สายข่าวพร้อมเมียให้สัมภาษณ์เล่าวินาทีโดน 4 อาสา
จับขึงขืนใจ-กรอกยาบ้า เผยถูกคุมคามหนักจนไม่มีที่ซุกหัวนอน
ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปตามป่า
จากกรณีข่าว สองสามีภรรยาเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลพบุรี อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ อส. หรือเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน ทำร้ายและข่มขืนภรรยา-จับกรอกยาบ้า และทางเจ้าหน้าที่ อส. ทั้ง 4 นาย ก็ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหา ต่อมาหนึ่งใน อส. ที่ถูกกล่าวหา ยันถูกใส่ร้าย เผยวันชี้ตัวฝ่ายหญิงก็ชี้ไม่ถูก ต้องให้สามีคอยสะกิด พร้อมโต้กลับคู่กรณีน่าจะเบลอยา อ้างมีคนอยู่เป็นร้อย ทำไมไม่มีใครรู้เรื่อง
ล่าสุด วันที่ 26 ธันวาคม 2560 รายการ โหนกระแส ดำเนินรายการโดย หนุ่ม
กรรชัย กำเนิดพลอย ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด
ออกอากาศทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 20.30-21.00 น. ทางช่อง 28
ได้เปิดใจผู้เสียหาย คุณวัน และ คุณนี พร้อมด้วยทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์
ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ
ศาสนาพระมหากษัตริย์มาร่วมพูดคุยกันในรายการ
เหตุการณ์เกิดขึ้นวันไหน ?
คุณวัน : วันที่ 11 ธันวาคม รอยต่อวันที่ 12 ธันวาคม คือเหตุการณ์วันนั้นช่วงเวลา 18.00 น. ผมได้ไปหาข่าวซื้อยาบ้า แล้วไปเจอยาบ้าชุดที่เคยจับแล้วมาชี้ตัว ผมเป็นสายของตำรวจ ผมไปดูข่าวจุดใหม่ ไปเจอพวกขบวนการยา คงแก้แค้นผมโดยให้ผู้ใหญ่มาจับตัว
เพื่ออะไร ? คุณวัน : เพื่อหักผมไม่ให้ไปล่อซื้อเขาอีก
ตัวคุณเสพยา ?
คุณวัน : ใช่ครับ
ผู้ใหญ่จับตัวไปไหน ?
คุณวัน : ที่ศูนย์บำบัดยาวัดดงน้อยครับ
คุณนี : หนูก็ขอไปด้วย หนูเป็นห่วงเลยขอติดตามไปด้วย ติดรถไปกับแฟนเลย ณ ตอนนั้น อส. มารับ พอหลังจากที่วัดดงน้อยแล้วเขาแยกแฟนหนูไปจุดลงทะเบียน หนูก็ขอตัวมานั่งหน้าเสาธง เพื่อจะได้ไม่ปะปนกับพวกบำบัด คือไม่ให้มีผู้หญิงมาปะปนกับคนที่บำบัด มีแต่พวกผู้ชาย
ศูนย์บำบัดที่วัดดงน้อย ตรงที่คุณบอกตรงกลางเป็นเสาธง ซ้าย-ขวาเป็นอะไร ?
คุณนี : ด้านขวาของเราเป็นช่วงหอระฆังห่างไป ช่วงกลาง ๆ จะเป็นศาลาที่พวกผู้บำบัดเขาอยู่กัน ศาลาการเปรียญ ด้านบนเป็นเรือนนอน มีคนบำบัดอยู่ข้างบน
มีคนบำบัดกี่คน ?
คุณวัน : 238 คน ซึ่งด้านล่างเหมือนห้องจัดไว้ประประชุมผู้บำบัด ก็ปิดไฟมืดเลย
หอระฆังอยู่ด้านขวา เลยสนามไป
แล้วคุณอยู่ตรงไหน ?
คุณวัน : ผมโดนแยกไปอยู่บนหอระฆัง เขาแยกผมไปครับ
อส.ไปพูดตามรายการต่าง ๆ ว่าคุณเป็นคนขอไปอยู่เอง คุณไม่กล้าขึ้นไปนอนศาลาการเปรียญ เพราะกลัว 200 กว่าคนที่เป็นโจทย์ กลัวว่าคุณขึ้นไปแล้วคุณจะเจอคนที่คุณไปล่อซื้อยา ถ้าขึ้นไปขอผูกคอตายดีกว่า ?
คุณวัน :ไม่จริงครับ ณ เวลานั้นผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ถ้าเขาให้ปฏิบัติตามกระบวนการผมก็ปฏิบัติตามที่เขาบอกหมด
แล้วทำไมต้องขึ้นไปอยู่ที่หอระฆัง ?
คุณวัน : เขาแยกตัวผมไป อส. คนหนึ่งที่เป็นครู เขาก็บอกว่าเดี๋ยวเราให้กรณีพิเศษ เราขึ้นไปบนหอระฆังแล้วกัน
แล้วภรรยาล่ะ ?
คุณวัน : ภรรยาก็ยังนั่งอยู่หน้าเสาธงจุดเดิม ก่อนขึ้นไปอยู่บนหอระฆัง ผมนั่งอยู่ตรงจุดลงทะเบียน ผมได้ยินเขาพูดแล้วว่าคืนนี้เขาจะทำอะไรสนุก ๆ เดี๋ยวเอาเมียไอ้นี่ไปรุมโทรมกัน แล้วผมก็ได้เดินกลับมาหาเมีย
คุณนี : เขาเดินกลับมาพูดกับหนูว่าถ้าพวกนั้นเขาจะพาหนูไปที่ไหนหรือจะทำอะไรก็แล้ว
แต่ให้ตะโกนร้องเรียกดัง ๆ เลย
ในเมื่อสามีเดินมาบอกคุณ ทำไมไม่หนีไปเลย ?
