ครูปรีชา ใคร่ครวญ ให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 18 ก.พ. ถามกลับ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ว่าได้คลิปเสียงมาจากไหน!?
"เมื่อคืนได้ดูคลิปจากทีวีช่อง 7 ช่องนี้เก่งมากเลย ไม่รู้ไปเอาคลิปใครมาก็ไม่รู้ ก็อย่างที่ครูเคยบอกว่าเรื่องคลิปเสียง ซึ่งพูดแล้วก็พูดอีกว่า ใครมีหลักฐานอย่างไรก็น่าจะเข้าสู่ระบบกระบวนการของศาล เพราะทำแบบนี้เหมือนการชี้นำประชาชน"
ครูปรีชากล่าวว่า แต่คลิปทั้งหมดนี้ครูอยากจะทราบว่า แหล่งที่มานั้นมาจากแหล่งไหน ใครเป็นคนเอามา แล้วที่มานี้มาได้อย่างไร ดังนั้นจะมาถามครูก่อนไม่ได้ จะต้องไปถามคนที่นำมาว่านำมาจากไหน จึงอยากให้นักข่าวไปถามว่าแหล่งที่มาของคลิปเสียงนั้นมาจากไหน โดยเฉพาะที่ออกอากาศไปนั้นเอามาจากไหน
เมื่อถามว่า จริงๆแล้วครูเคยมีคลิปเสียงนี้หรือไม่ ครูปรีชาตอบว่า คือเรื่องเสียง เมื่อพูดถึงโทรศัพท์ทั่วๆไป เราก็พูดคุยกันโดยทั่วๆไป แต่ใครจะมาจำว่า เราจะพูดกับใครตรงไหนบ้าง มันจำไม่ได้หรอก
"ดังนั้นก็อย่างที่ครูบอกนั่นแหละว่า ใครมีพยานหลักฐานดีๆ ก็นำไปเข้าสู่กระบวนการศาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ทำหน้าที่ด้วยความยุติธรรมอยู่แล้ว ซึ่งความจริงครูก็ไม่ได้ปฏิเสธนะว่า เสียงในคลิปนั้นเป็นเสียงครู แต่ว่าอยากให้นักข่าวได้กลับไปถามก่อนว่า ที่มาของเสียงมายังไง ใครเป็นคนเอามา มาจากแหล่งไหน"ครูปรีชากล่าว
ครูปรีชากล่าวว่า การที่มีคลิปเสียงออกมาชี้นำประชาชน ครูเคยบอกแล้วว่าเป็นการมอมเมาประชาชน ทำให้ประชาชนเข้าใจในความที่ไม่ถูกต้อง ถ้าคนเอามาบอกที่มาของแหล่งเสียงได้ ถึงค่อยมาคุยกับครูคลิปนี้คืออะไร ดังนั้นขอให้นักข่าวทุกคนกลับไปถามคนที่เอาคลิปมา เอามาจากไหน มาจากแหล่งใด แล้วค่อยมาถามครูก็แล้วกัน
เมื่อถามว่าอย่างกรณีคลิปเสียงนี้ถ้าเกิดฟังดูดีๆ และถ้าเกิดเป็นคลิปของครูจริง ครูได้มีการอธิบายเพิ่มเติมเสริมไป มันอาจจะเป็นผลบวก ครูปรีชามองว่าอย่างไร ครูปรีชาตอบว่า คือจริงๆจะบวกหรือลบ ครูเองก็ไม่ได้ติดใจ ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่ามันเป็นเรื่องของคดี ต้องเข้าสู่กระบวนการศาล จึงไม่เกี่ยวกับเรื่องจะบวกหรือลบ เพราะสักวันหนึ่ง ประชาชนก็จะเข้าใจเมื่อคดีเรียบร้อยแล้ว
"เมื่อคืนได้ดูคลิปจากทีวีช่อง 7 ช่องนี้เก่งมากเลย ไม่รู้ไปเอาคลิปใครมาก็ไม่รู้ ก็อย่างที่ครูเคยบอกว่าเรื่องคลิปเสียง ซึ่งพูดแล้วก็พูดอีกว่า ใครมีหลักฐานอย่างไรก็น่าจะเข้าสู่ระบบกระบวนการของศาล เพราะทำแบบนี้เหมือนการชี้นำประชาชน"
ครูปรีชากล่าวว่า แต่คลิปทั้งหมดนี้ครูอยากจะทราบว่า แหล่งที่มานั้นมาจากแหล่งไหน ใครเป็นคนเอามา แล้วที่มานี้มาได้อย่างไร ดังนั้นจะมาถามครูก่อนไม่ได้ จะต้องไปถามคนที่นำมาว่านำมาจากไหน จึงอยากให้นักข่าวไปถามว่าแหล่งที่มาของคลิปเสียงนั้นมาจากไหน โดยเฉพาะที่ออกอากาศไปนั้นเอามาจากไหน
เมื่อถามว่า จริงๆแล้วครูเคยมีคลิปเสียงนี้หรือไม่ ครูปรีชาตอบว่า คือเรื่องเสียง เมื่อพูดถึงโทรศัพท์ทั่วๆไป เราก็พูดคุยกันโดยทั่วๆไป แต่ใครจะมาจำว่า เราจะพูดกับใครตรงไหนบ้าง มันจำไม่ได้หรอก
"ดังนั้นก็อย่างที่ครูบอกนั่นแหละว่า ใครมีพยานหลักฐานดีๆ ก็นำไปเข้าสู่กระบวนการศาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ทำหน้าที่ด้วยความยุติธรรมอยู่แล้ว ซึ่งความจริงครูก็ไม่ได้ปฏิเสธนะว่า เสียงในคลิปนั้นเป็นเสียงครู แต่ว่าอยากให้นักข่าวได้กลับไปถามก่อนว่า ที่มาของเสียงมายังไง ใครเป็นคนเอามา มาจากแหล่งไหน"ครูปรีชากล่าว
ครูปรีชากล่าวว่า การที่มีคลิปเสียงออกมาชี้นำประชาชน ครูเคยบอกแล้วว่าเป็นการมอมเมาประชาชน ทำให้ประชาชนเข้าใจในความที่ไม่ถูกต้อง ถ้าคนเอามาบอกที่มาของแหล่งเสียงได้ ถึงค่อยมาคุยกับครูคลิปนี้คืออะไร ดังนั้นขอให้นักข่าวทุกคนกลับไปถามคนที่เอาคลิปมา เอามาจากไหน มาจากแหล่งใด แล้วค่อยมาถามครูก็แล้วกัน
เมื่อถามว่าอย่างกรณีคลิปเสียงนี้ถ้าเกิดฟังดูดีๆ และถ้าเกิดเป็นคลิปของครูจริง ครูได้มีการอธิบายเพิ่มเติมเสริมไป มันอาจจะเป็นผลบวก ครูปรีชามองว่าอย่างไร ครูปรีชาตอบว่า คือจริงๆจะบวกหรือลบ ครูเองก็ไม่ได้ติดใจ ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่ามันเป็นเรื่องของคดี ต้องเข้าสู่กระบวนการศาล จึงไม่เกี่ยวกับเรื่องจะบวกหรือลบ เพราะสักวันหนึ่ง ประชาชนก็จะเข้าใจเมื่อคดีเรียบร้อยแล้ว
>>>ขอบคุณ :: khaosod.co.th ,bugaboo.tv/watch/368139