามีเดินมาบอกคุณ ทำไมไม่หนีไปเลย ?

       คุณนี : หนูไม่มีรถกลับค่ะ หนูบอกได้เลย และเวลานั้นหนูอยากจะวิ่งหนีนะคะ แต่หนูคิดว่าศาลาใกล้ ๆ ณ ตรงนั้น มีผู้หญิงอยู่เยอะหนูเลยขอนั่งอยู่ศาลางานศพตรงใกล้ ๆ ตรงนั้นก็ได้ เพราะอย่างน้อย ๆ มีผู้หญิงอยู่ แล้วอีกอย่างที่หนูนั่งตรงหน้าเสาธงหนูได้ขอกับหัวหน้าพวกเขาแล้วว่าหนูขอนั่งอยู่ตรงนี้อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว หนูก็ขอกลับพร้อมแฟนจะได้กลับบ้านพร้อมกัน

แถวนั้นไม่มีพระ ?

       คุณวัน : ไม่มีครับ พระจำวัดหมดเลย ไม่มีชี ไม่มีเณร ตอนนั้นมันดึกยามวิกาลแล้ว ห้าทุ่มเกือบเที่ยงคืน

ตรงนั้นมี อส. กี่คน ?

       คุณวัน : ณ ตรงนั้นมี 10 กว่าคนครับ แต่ อส. ที่อยู่ในศูนย์นั้นมี 20 กว่าคน ผมก็ทราบคร่าว ๆ ว่า 24 คน

ภรรยายืนยันว่าไม่หนีเพราะกลับไม่ได้ ?

       คุณนี :  ใช่ค่ะ คือมันดึกมากแล้วค่ะ บริเวณรอบวัด ตอนนั้นร้านค้าหรือตามบ้านเรือนเขาปิดกันหมดแล้ว มันเปลี่ยวด้วยค่ะ

       คุณวัน : หลังจากนั้นผมก็ขึ้นไปหอระฆังตามที่เขาให้ขึ้นไป ผมยืนยันว่าเขาให้ผมขึ้นไปครับ เขาให้ผมขึ้นไปกรณีพิเศษ แต่สายตาผมจับจ้องมาที่แฟนตลอด มองลงมาที่แฟนที่เสาธงตลอด

หอระฆังกับจุดเสาธง มันไกลมั้ย ?

       คุณวัน : ไม่เกิน 20 เมตรครับ ผมเห็นภรรยานั่งอยู่แล้วมีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็น อส. เข้ามาพูดคุยกับภรรยา แต่ภรรยาก็ชี้ไปที่ศาลางานศพ เขาพูดอะไรกันไม่รู้

       คุณนี :  เขาจะไม่ให้หนูปะปนกับพวกบำบัด แม้แต่นั่งหน้าเสาธงก็ไม่ได้ หนูก็บอกว่าหนูขอกับหัวหน้าเขาแล้วว่าหนูขอนั่งตรงนี้ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าหนูจะได้กลับแล้ว เขาบอกว่านั่งตรงนี้ไม่ได้ หลังจากตรงนั้นหัวหน้าเขาได้กลับไปแล้ว หนูเลยบอกว่างั้นขอไปนั่งศาลางานศพได้มั้ย ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ศาลาผู้บำบัดมันติดกันเลย หนูก็ขอไปนั่งตรงนั้น เพราะมีผู้หญิงด้วย เขาบอกไม่ได้

เขาพาไปไหน ?

       คุณนี : เขาก็บอกว่างั้นไปนั่งรวมกลุ่มใต้ถุนศาลาที่มีพวกบำบัดนอนอยู่ มืดหมดเลยค่ะ
คนที่พาไปคือหนึ่งในกลุ่ม อส.

       คุณวัน : ผมก็เห็นครับ ผมก็ตะโกนว่ามึงจะพาเมียไปไหนวะ ผมตะโกนดัง แล้วพวก อส. บอกว่ามึงจะตะโกนเรียกเมียมึงทำไมวะ พร้อมฉายสปอร์ตไลต์ใส่หน้าผม หลังจากนั้นผมก็ไม่เห็น แต่รู้ว่าพาเข้าใต้ถุนศาลาแน่นอน

       คุณนี :  ตอนนั้นหนูไม่เห็นว่ามีใครอยู่ค่ะ เพราะปิดไฟมืดหมดเลย แล้วมีอยู่คนนึงพาหนูเดินนำหน้า ที่ว่าจะพาหนูเดินเข้าไป

คนที่ออกมาให้ข่าวใช่มั้ย ?