คุณนี : หนูไม่มีรถกลับค่ะ หนูบอกได้เลย และเวลานั้นหนูอยากจะวิ่งหนีนะคะ แต่หนูคิดว่าศาลาใกล้ ๆ ณ ตรงนั้น มีผู้หญิงอยู่เยอะหนูเลยขอนั่งอยู่ศาลางานศพตรงใกล้ ๆ ตรงนั้นก็ได้ เพราะอย่างน้อย ๆ มีผู้หญิงอยู่ แล้วอีกอย่างที่หนูนั่งตรงหน้าเสาธงหนูได้ขอกับหัวหน้าพวกเขาแล้วว่าหนูขอนั่งอยู่ตรงนี้อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว หนูก็ขอกลับพร้อมแฟนจะได้กลับบ้านพร้อมกัน
แถวนั้นไม่มีพระ ?
คุณวัน : ไม่มีครับ พระจำวัดหมดเลย ไม่มีชี ไม่มีเณร ตอนนั้นมันดึกยามวิกาลแล้ว ห้าทุ่มเกือบเที่ยงคืน
ตรงนั้นมี อส. กี่คน ?
คุณวัน : ณ ตรงนั้นมี 10 กว่าคนครับ แต่ อส. ที่อยู่ในศูนย์นั้นมี 20 กว่าคน ผมก็ทราบคร่าว ๆ ว่า 24 คน
ภรรยายืนยันว่าไม่หนีเพราะกลับไม่ได้ ?
คุณนี : ใช่ค่ะ คือมันดึกมากแล้วค่ะ บริเวณรอบวัด ตอนนั้นร้านค้าหรือตามบ้านเรือนเขาปิดกันหมดแล้ว มันเปลี่ยวด้วยค่ะ
คุณวัน : หลังจากนั้นผมก็ขึ้นไปหอระฆังตามที่เขาให้ขึ้นไป ผมยืนยันว่าเขาให้ผมขึ้นไปครับ เขาให้ผมขึ้นไปกรณีพิเศษ แต่สายตาผมจับจ้องมาที่แฟนตลอด มองลงมาที่แฟนที่เสาธงตลอด
หอระฆังกับจุดเสาธง มันไกลมั้ย ?
คุณวัน : ไม่เกิน 20 เมตรครับ ผมเห็นภรรยานั่งอยู่แล้วมีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็น อส. เข้ามาพูดคุยกับภรรยา แต่ภรรยาก็ชี้ไปที่ศาลางานศพ เขาพูดอะไรกันไม่รู้
คุณนี : เขาจะไม่ให้หนูปะปนกับพวกบำบัด แม้แต่นั่งหน้าเสาธงก็ไม่ได้ หนูก็บอกว่าหนูขอกับหัวหน้าเขาแล้วว่าหนูขอนั่งตรงนี้ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าหนูจะได้กลับแล้ว เขาบอกว่านั่งตรงนี้ไม่ได้ หลังจากตรงนั้นหัวหน้าเขาได้กลับไปแล้ว หนูเลยบอกว่างั้นขอไปนั่งศาลางานศพได้มั้ย ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ศาลาผู้บำบัดมันติดกันเลย หนูก็ขอไปนั่งตรงนั้น เพราะมีผู้หญิงด้วย เขาบอกไม่ได้
เขาพาไปไหน ?
คุณนี : เขาก็บอกว่างั้นไปนั่งรวมกลุ่มใต้ถุนศาลาที่มีพวกบำบัดนอนอยู่ มืดหมดเลยค่ะ
คนที่พาไปคือหนึ่งในกลุ่ม อส.
คุณวัน : ผมก็เห็นครับ ผมก็ตะโกนว่ามึงจะพาเมียไปไหนวะ ผมตะโกนดัง แล้วพวก อส. บอกว่ามึงจะตะโกนเรียกเมียมึงทำไมวะ พร้อมฉายสปอร์ตไลต์ใส่หน้าผม หลังจากนั้นผมก็ไม่เห็น แต่รู้ว่าพาเข้าใต้ถุนศาลาแน่นอน
คุณนี : ตอนนั้นหนูไม่เห็นว่ามีใครอยู่ค่ะ เพราะปิดไฟมืดหมดเลย แล้วมีอยู่คนนึงพาหนูเดินนำหน้า ที่ว่าจะพาหนูเดินเข้าไป
คนที่ออกมาให้ข่าวใช่มั้ย ?
คุณนี : ใช่ค่ะ แล้วก็มีอีก 3 คนที่เดินตามหลังมาตอนแรกหนูไม่เห็นว่ามีคนเดินตามหลังหนูมา ทีนี้พอพาหนูเข้าไปปุ๊บ ก็ปิดประตู อ้าว มีอีก 3 คนนี่หน่า ตอนนั้นก็ตกใจ คิดว่าคนเยอะคงไม่อะไร แต่เขาปิดประตูแป๊บเดียว เขาดึงกระชากหนูให้ล้มลงเลยค่ะ ทีนี้ก็ช่วยกันจับ
ถูกคุกคามทางเพศแน่นอน ?
คุณนี : แน่นอนค่ะ ยืนยันค่ะ ถูกคุกคาม 4 คนค่ะ
คุณวัน : ผมได้ยินเสียงครับ ผมก็วิ่งลงมาจากหอระฆัง โดน อส. รุมกระทืบผม อส. 10 กว่าคนที่อยู่ด้านนอก ระหว่างหอระฆังกับเสาธง เขาบอกว่าให้ขึ้นไป แต่ผมบอกไม่ขึ้นจะไปช่วยเมียเขาก็ต่อยผม
ได้ยินเสียงสามีมั้ยตอนนั้น ?
คุณนี : ได้ยินค่ะ ตอนนั้นหนูตะโกนเรียกแล้ว แต่มีเสียงเรียกแค่ช่วงแป๊บเดียว เขาก็ปิดปากหนูหมดเลย (ร้องไห้) หนูได้ยินเสียงแฟน เหมือนถูกทำร้าย
คุณวัน : ผมก็คิดว่าผมคงช่วยเมียผมไม่ได้ ผมเลยกลับขึ้นไปหอระฆังเหมือนเดิม
ทางฝั่งโน้นบอกคุณไม่ได้ลงมาเลย ?
