เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับสาวๆ ว่าอย่าไปไว้ใจใครง่ายๆ
เพราะสมัยนี้เชื่อใจใครไว้ใจใครไม่ค่อยได้นะคะ
ยิ่งคนไม่สนิทกันยิ่งไม่ควรไว้ใจเลยค่ะ เมื่อล่าสุดนี้ นางแบบสาวสวย
ได้ออกมาเตือนภัย หลังเธอถูก หนุ่มโมเดลลิ่งชื่อดัง ที่มีดีกรีเป็นถึงดารา
ขืนใจเธอ ทำให้เสียความรู้สึกมาก โดยเธอกล่าวว่า
เรื่องที่จะเผยแพร่ต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่เจอมากับตัว คือเราอยู่ในกลุ่ม
Modeling หนึ่งแล้วเมื่อวานนี้มีคนติดต่องานเรามาเสนองานหนึ่งงาน
เป็นงานถ่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์หนึ่ง กำลังจะตีตลาดโดยเฉพาะในต่างประเทศ
โดยสื่อจะออนในต่างประเทศเท่านั้น ถ้าได้งานจะมีการเซ็นสัญญาต่างๆ
และเพื่อเป็นการเซฟนางแบบ
โดยแจ้งว่าตอนถ่ายจะต้องใส่บิกินี่ ภาพที่ออนไลน์ออกไปจะไม่เห็นหน้าชัด ถ่ายแนวอาร์ตไม่ถึงกับโป๊เพราะใช้ออนแอร์ใช้รูปร่างเพื่อให้ชวนติดตามเข้าไปรู้จักตัวผลิตภัณฑ์ ส่วนช็อตที่ต้องเปิดหน้าอกจะไม่เห็นหน้า ลักษณะตอนถ่ายจะมีการเซฟให้นางแบบ จริงๆเราไม่เคยรับงานถ่ายเซ็กซี่ แต่เพราะค่าตอบแทนที่ค่อนข้างคุ้มค่าจึงสนใจ คนที่ติดต่อเรามาชื่อคิม (สมมุติ) โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ คิมเป็นนักแสดงในสังกัดหนึ่ง มีซีรีย์ที่ออนแอร์จบไปแล้ว และกำลังจะมีผลงานออนแอร์อีก เขาอายุพอๆเราจึงคุยกันได้ง่าย ด้วยความที่เราสนใจงานจึงคุยลายละเอียดคร่าวๆ ก่อนจะนัดเจอกันเพื่อดูตัว (ไม่มีทีมงาน เป็นแค่ตัวต่อตัว) เพื่อขอดูรูปร่างจริงโดยใส่บิกินี่ เราก็โอเค เราไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเพราะงานแบบนี้ไม่ค่อยมีคนสนับสนุนแต่เราคิดว่า “เพื่อเงิน เพื่องาน”
เราตรงไปตามสถานที่นัด เป็นโรงแรมแถวคลองหนึ่งซึ่งคิมบอกว่าเป็นของอา ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่าเป็นโรงแรม รู้แค่ว่าเป็นสตูดิโอเก่าและมีห้องพักอยู่ แต่ก็ไม่มายด์เพราะไว้ใจและมาขนาดนี้แล้ว เรายืนรอหน้าสถานที่นัดจากนั้นก็เจอคิมซึ่งดูไม่มีพิษภัยอะไร คิมพานั่งคุยเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัวและเป้าหมายในการทำผลิตภัณฑ์ตัวนี้ แล้วเราก็คุยเรื่องสโคปของงานโดยมีทีมงานคอยช่วยแจงลายละเอียดผ่านโทรศัพท์ได้สักพักใหญ่ในห้องพักของโรงแรม จากนั้นก็ถึงเวลาที่เราต้องไปเปลี่ยนชุดใส่บิกินี่เพื่อให้เช็ครูปร่าง เขาพยายามชวนคุยให้เราลีแลค เราเกร็งนิดๆ เพราะมันอยู่แค่สองคนจริงๆ ก็พยายามคิดว่านางเป็นเพื่อนสาวคนหนึ่ง