       คุณนี :  ใช่ค่ะ แล้วก็มีอีก 3 คนที่เดินตามหลังมาตอนแรกหนูไม่เห็นว่ามีคนเดินตามหลังหนูมา ทีนี้พอพาหนูเข้าไปปุ๊บ ก็ปิดประตู อ้าว มีอีก 3 คนนี่หน่า ตอนนั้นก็ตกใจ คิดว่าคนเยอะคงไม่อะไร แต่เขาปิดประตูแป๊บเดียว เขาดึงกระชากหนูให้ล้มลงเลยค่ะ ทีนี้ก็ช่วยกันจับ

ถูกคุกคามทางเพศแน่นอน ?

       คุณนี :  แน่นอนค่ะ ยืนยันค่ะ ถูกคุกคาม 4 คนค่ะ

       คุณวัน : ผมได้ยินเสียงครับ ผมก็วิ่งลงมาจากหอระฆัง โดน อส. รุมกระทืบผม อส. 10 กว่าคนที่อยู่ด้านนอก ระหว่างหอระฆังกับเสาธง เขาบอกว่าให้ขึ้นไป แต่ผมบอกไม่ขึ้นจะไปช่วยเมียเขาก็ต่อยผม

ได้ยินเสียงสามีมั้ยตอนนั้น ?

       คุณนี :  ได้ยินค่ะ ตอนนั้นหนูตะโกนเรียกแล้ว แต่มีเสียงเรียกแค่ช่วงแป๊บเดียว เขาก็ปิดปากหนูหมดเลย (ร้องไห้) หนูได้ยินเสียงแฟน เหมือนถูกทำร้าย

       คุณวัน : ผมก็คิดว่าผมคงช่วยเมียผมไม่ได้ ผมเลยกลับขึ้นไปหอระฆังเหมือนเดิม

ทางฝั่งโน้นบอกคุณไม่ได้ลงมาเลย ?

       คุณวัน : ลงครับ ยืนยัน

หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาบอกคุณว่ายังไง ?

       คุณนี :  ช่วงที่เขาทำอยู่ (ร้องไห้) มี อส. คนหนึ่งที่อยู่ด้านนอก เดินเข้ามาบอกว่า เฮ้ย ผัวมันโวยวายจะเอาเรื่อง จะทำยังไงดี หนึ่งในนั้นเขาเดินออกมาข้างนอก หนูไม่รู้เขาเดินเข้ามาเอาอะไร พอกลับเข้าไปปิดประตูปุ๊บ อยู่ ๆ เขาก็เอาเหมือนยาบ้ามายัดใส่ปากหนู (ร้องไห้)

คุณรู้ได้ไงว่าเป็นยาบ้า ?

       คุณนี : แฟนหนูเป็นสาย หนูก็พอรู้อยู่ค่ะว่าอันนี้คือยา เขายัดปากหนูสองเม็ดค่ะ จับปากหนูบีบ เอายากรอกใส่ แล้วเอาน้ำกรอกตามเขาบอกว่าห้ามพูดได้มั้ย ไม่ต้องพูดนะ ไม่ต้องทำให้เป็นเรื่องเป็นราว หนูก็ได้แต่ร้องไห้ เขาบอกว่าถ้าไม่อยากอยู่ไกลแฟนก็เงียบไว้ดีกว่า อย่าพูด ไม่งั้นจะถูกจับไปอยู่ที่อื่นเพราะอย่างน้อย ๆ ตอนนี้หนูมีสารเสพติดในร่างกายแล้ว เขาจะจับหนูส่งบำบัดที่อื่น ซึ่งหนูกลัวตอนนั้น หนูไปไหนไปกับแฟนตลอด หนูไม่เคยห่างกัน

มีการแจ้งความว่าคุณเสพยามั้ย ?
4 อาสา จับขึงขืนใจ-กรอกยาบ้า

       คุณนี :  หนูจะไปแจ้งความนะคะ แต่เขาไม่รับเรื่องหนู

       คุณวัน : ร้อยเวรบอกว่าเรื่องยาก็เรื่องยา เรื่องข่มขืนก็เรื่องข่มขืน เราอย่าไปพูดอย่างนั้น เดี๋ยวจะทำให้สองหน่วยงานทะเลาะกัน ทาง อส. กับตำรวจจะทะเลาะกัน

เขามีการอ้างว่าถ้ามีเหตุการณ์แล้วข่มขืนคุณจริง ๆ คงจะเสียงดัง พระต้องได้ยิน ?

       คุณวัน : พระท่านจำวัดในกุฏิ คงไม่มาสนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว เวลาทำกิจกรรมอะไรมันก็เสียงดังอยู่แล้ว เขาคิดว่าคงเป็นเรื่องปกติ

เขาว่าตอนคุย คุณก็ยังงง ๆ เบลอ ๆ ?

       คุณวัน : ไม่จริงครับ สติสัมปชัญญะครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ตอนนั้นไม่มีการเสพยาครับ

พอเราไปแจ้งความเป็นยังไง ?