คุณวัน : ลงครับ ยืนยัน
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาบอกคุณว่ายังไง ?
คุณนี : ช่วงที่เขาทำอยู่ (ร้องไห้) มี อส. คนหนึ่งที่อยู่ด้านนอก เดินเข้ามาบอกว่า เฮ้ย ผัวมันโวยวายจะเอาเรื่อง จะทำยังไงดี หนึ่งในนั้นเขาเดินออกมาข้างนอก หนูไม่รู้เขาเดินเข้ามาเอาอะไร พอกลับเข้าไปปิดประตูปุ๊บ อยู่ ๆ เขาก็เอาเหมือนยาบ้ามายัดใส่ปากหนู (ร้องไห้)
คุณรู้ได้ไงว่าเป็นยาบ้า ?
คุณนี : แฟนหนูเป็นสาย หนูก็พอรู้อยู่ค่ะว่าอันนี้คือยา เขายัดปากหนูสองเม็ดค่ะ จับปากหนูบีบ เอายากรอกใส่ แล้วเอาน้ำกรอกตามเขาบอกว่าห้ามพูดได้มั้ย ไม่ต้องพูดนะ ไม่ต้องทำให้เป็นเรื่องเป็นราว หนูก็ได้แต่ร้องไห้ เขาบอกว่าถ้าไม่อยากอยู่ไกลแฟนก็เงียบไว้ดีกว่า อย่าพูด ไม่งั้นจะถูกจับไปอยู่ที่อื่นเพราะอย่างน้อย ๆ ตอนนี้หนูมีสารเสพติดในร่างกายแล้ว เขาจะจับหนูส่งบำบัดที่อื่น ซึ่งหนูกลัวตอนนั้น หนูไปไหนไปกับแฟนตลอด หนูไม่เคยห่างกัน
มีการแจ้งความว่าคุณเสพยามั้ย ?
คุณนี : หนูจะไปแจ้งความนะคะ แต่เขาไม่รับเรื่องหนู
คุณวัน : ร้อยเวรบอกว่าเรื่องยาก็เรื่องยา เรื่องข่มขืนก็เรื่องข่มขืน เราอย่าไปพูดอย่างนั้น เดี๋ยวจะทำให้สองหน่วยงานทะเลาะกัน ทาง อส. กับตำรวจจะทะเลาะกัน
เขามีการอ้างว่าถ้ามีเหตุการณ์แล้วข่มขืนคุณจริง ๆ คงจะเสียงดัง พระต้องได้ยิน ?
คุณวัน : พระท่านจำวัดในกุฏิ คงไม่มาสนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว เวลาทำกิจกรรมอะไรมันก็เสียงดังอยู่แล้ว เขาคิดว่าคงเป็นเรื่องปกติ
เขาว่าตอนคุย คุณก็ยังงง ๆ เบลอ ๆ ?
คุณวัน : ไม่จริงครับ สติสัมปชัญญะครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ตอนนั้นไม่มีการเสพยาครับ
พอเราไปแจ้งความเป็นยังไง ?
คุณนี : หนูพยายามบอกร้อยเวรว่าหนูใจร้อนนะคะ หนูอยากให้เรื่องนี้จับคนผิดเข้าคุกให้ได้เร็วที่สุด หนูต้องการให้เขาพาหนูไปชี้ตัวหรือจุดเกิดเหตุก็ได้ แต่ ณ วันนั้นทิ้งเวลาไปยาวนานมากเลยจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม
คุณวัน : เขาบอกว่าไม่สามารถไปชี้ได้เพราะคนอยู่เยอะ ซึ่งผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมเขาไม่พาไปที่เกิดเหตุ
สิ่งที่อยากรู้คือ ตัวคุณเองได้มีการไปชี้ตัวหรือยัง ?
คุณนี : ไปแล้วค่ะ วันที่ 19 ไปชี้ที่วัดดงน้อย ตอนนั้นมี อส. ครบ
เขาอ้างว่าคุณชี้ตัวสะเปะสะปะ ?
คุณนี : ไม่ค่ะ ณ เวลาที่เขาให้หนูชี้ เขาไม่ได้มายืนเรียงกันเลยทีเดียว คือมาตรงนี้ 10 กว่าคน อีกกลุ่มหนึ่งมาอีก ก็หันไปถามแฟนว่ามันไม่มี
คุณวัน : ตอนแรกชี้ถูกตัวแล้วครับ 2 คนเลย ไม่ได้สะเปะสะปะเหมือนที่เขาพูด แต่อีก 2 คนบ่ายเบี่ยงที่จะเข้ามา
เขาว่าก่อนชี้คุณหันไปมองสามีตลอด ?
คุณนี : ไม่ค่ะ สองคนแรกหนูชี้โดยมั่นใจ หนูชี้ไปก่อนแล้ว
ทางภรรยาได้ไปตรวจร่างกายหรือยัง ?
คุณนี : ไปแล้วค่ะ ได้ไปตรวจวันที่ 13
คุณวัน :ผลน่าจะออกแล้วนะครับ เพราะนานเกิน
สิ่งที่ผมแปลกใจคือการชี้ตัว ทำไมไม่เชิญผู้ต้องสงสัยไปชี้ที่สถานีตำรวจ ?
คุณวัน : ผมไม่ทราบเหมือนกัน
ทนายสงกานต์ คิดว่ายังไง ?
ทนาย : เรื่องนี้เห็นการทำงานของพนักงานสอบสวนก็ดี เราติดใจในประเด็นที่เอาตัวผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหามายืนในวัดแล้วให้ผู้เสียหายยืนชี้ มันไม่มีหลักกฎหมายหรือพนักงานที่ไหนเขาทำแบบนี้ ถ้าปกติไม่เคยเห็นนะครับ ปกติเขาควรมีการจัดให้มีห้องชี้ตัว แล้วทำหมายเลขติดไว้ให้ผู้เสียหายดูอีกห้องหนึ่งแล้วชี้ตัวว่าผู้ต้องหารายได้เป็นผู้กระทำความผิด
เราไม่ได้โอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง แค่อยากเสนอมุมมองเล็ก ๆ ที่คนอาจมองข้าม ?
