จากกรณีที่
พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.)
พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์
พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ
ลงพื้นที่คลี่หลายคดีหวย 30 ล้านอลวน
โดยเชิญตัวนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น แม่ค้าที่อ้างว่าขายลอตเตอรี่ให้กับครูปรีชา ใคร่ครวญ และ นางสาวพัชริดา พรมตา หรือ เจ๊พัช แม่ค้าที่อ้างว่าขายลอตเตอรี่ให้กับ นางรัตนาพร และชายอีก 1 คน ไปสอบปากคำโดยทั้ง 3 คน เป็นพยานฝ่ายครูปรีชา
นอกจากนี้ยังเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ไปสอบปากคำ และขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับที่มาที่ไปของคดีที่เริ่มเป็นคดีฟ้องร้องกันตั้งแต่ต้น ประกอบด้วย นายตำรวจยศ พล.ต.ต. , พ.ต.ท. , ร.ต.อ. , ร.ต.ท. และด.ต. รวม 5 นาย
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานจากแหล่งข่าวว่า กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบเชิญตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.เมืองกาญจนบุรี จำนวน 4 นาย มาสอบปากคำ ประกอบด้วยนายตำรวจ ยศ พ.ต.ท. , พ.ต.ต. , ร.ต.อ.และด.ต. ซึ่งจากการซักถามโดยนายตำรวจระดับสูงของบช.ก. พบว่าน่ามีส่วนเกี่ยวข้องทำให้คดีนี้เกิดปัญหาและมีเจตนาจงใจเพื่อทำให้แนวทางคดีออกมาในลักษณะดังกล่าว ทั้งนี้การกระทำดังกล่าวคาดว่าเพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง จากเรื่องที่ได้กระทำผิดพลาดในขั้นตอนบางอย่าง จนเกรงว่าตนเองจะถูกฟ้องกลับ
ซึ่งไม่ใช่เป็นความผิดพลาดในการปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องทำให้รูปคดีออกมาเช่นในช่วงแรก ส่วนจะผิดมากหรือน้อยยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัดต่อไป
โดยเชิญตัวนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น แม่ค้าที่อ้างว่าขายลอตเตอรี่ให้กับครูปรีชา ใคร่ครวญ และ นางสาวพัชริดา พรมตา หรือ เจ๊พัช แม่ค้าที่อ้างว่าขายลอตเตอรี่ให้กับ นางรัตนาพร และชายอีก 1 คน ไปสอบปากคำโดยทั้ง 3 คน เป็นพยานฝ่ายครูปรีชา
นอกจากนี้ยังเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ไปสอบปากคำ และขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับที่มาที่ไปของคดีที่เริ่มเป็นคดีฟ้องร้องกันตั้งแต่ต้น ประกอบด้วย นายตำรวจยศ พล.ต.ต. , พ.ต.ท. , ร.ต.อ. , ร.ต.ท. และด.ต. รวม 5 นาย
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานจากแหล่งข่าวว่า กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบเชิญตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.เมืองกาญจนบุรี จำนวน 4 นาย มาสอบปากคำ ประกอบด้วยนายตำรวจ ยศ พ.ต.ท. , พ.ต.ต. , ร.ต.อ.และด.ต. ซึ่งจากการซักถามโดยนายตำรวจระดับสูงของบช.ก. พบว่าน่ามีส่วนเกี่ยวข้องทำให้คดีนี้เกิดปัญหาและมีเจตนาจงใจเพื่อทำให้แนวทางคดีออกมาในลักษณะดังกล่าว ทั้งนี้การกระทำดังกล่าวคาดว่าเพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง จากเรื่องที่ได้กระทำผิดพลาดในขั้นตอนบางอย่าง จนเกรงว่าตนเองจะถูกฟ้องกลับ
ซึ่งไม่ใช่เป็นความผิดพลาดในการปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องทำให้รูปคดีออกมาเช่นในช่วงแรก ส่วนจะผิดมากหรือน้อยยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัดต่อไป