       คุณนี :  หนูพยายามบอกร้อยเวรว่าหนูใจร้อนนะคะ หนูอยากให้เรื่องนี้จับคนผิดเข้าคุกให้ได้เร็วที่สุด หนูต้องการให้เขาพาหนูไปชี้ตัวหรือจุดเกิดเหตุก็ได้ แต่ ณ วันนั้นทิ้งเวลาไปยาวนานมากเลยจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม

       คุณวัน : เขาบอกว่าไม่สามารถไปชี้ได้เพราะคนอยู่เยอะ ซึ่งผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมเขาไม่พาไปที่เกิดเหตุ

สิ่งที่อยากรู้คือ ตัวคุณเองได้มีการไปชี้ตัวหรือยัง ?

       คุณนี : ไปแล้วค่ะ วันที่ 19 ไปชี้ที่วัดดงน้อย ตอนนั้นมี อส. ครบ

เขาอ้างว่าคุณชี้ตัวสะเปะสะปะ ?

       คุณนี :  ไม่ค่ะ ณ เวลาที่เขาให้หนูชี้ เขาไม่ได้มายืนเรียงกันเลยทีเดียว คือมาตรงนี้ 10 กว่าคน อีกกลุ่มหนึ่งมาอีก ก็หันไปถามแฟนว่ามันไม่มี

       คุณวัน : ตอนแรกชี้ถูกตัวแล้วครับ 2 คนเลย ไม่ได้สะเปะสะปะเหมือนที่เขาพูด แต่อีก 2 คนบ่ายเบี่ยงที่จะเข้ามา

เขาว่าก่อนชี้คุณหันไปมองสามีตลอด ?

       คุณนี :  ไม่ค่ะ สองคนแรกหนูชี้โดยมั่นใจ หนูชี้ไปก่อนแล้ว

ทางภรรยาได้ไปตรวจร่างกายหรือยัง ?
4 อาสา จับขึงขืนใจ-กรอกยาบ้า

       คุณนี :  ไปแล้วค่ะ ได้ไปตรวจวันที่ 13

       คุณวัน :ผลน่าจะออกแล้วนะครับ เพราะนานเกิน

สิ่งที่ผมแปลกใจคือการชี้ตัว ทำไมไม่เชิญผู้ต้องสงสัยไปชี้ที่สถานีตำรวจ ?

       คุณวัน : ผมไม่ทราบเหมือนกัน

ทนายสงกานต์ คิดว่ายังไง ?

       ทนาย : เรื่องนี้เห็นการทำงานของพนักงานสอบสวนก็ดี เราติดใจในประเด็นที่เอาตัวผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหามายืนในวัดแล้วให้ผู้เสียหายยืนชี้ มันไม่มีหลักกฎหมายหรือพนักงานที่ไหนเขาทำแบบนี้ ถ้าปกติไม่เคยเห็นนะครับ ปกติเขาควรมีการจัดให้มีห้องชี้ตัว แล้วทำหมายเลขติดไว้ให้ผู้เสียหายดูอีกห้องหนึ่งแล้วชี้ตัวว่าผู้ต้องหารายได้เป็นผู้กระทำความผิด

เราไม่ได้โอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง แค่อยากเสนอมุมมองเล็ก ๆ ที่คนอาจมองข้าม ?

       ทนาย : ถูกต้องครับ เห็นผู้ต้องหายืนกอดอก แล้วผู้เสียหายที่ไหนจะกล้าชี้ เกิดผู้ต้องสงสัยเตะผู้เสียหายทำไง มันไม่ได้อยู่แล้ว ผิดหลักตั้งแต่ต้น แค่คิดก็ผิดแล้วครับ

เรียกร้องยังไงได้ ?

       ทนาย :  ประการแรกต้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงในส่วนของตำรวจ ส่วนเรื่อง อส. หน่วยงานที่ดูแลคือกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงต้องตั้งกรรมการสอบเพื่อคืนความเป็นธรรมตามเนื้อผ้า ผิดก็คือผิด ไม่ผิดก็คือไม่ผิด เอาให้ชัดเจน ทีนี้ต้องถามต่อว่าตัวผู้เสียหายที่มาในวันนี้ตำรวจได้ส่งตรวจหรือยัง (ส่งแล้วแต่ผลยังไม่ได้) แล้วในพฤติการณ์แห่งคดีได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานมากน้อยเพียงใด แต่บางกระการก็ยังสงสัยว่าในวันเกิดเหตุตำรวจได้ดำเนินการอะไรบ้าง ส่วนที่สองที่บอกว่ามีการยัดยาบ้าใส่ปาก ต้องถามต่อหน้าเลยว่าเขาบ้วนทึ้งหรือขากถุยมั้ย