ทนาย : ถูกต้องครับ เห็นผู้ต้องหายืนกอดอก แล้วผู้เสียหายที่ไหนจะกล้าชี้ เกิดผู้ต้องสงสัยเตะผู้เสียหายทำไง มันไม่ได้อยู่แล้ว ผิดหลักตั้งแต่ต้น แค่คิดก็ผิดแล้วครับ
เรียกร้องยังไงได้ ?
ทนาย : ประการแรกต้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงในส่วนของตำรวจ ส่วนเรื่อง อส. หน่วยงานที่ดูแลคือกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงต้องตั้งกรรมการสอบเพื่อคืนความเป็นธรรมตามเนื้อผ้า ผิดก็คือผิด ไม่ผิดก็คือไม่ผิด เอาให้ชัดเจน ทีนี้ต้องถามต่อว่าตัวผู้เสียหายที่มาในวันนี้ตำรวจได้ส่งตรวจหรือยัง (ส่งแล้วแต่ผลยังไม่ได้) แล้วในพฤติการณ์แห่งคดีได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานมากน้อยเพียงใด แต่บางกระการก็ยังสงสัยว่าในวันเกิดเหตุตำรวจได้ดำเนินการอะไรบ้าง ส่วนที่สองที่บอกว่ามีการยัดยาบ้าใส่ปาก ต้องถามต่อหน้าเลยว่าเขาบ้วนทึ้งหรือขากถุยมั้ย
คุณนี : ไม่สามารถทำได้ค่ะ เพราะเขาจับปากหนู แล้วจับกรอกน้ำใส่ปากเลยค่ะ
ทนาย : เมื่อยาบ้าออกฤทธิ์ หนูต้องมีอาการ ที่ผิดปกติ อาการยังไง
คุณนี : หนูช่วงนั้นปวดหัวมาก หนูจะนั่งคิด นั่งร้องไห้ ไปเรื่อยเลยค่ะ
ทนาย : ควบคุมอารมณ์ได้มั้ยครับ
คุณนี : ควบคุมอารมณ์ไม่ได้เลยค่ะ หนูนั่งร้องไห้ตลอดเลย
ทนาย : มันก็หลายประการ ปกติการเป็นสายลับที่เราคลุกคลี การเป็นสายลับที่ถูกต้องหนึ่งจะต้องมีการทำประวัติถ่ายภาพลงบันทึกประจำวันประจำโรงพัก แต่ปัจจุบันมักจะอ้างว่าเป็นสายนอกพื้นที่อาจทำแบบนี้ก็ได้ เวลาจับกุมคดีต่าง ๆ คือหนึ่งจับพร้อมผู้กระทำความผิดแล้วปล่อยสายหลุดไป อีกอย่างคือจับสายไปด้วยแต่สั่งไม่ฟ้องในภายหลัง
สิ่งยืนยันว่าการไปชี้ตัวแบบนั้นเขาไม่ทำกัน ?
ทนาย : ยังไม่เคยปรากฏตั้งแต่เติบโตมา
เป็นไปได้มั้ยเลยทำให้เขาบอกว่าชี้ตัวสะเปะสะปะ ?
ทนาย : ถามว่าใครจะกล้าชี้ตัว ยืนประจันหน้าอย่างนั้น ปกติไม่ได้นะครับเท่าที่เราทำคดีมาหรือเวลาไปร้องทุกข์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เขาก็จะจัดห้องชี้ตัวตามโรงพักให้ผู้ต้องสงสัยมายืนกันแล้วเอาบุคคลอื่นมายืนปะปนกัน แล้วติดหมายเลขไว้ แต่นี่มายืนชี้ตัวเหมือนท้องตลาด มันผิดตั้งแต่ต้น ที่แน่ ๆ ในตอนนี้ทนายได้นำตัวผู้เสียหายทั้งสองคนเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยานเรียบร้อยแล้ว และมีการร้องขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนยกชุดด้วย
อาจต้องมีการชี้ตัวใหม่แบบถูกต้อง ?
ทนาย : ต้องเอาผู้ต้องสงสัยไปชี้ตัวที่โรงพัก เอาคนอื่นมาปะปน เสื้อผ้าก็ต้องเปลี่ยน ไม่ใช่ใส่ชุดเดียวกันยืนเรียงกันทั้งหมด ไม่ได้แบบนี้
ทางนี้ยืนยันว่าจำได้ทุกคน ?
คุณนี : จำได้ทุกคนค่ะ ชี้ตัวได้ทุกคน มั่นใจค่ะ
ทนาย : หรืออีกกรณี สามารถโอนคดีมาที่กองปราบปรามได้นะครับทำคำร้องเข้าไป
ฝั่งโน้นยืนยันว่าเขาไม่ได้ทำ ?
ทนาย : เราพูดแบบเป็นกลาง ไม่ว่าจะโอนไปไหน ถ้าเราไม่ได้ทำก็ไม่ต้องกังวล
คุณวัน : ผมอยากได้ความเป็นธรรมผมโดนคุกคามตั้งแต่ออกมาจากตรงนั้นอยู่ไม่ได้ต้องหลบตามป่ากล้วยโดน อส. ไล่ตาม คุกคามผม ผมก็ต้องหลบตามป่า เขาคุกคามที่ผมไปแจ้งความ
คุณนี : หนูกลัวตั้งแต่เขาขับรถตามแล้วค่ะ ไปทางไหนก็เห็นแค่พวกใส่ชุด อส. ขี่รถตามประกบตลอด หนูก็ต้องหลบไปอยู่ตามป่าในที่ที่ไม่มีน้ำไม่มีไฟ (เสียงเครือ)
ทีมงานไปเจอคุณสองคนอยู่ในกระต๊อบเล็ก ๆ ?
คุณวัน : ครับ จุดเทียนอยู่กันสองคน
ทนาย : โห น่าสงสารมาก แต่ถ้าอยู่ในมาตรการคุ้มครองพยาน ก็จะมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมดูแลครับ หายห่วงได้เปราะหนึ่ง
ถ้าฝ่ายโน้นเขามากล้าคุยต่อหน้ามั้ย?
คุณนี : กล้าค่ะ (เสียงเครือ)
คุณวัน : กล้าครับ
จากกรณีข่าว สองสามีภรรยาเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลพบุรี อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ อส. หรือเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน ทำร้ายและข่มขืนภรรยา-จับกรอกยาบ้า และทางเจ้าหน้าที่ อส. ทั้ง 4 นาย ก็ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหา ต่อมาหนึ่งใน อส. ที่ถูกกล่าวหา ยันถูกใส่ร้าย เผยวันชี้ตัวฝ่ายหญิงก็ชี้ไม่ถูก ต้องให้สามีคอยสะกิด พร้อมโต้กลับคู่กรณีน่าจะเบลอยา อ้างมีคนอยู่เป็นร้อย ทำไมไม่มีใครรู้เรื่อง
เหตุการณ์เกิดขึ้นวันไหน ?
คุณวัน : วันที่ 11 ธันวาคม รอยต่อวันที่ 12 ธันวาคม คือเหตุการณ์วันนั้นช่วงเวลา 18.00 น. ผมได้ไปหาข่าวซื้อยาบ้า แล้วไปเจอยาบ้าชุดที่เคยจับแล้วมาชี้ตัว ผมเป็นสายของตำรวจ ผมไปดูข่าวจุดใหม่ ไปเจอพวกขบวนการยา คงแก้แค้นผมโดยให้ผู้ใหญ่มาจับตัว
เพื่ออะไร ? คุณวัน : เพื่อหักผมไม่ให้ไปล่อซื้อเขาอีก
ตัวคุณเสพยา ?
คุณวัน : ใช่ครับ
ผู้ใหญ่จับตัวไปไหน ?
คุณวัน : ที่ศูนย์บำบัดยาวัดดงน้อยครับ
คุณนี : หนูก็ขอไปด้วย หนูเป็นห่วงเลยขอติดตามไปด้วย ติดรถไปกับแฟนเลย ณ ตอนนั้น อส. มารับ พอหลังจากที่วัดดงน้อยแล้วเขาแยกแฟนหนูไปจุดลงทะเบียน หนูก็ขอตัวมานั่งหน้าเสาธง เพื่อจะได้ไม่ปะปนกับพวกบำบัด คือไม่ให้มีผู้หญิงมาปะปนกับคนที่บำบัด มีแต่พวกผู้ชาย
ศูนย์บำบัดที่วัดดงน้อย ตรงที่คุณบอกตรงกลางเป็นเสาธง ซ้าย-ขวาเป็นอะไร ?
คุณนี : ด้านขวาของเราเป็นช่วงหอระฆังห่างไป ช่วงกลาง ๆ จะเป็นศาลาที่พวกผู้บำบัดเขาอยู่กัน ศาลาการเปรียญ ด้านบนเป็นเรือนนอน มีคนบำบัดอยู่ข้างบน
มีคนบำบัดกี่คน ?
คุณวัน : 238 คน ซึ่งด้านล่างเหมือนห้องจัดไว้ประประชุมผู้บำบัด ก็ปิดไฟมืดเลย
หอระฆังอยู่ด้านขวา เลยสนามไป
แล้วคุณอยู่ตรงไหน ?
คุณวัน : ผมโดนแยกไปอยู่บนหอระฆัง เขาแยกผมไปครับ
อส.ไปพูดตามรายการต่าง ๆ ว่าคุณเป็นคนขอไปอยู่เอง คุณไม่กล้าขึ้นไปนอนศาลาการเปรียญ เพราะกลัว 200 กว่าคนที่เป็นโจทย์ กลัวว่าคุณขึ้นไปแล้วคุณจะเจอคนที่คุณไปล่อซื้อยา ถ้าขึ้นไปขอผูกคอตายดีกว่า ?
คุณวัน :ไม่จริงครับ ณ เวลานั้นผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ถ้าเขาให้ปฏิบัติตามกระบวนการผมก็ปฏิบัติตามที่เขาบอกหมด
แล้วทำไมต้องขึ้นไปอยู่ที่หอระฆัง ?
คุณวัน : เขาแยกตัวผมไป อส. คนหนึ่งที่เป็นครู เขาก็บอกว่าเดี๋ยวเราให้กรณีพิเศษ เราขึ้นไปบนหอระฆังแล้วกัน
แล้วภรรยาล่ะ ?
คุณวัน : ภรรยาก็ยังนั่งอยู่หน้าเสาธงจุดเดิม ก่อนขึ้นไปอยู่บนหอระฆัง ผมนั่งอยู่ตรงจุดลงทะเบียน ผมได้ยินเขาพูดแล้วว่าคืนนี้เขาจะทำอะไรสนุก ๆ เดี๋ยวเอาเมียไอ้นี่ไปรุมโทรมกัน แล้วผมก็ได้เดินกลับมาหาเมีย
คุณนี : เขาเดินกลับมาพูดกับหนูว่าถ้าพวกนั้นเขาจะพาหนูไปที่ไหนหรือจะทำอะไรก็แล้ว
แต่ให้ตะโกนร้องเรียกดัง ๆ เลย
ในเมื่อสามีเดินมาบอกคุณ ทำไมไม่หนีไปเลย ?
คุณนี : หนูไม่มีรถกลับค่ะ หนูบอกได้เลย และเวลานั้นหนูอยากจะวิ่งหนีนะคะ แต่หนูคิดว่าศาลาใกล้ ๆ ณ ตรงนั้น มีผู้หญิงอยู่เยอะหนูเลยขอนั่งอยู่ศาลางานศพตรงใกล้ ๆ ตรงนั้นก็ได้ เพราะอย่างน้อย ๆ มีผู้หญิงอยู่ แล้วอีกอย่างที่หนูนั่งตรงหน้าเสาธงหนูได้ขอกับหัวหน้าพวกเขาแล้วว่าหนูขอนั่งอยู่ตรงนี้อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว หนูก็ขอกลับพร้อมแฟนจะได้กลับบ้านพร้อมกัน
แถวนั้นไม่มีพระ ?