       คุณนี : ไม่สามารถทำได้ค่ะ เพราะเขาจับปากหนู แล้วจับกรอกน้ำใส่ปากเลยค่ะ

       ทนาย :  เมื่อยาบ้าออกฤทธิ์ หนูต้องมีอาการ ที่ผิดปกติ อาการยังไง

       คุณนี :  หนูช่วงนั้นปวดหัวมาก หนูจะนั่งคิด นั่งร้องไห้ ไปเรื่อยเลยค่ะ

       ทนาย : ควบคุมอารมณ์ได้มั้ยครับ

       คุณนี :  ควบคุมอารมณ์ไม่ได้เลยค่ะ หนูนั่งร้องไห้ตลอดเลย

ทนาย : มันก็หลายประการ ปกติการเป็นสายลับที่เราคลุกคลี การเป็นสายลับที่ถูกต้องหนึ่งจะต้องมีการทำประวัติถ่ายภาพลงบันทึกประจำวันประจำโรงพัก แต่ปัจจุบันมักจะอ้างว่าเป็นสายนอกพื้นที่อาจทำแบบนี้ก็ได้ เวลาจับกุมคดีต่าง ๆ คือหนึ่งจับพร้อมผู้กระทำความผิดแล้วปล่อยสายหลุดไป อีกอย่างคือจับสายไปด้วยแต่สั่งไม่ฟ้องในภายหลัง

สิ่งยืนยันว่าการไปชี้ตัวแบบนั้นเขาไม่ทำกัน ?

       ทนาย : ยังไม่เคยปรากฏตั้งแต่เติบโตมา

เป็นไปได้มั้ยเลยทำให้เขาบอกว่าชี้ตัวสะเปะสะปะ ?
4 อาสา จับขึงขืนใจ-กรอกยาบ้า

       ทนาย : ถามว่าใครจะกล้าชี้ตัว ยืนประจันหน้าอย่างนั้น ปกติไม่ได้นะครับเท่าที่เราทำคดีมาหรือเวลาไปร้องทุกข์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เขาก็จะจัดห้องชี้ตัวตามโรงพักให้ผู้ต้องสงสัยมายืนกันแล้วเอาบุคคลอื่นมายืนปะปนกัน แล้วติดหมายเลขไว้ แต่นี่มายืนชี้ตัวเหมือนท้องตลาด มันผิดตั้งแต่ต้น ที่แน่ ๆ ในตอนนี้ทนายได้นำตัวผู้เสียหายทั้งสองคนเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยานเรียบร้อยแล้ว และมีการร้องขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนยกชุดด้วย

อาจต้องมีการชี้ตัวใหม่แบบถูกต้อง ?

       ทนาย : ต้องเอาผู้ต้องสงสัยไปชี้ตัวที่โรงพัก เอาคนอื่นมาปะปน เสื้อผ้าก็ต้องเปลี่ยน ไม่ใช่ใส่ชุดเดียวกันยืนเรียงกันทั้งหมด ไม่ได้แบบนี้

ทางนี้ยืนยันว่าจำได้ทุกคน ?

       คุณนี : จำได้ทุกคนค่ะ ชี้ตัวได้ทุกคน มั่นใจค่ะ

       ทนาย : หรืออีกกรณี สามารถโอนคดีมาที่กองปราบปรามได้นะครับทำคำร้องเข้าไป

ฝั่งโน้นยืนยันว่าเขาไม่ได้ทำ ?
4 อาสา จับขึงขืนใจ-กรอกยาบ้า

       ทนาย : เราพูดแบบเป็นกลาง ไม่ว่าจะโอนไปไหน ถ้าเราไม่ได้ทำก็ไม่ต้องกังวล

       คุณวัน : ผมอยากได้ความเป็นธรรมผมโดนคุกคามตั้งแต่ออกมาจากตรงนั้นอยู่ไม่ได้ต้องหลบตามป่ากล้วยโดน อส. ไล่ตาม คุกคามผม ผมก็ต้องหลบตามป่า เขาคุกคามที่ผมไปแจ้งความ

       คุณนี :  หนูกลัวตั้งแต่เขาขับรถตามแล้วค่ะ ไปทางไหนก็เห็นแค่พวกใส่ชุด อส. ขี่รถตามประกบตลอด หนูก็ต้องหลบไปอยู่ตามป่าในที่ที่ไม่มีน้ำไม่มีไฟ (เสียงเครือ)

ทีมงานไปเจอคุณสองคนอยู่ในกระต๊อบเล็ก ๆ ?

       คุณวัน : ครับ จุดเทียนอยู่กันสองคน

       ทนาย : โห น่าสงสารมาก แต่ถ้าอยู่ในมาตรการคุ้มครองพยาน ก็จะมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมดูแลครับ หายห่วงได้เปราะหนึ่ง

ถ้าฝ่ายโน้นเขามากล้าคุยต่อหน้ามั้ย?

       คุณนี :  กล้าค่ะ (เสียงเครือ)

       คุณวัน : กล้าครับ