คุณวัน : ไม่มีครับ พระจำวัดหมดเลย ไม่มีชี ไม่มีเณร ตอนนั้นมันดึกยามวิกาลแล้ว ห้าทุ่มเกือบเที่ยงคืน
ตรงนั้นมี อส. กี่คน ?
คุณวัน : ณ ตรงนั้นมี 10 กว่าคนครับ แต่ อส. ที่อยู่ในศูนย์นั้นมี 20 กว่าคน ผมก็ทราบคร่าว ๆ ว่า 24 คน
ภรรยายืนยันว่าไม่หนีเพราะกลับไม่ได้ ?
คุณนี : ใช่ค่ะ คือมันดึกมากแล้วค่ะ บริเวณรอบวัด ตอนนั้นร้านค้าหรือตามบ้านเรือนเขาปิดกันหมดแล้ว มันเปลี่ยวด้วยค่ะ
คุณวัน : หลังจากนั้นผมก็ขึ้นไปหอระฆังตามที่เขาให้ขึ้นไป ผมยืนยันว่าเขาให้ผมขึ้นไปครับ เขาให้ผมขึ้นไปกรณีพิเศษ แต่สายตาผมจับจ้องมาที่แฟนตลอด มองลงมาที่แฟนที่เสาธงตลอด
หอระฆังกับจุดเสาธง มันไกลมั้ย ?
คุณวัน : ไม่เกิน 20 เมตรครับ ผมเห็นภรรยานั่งอยู่แล้วมีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็น อส. เข้ามาพูดคุยกับภรรยา แต่ภรรยาก็ชี้ไปที่ศาลางานศพ เขาพูดอะไรกันไม่รู้
คุณนี : เขาจะไม่ให้หนูปะปนกับพวกบำบัด แม้แต่นั่งหน้าเสาธงก็ไม่ได้ หนูก็บอกว่าหนูขอกับหัวหน้าเขาแล้วว่าหนูขอนั่งตรงนี้ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าหนูจะได้กลับแล้ว เขาบอกว่านั่งตรงนี้ไม่ได้ หลังจากตรงนั้นหัวหน้าเขาได้กลับไปแล้ว หนูเลยบอกว่างั้นขอไปนั่งศาลางานศพได้มั้ย ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ศาลาผู้บำบัดมันติดกันเลย หนูก็ขอไปนั่งตรงนั้น เพราะมีผู้หญิงด้วย เขาบอกไม่ได้
เขาพาไปไหน ?
คุณนี : เขาก็บอกว่างั้นไปนั่งรวมกลุ่มใต้ถุนศาลาที่มีพวกบำบัดนอนอยู่ มืดหมดเลยค่ะ
คนที่พาไปคือหนึ่งในกลุ่ม อส.
คุณวัน : ผมก็เห็นครับ ผมก็ตะโกนว่ามึงจะพาเมียไปไหนวะ ผมตะโกนดัง แล้วพวก อส. บอกว่ามึงจะตะโกนเรียกเมียมึงทำไมวะ พร้อมฉายสปอร์ตไลต์ใส่หน้าผม หลังจากนั้นผมก็ไม่เห็น แต่รู้ว่าพาเข้าใต้ถุนศาลาแน่นอน
คุณนี : ตอนนั้นหนูไม่เห็นว่ามีใครอยู่ค่ะ เพราะปิดไฟมืดหมดเลย แล้วมีอยู่คนนึงพาหนูเดินนำหน้า ที่ว่าจะพาหนูเดินเข้าไป
คนที่ออกมาให้ข่าวใช่มั้ย ?
คุณนี : ใช่ค่ะ แล้วก็มีอีก 3 คนที่เดินตามหลังมาตอนแรกหนูไม่เห็นว่ามีคนเดินตามหลังหนูมา ทีนี้พอพาหนูเข้าไปปุ๊บ ก็ปิดประตู อ้าว มีอีก 3 คนนี่หน่า ตอนนั้นก็ตกใจ คิดว่าคนเยอะคงไม่อะไร แต่เขาปิดประตูแป๊บเดียว เขาดึงกระชากหนูให้ล้มลงเลยค่ะ ทีนี้ก็ช่วยกันจับ
ถูกคุกคามทางเพศแน่นอน ?
คุณนี : แน่นอนค่ะ ยืนยันค่ะ ถูกคุกคาม 4 คนค่ะ
คุณวัน : ผมได้ยินเสียงครับ ผมก็วิ่งลงมาจากหอระฆัง โดน อส. รุมกระทืบผม อส. 10 กว่าคนที่อยู่ด้านนอก ระหว่างหอระฆังกับเสาธง เขาบอกว่าให้ขึ้นไป แต่ผมบอกไม่ขึ้นจะไปช่วยเมียเขาก็ต่อยผม
ได้ยินเสียงสามีมั้ยตอนนั้น ?
คุณนี : ได้ยินค่ะ ตอนนั้นหนูตะโกนเรียกแล้ว แต่มีเสียงเรียกแค่ช่วงแป๊บเดียว เขาก็ปิดปากหนูหมดเลย (ร้องไห้) หนูได้ยินเสียงแฟน เหมือนถูกทำร้าย
คุณวัน : ผมก็คิดว่าผมคงช่วยเมียผมไม่ได้ ผมเลยกลับขึ้นไปหอระฆังเหมือนเดิม
ทางฝั่งโน้นบอกคุณไม่ได้ลงมาเลย ?
คุณวัน : ลงครับ ยืนยัน
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาบอกคุณว่ายังไง ?
คุณนี : ช่วงที่เขาทำอยู่ (ร้องไห้) มี อส. คนหนึ่งที่อยู่ด้านนอก เดินเข้ามาบอกว่า เฮ้ย ผัวมันโวยวายจะเอาเรื่อง จะทำยังไงดี หนึ่งในนั้นเขาเดินออกมาข้างนอก หนูไม่รู้เขาเดินเข้ามาเอาอะไร พอกลับเข้าไปปิดประตูปุ๊บ อยู่ ๆ เขาก็เอาเหมือนยาบ้ามายัดใส่ปากหนู (ร้องไห้)
คุณรู้ได้ไงว่าเป็นยาบ้า ?
คุณนี : แฟนหนูเป็นสาย หนูก็พอรู้อยู่ค่ะว่าอันนี้คือยา เขายัดปากหนูสองเม็ดค่ะ จับปากหนูบีบ เอายากรอกใส่ แล้วเอาน้ำกรอกตามเขาบอกว่าห้ามพูดได้มั้ย ไม่ต้องพูดนะ ไม่ต้องทำให้เป็นเรื่องเป็นราว หนูก็ได้แต่ร้องไห้ เขาบอกว่าถ้าไม่อยากอยู่ไกลแฟนก็เงียบไว้ดีกว่า อย่าพูด ไม่งั้นจะถูกจับไปอยู่ที่อื่นเพราะอย่างน้อย ๆ ตอนนี้หนูมีสารเสพติดในร่างกายแล้ว เขาจะจับหนูส่งบำบัดที่อื่น ซึ่งหนูกลัวตอนนั้น หนูไปไหนไปกับแฟนตลอด หนูไม่เคยห่างกัน
มีการแจ้งความว่าคุณเสพยามั้ย ?
คุณนี : หนูจะไปแจ้งความนะคะ แต่เขาไม่รับเรื่องหนู
คุณวัน : ร้อยเวรบอกว่าเรื่องยาก็เรื่องยา เรื่องข่มขืนก็เรื่องข่มขืน เราอย่าไปพูดอย่างนั้น เดี๋ยวจะทำให้สองหน่วยงานทะเลาะกัน ทาง อส. กับตำรวจจะทะเลาะกัน
เขามีการอ้างว่าถ้ามีเหตุการณ์แล้วข่มขืนคุณจริง ๆ คงจะเสียงดัง พระต้องได้ยิน ?
คุณวัน : พระท่านจำวัดในกุฏิ คงไม่มาสนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว เวลาทำกิจกรรมอะไรมันก็เสียงดังอยู่แล้ว เขาคิดว่าคงเป็นเรื่องปกติ
เขาว่าตอนคุย คุณก็ยังงง ๆ เบลอ ๆ ?
คุณวัน : ไม่จริงครับ สติสัมปชัญญะครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ตอนนั้นไม่มีการเสพยาครับ
พอเราไปแจ้งความเป็นยังไง ?
คุณนี : หนูพยายามบอกร้อยเวรว่าหนูใจร้อนนะคะ หนูอยากให้เรื่องนี้จับคนผิดเข้าคุกให้ได้เร็วที่สุด หนูต้องการให้เขาพาหนูไปชี้ตัวหรือจุดเกิดเหตุก็ได้ แต่ ณ วันนั้นทิ้งเวลาไปยาวนานมากเลยจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม
คุณวัน : เขาบอกว่าไม่สามารถไปชี้ได้เพราะคนอยู่เยอะ ซึ่งผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมเขาไม่พาไปที่เกิดเหตุ
สิ่งที่อยากรู้คือ ตัวคุณเองได้มีการไปชี้ตัวหรือยัง ?
คุณนี : ไปแล้วค่ะ วันที่ 19 ไปชี้ที่วัดดงน้อย ตอนนั้นมี อส. ครบ
เขาอ้างว่าคุณชี้ตัวสะเปะสะปะ ?
คุณนี : ไม่ค่ะ ณ เวลาที่เขาให้หนูชี้ เขาไม่ได้มายืนเรียงกันเลยทีเดียว คือมาตรงนี้ 10 กว่าคน อีกกลุ่มหนึ่งมาอีก ก็หันไปถามแฟนว่ามันไม่มี
คุณวัน : ตอนแรกชี้ถูกตัวแล้วครับ 2 คนเลย ไม่ได้สะเปะสะปะเหมือนที่เขาพูด แต่อีก 2 คนบ่ายเบี่ยงที่จะเข้ามา
เขาว่าก่อนชี้คุณหันไปมองสามีตลอด ?
คุณนี : ไม่ค่ะ สองคนแรกหนูชี้โดยมั่นใจ หนูชี้ไปก่อนแล้ว
ทางภรรยาได้ไปตรวจร่างกายหรือยัง ?
คุณนี : ไปแล้วค่ะ ได้ไปตรวจวันที่ 13
คุณวัน :ผลน่าจะออกแล้วนะครับ เพราะนานเกิน
สิ่งที่ผมแปลกใจคือการชี้ตัว ทำไมไม่เชิญผู้ต้องสงสัยไปชี้ที่สถานีตำรวจ ?
คุณวัน : ผมไม่ทราบเหมือนกัน
ทนายสงกานต์ คิดว่ายังไง ?
ทนาย : เรื่องนี้เห็นการทำงานของพนักงานสอบสวนก็ดี เราติดใจในประเด็นที่เอาตัวผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหามายืนในวัดแล้วให้ผู้เสียหายยืนชี้ มันไม่มีหลักกฎหมายหรือพนักงานที่ไหนเขาทำแบบนี้ ถ้าปกติไม่เคยเห็นนะครับ ปกติเขาควรมีการจัดให้มีห้องชี้ตัว แล้วทำหมายเลขติดไว้ให้ผู้เสียหายดูอีกห้องหนึ่งแล้วชี้ตัวว่าผู้ต้องหารายได้เป็นผู้กระทำความผิด
เราไม่ได้โอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง แค่อยากเสนอมุมมองเล็ก ๆ ที่คนอาจมองข้าม ?
ทนาย : ถูกต้องครับ เห็นผู้ต้องหายืนกอดอก แล้วผู้เสียหายที่ไหนจะกล้าชี้ เกิดผู้ต้องสงสัยเตะผู้เสียหายทำไง มันไม่ได้อยู่แล้ว ผิดหลักตั้งแต่ต้น แค่คิดก็ผิดแล้วครับ
เรียกร้องยังไงได้ ?
ทนาย : ประการแรกต้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงในส่วนของตำรวจ ส่วนเรื่อง อส. หน่วยงานที่ดูแลคือกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงต้องตั้งกรรมการสอบเพื่อคืนความเป็นธรรมตามเนื้อผ้า ผิดก็คือผิด ไม่ผิดก็คือไม่ผิด เอาให้ชัดเจน ทีนี้ต้องถามต่อว่าตัวผู้เสียหายที่มาในวันนี้ตำรวจได้ส่งตรวจหรือยัง (ส่งแล้วแต่ผลยังไม่ได้) แล้วในพฤติการณ์แห่งคดีได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานมากน้อยเพียงใด แต่บางกระการก็ยังสงสัยว่าในวันเกิดเหตุตำรวจได้ดำเนินการอะไรบ้าง ส่วนที่สองที่บอกว่ามีการยัดยาบ้าใส่ปาก ต้องถามต่อหน้าเลยว่าเขาบ้วนทึ้งหรือขากถุยมั้ย
คุณนี : ไม่สามารถทำได้ค่ะ เพราะเขาจับปากหนู แล้วจับกรอกน้ำใส่ปากเลยค่ะ
ทนาย : เมื่อยาบ้าออกฤทธิ์ หนูต้องมีอาการ ที่ผิดปกติ อาการยังไง
คุณนี : หนูช่วงนั้นปวดหัวมาก หนูจะนั่งคิด นั่งร้องไห้ ไปเรื่อยเลยค่ะ
ทนาย : ควบคุมอารมณ์ได้มั้ยครับ
คุณนี : ควบคุมอารมณ์ไม่ได้เลยค่ะ หนูนั่งร้องไห้ตลอดเลย
ทนาย : มันก็หลายประการ ปกติการเป็นสายลับที่เราคลุกคลี การเป็นสายลับที่ถูกต้องหนึ่งจะต้องมีการทำประวัติถ่ายภาพลงบันทึกประจำวันประจำโรงพัก แต่ปัจจุบันมักจะอ้างว่าเป็นสายนอกพื้นที่อาจทำแบบนี้ก็ได้ เวลาจับกุมคดีต่าง ๆ คือหนึ่งจับพร้อมผู้กระทำความผิดแล้วปล่อยสายหลุดไป อีกอย่างคือจับสายไปด้วยแต่สั่งไม่ฟ้องในภายหลัง
สิ่งยืนยันว่าการไปชี้ตัวแบบนั้นเขาไม่ทำกัน ?
ทนาย : ยังไม่เคยปรากฏตั้งแต่เติบโตมา
เป็นไปได้มั้ยเลยทำให้เขาบอกว่าชี้ตัวสะเปะสะปะ ?
ทนาย : ถามว่าใครจะกล้าชี้ตัว ยืนประจันหน้าอย่างนั้น ปกติไม่ได้นะครับเท่าที่เราทำคดีมาหรือเวลาไปร้องทุกข์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เขาก็จะจัดห้องชี้ตัวตามโรงพักให้ผู้ต้องสงสัยมายืนกันแล้วเอาบุคคลอื่นมายืนปะปนกัน แล้วติดหมายเลขไว้ แต่นี่มายืนชี้ตัวเหมือนท้องตลาด มันผิดตั้งแต่ต้น ที่แน่ ๆ ในตอนนี้ทนายได้นำตัวผู้เสียหายทั้งสองคนเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยานเรียบร้อยแล้ว และมีการร้องขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนยกชุดด้วย
อาจต้องมีการชี้ตัวใหม่แบบถูกต้อง ?
ทนาย : ต้องเอาผู้ต้องสงสัยไปชี้ตัวที่โรงพัก เอาคนอื่นมาปะปน เสื้อผ้าก็ต้องเปลี่ยน ไม่ใช่ใส่ชุดเดียวกันยืนเรียงกันทั้งหมด ไม่ได้แบบนี้
ทางนี้ยืนยันว่าจำได้ทุกคน ?
คุณนี : จำได้ทุกคนค่ะ ชี้ตัวได้ทุกคน มั่นใจค่ะ
ทนาย : หรืออีกกรณี สามารถโอนคดีมาที่กองปราบปรามได้นะครับทำคำร้องเข้าไป
ฝั่งโน้นยืนยันว่าเขาไม่ได้ทำ ?
ทนาย : เราพูดแบบเป็นกลาง ไม่ว่าจะโอนไปไหน ถ้าเราไม่ได้ทำก็ไม่ต้องกังวล
คุณวัน : ผมอยากได้ความเป็นธรรมผมโดนคุกคามตั้งแต่ออกมาจากตรงนั้นอยู่ไม่ได้ต้องหลบตามป่ากล้วยโดน อส. ไล่ตาม คุกคามผม ผมก็ต้องหลบตามป่า เขาคุกคามที่ผมไปแจ้งความ
คุณนี : หนูกลัวตั้งแต่เขาขับรถตามแล้วค่ะ ไปทางไหนก็เห็นแค่พวกใส่ชุด อส. ขี่รถตามประกบตลอด หนูก็ต้องหลบไปอยู่ตามป่าในที่ที่ไม่มีน้ำไม่มีไฟ (เสียงเครือ)
ทีมงานไปเจอคุณสองคนอยู่ในกระต๊อบเล็ก ๆ ?
คุณวัน : ครับ จุดเทียนอยู่กันสองคน
ทนาย : โห น่าสงสารมาก แต่ถ้าอยู่ในมาตรการคุ้มครองพยาน ก็จะมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมดูแลครับ หายห่วงได้เปราะหนึ่ง
ถ้าฝ่ายโน้นเขามากล้าคุยต่อหน้ามั้ย?
คุณนี : กล้าค่ะ (เสียงเครือ)
คุณวัน : กล้าครับ