แต่เราคิดน้อยเกินไปจริงๆ ที่อยู่กับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักสองต่อสอง เพราะแม่งอันตรายกว่าที่คิด พอเราคุยเรื่องงานจบ เราขอไปเปลี่ยนชุดกลับบ้านแต่เขารั้งแขนเราไว้ กอดเราแล้วพยายามโน้มน้าวเราให้เต็มใจร่วมรักกับเขา เราใส่แค่บิกินี่แล้วก็นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว (ถึงจะมีเรื่องงานจริงๆ ก็ตาม แต่คิดว่าเราจะยอมง่ายๆ เหรอ) เราขัดขืนแต่ก็สู้แรงผู้ชายไม่ได้ แม้เราจะพูดดีหรือด่าก็แล้วเขาก็ไม่หยุดและพยายามจูบหลายครั้ง ตอนนั้นเรารู้สึกแย่มากๆ กับตัวเองว่าทำไมถึงโง่ขนาดนี้ที่ปล่อยให้ตัวเองมาเผชิญอันตรายคนเดียว “มึงเห็นผู้หญิงเป็นอะไร” เราด่าและพยายามขัดขืนแต่มันก็ไม่หยุดความพยายามจนเราร้องไห้ มันถึงหยุดแล้วยอมปล่อย ตอนแรกยังไม่ปล่อยด้วย เราพยายามกลั้นทั้งความโกรธทั้งเสียใจ เหมือนมันจะรู้ตัวว่าทำเรื่องแย่ๆ จึงขอโทษขอโพย
แล้วบอกไม่ได้ตั้งใจ รู้สึกผิดมากๆ แต่มันก็ไม่ทันแล้วกับสิ่งที่มันทำลงไป มันเกือบจะสำเร็จความไคร่กับเราแล้ว เราพยายามใจเย็นมากๆ และบอกยกเลิกงานก่อนจะกลับบ้าน (เราไม่อยากทำอะไรเขาในตอนนั้นเพราะรู้ว่าสู้แรงผู้ชายไม่ได้และไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับเราอีกมั๊ย ) คิมยังขอโทษไม่หยุด จนเรากลับถึงบ้านแล้ว เราโกรธแค้นและเอาแต่โทษตัวเองที่โง่ ไว้ใจคนง่าย คิดว่าทำไมต้องมาเจออะไรแย่ๆ เรารู้ว่าเรื่องนี้เป็นดาบสองคมแต่เราก็อยากจะมาเตือนผู้หญิงเวลาไปไหนมาไหน อย่าไปคนเดียว และอย่าไว้ใจคนที่ยังรู้จักไม่ดี ไม่ว่าเขาจะเอาเรื่องงานมาเกี่ยวข้องก็ตาม เราเป็นคนโง่ไปเลยที่เลือกไว้ใจไปพบคนที่ไม่รู้จักดีพอคนเดียวอย่างนี้ อย่างที่เขาว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ
ถึงตอนนั้นเราจะทำอะไรเขาไม่ได้และเขาเกือบจะทำสำเร็จแล้ว เดี๋ยวนี้คนจะเป็นอาชญากรไม่ใช่แต่เพียงคนหน้าโหดอมหิตแล้วแต่อาจมาในรูปแบบของคนหน้าตาดีมีแฟนคลับอย่างดารานักแสดงก็ได้ อยากให้ผู้หญิงระวังตัวไว้ นี่เป็นบทเรียนครั้งสำคัญของเรา และนี่ก็จะเป็นบทเรียนของเขาเหมือนกันที่ทำอะไม่คิดและมันก็ร้ายแรงสำหรับผู้หญิงอย่างเรา เราไม่อยากเอาเรื่องนี้ให้เป็นคดีอาญาหรอกนะ แต่ก็ไม่แน่ เรายอมโดนด่าว่าโง่แต่ขอเผยแพร่เป็นตัวอย่างให้สังคมคิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยแจ้งว่าตอนถ่ายจะต้องใส่บิกินี่ ภาพที่ออนไลน์ออกไปจะไม่เห็นหน้าชัด ถ่ายแนวอาร์ตไม่ถึงกับโป๊เพราะใช้ออนแอร์ใช้รูปร่างเพื่อให้ชวนติดตามเข้าไปรู้จักตัวผลิตภัณฑ์ ส่วนช็อตที่ต้องเปิดหน้าอกจะไม่เห็นหน้า ลักษณะตอนถ่ายจะมีการเซฟให้นางแบบ จริงๆเราไม่เคยรับงานถ่ายเซ็กซี่ แต่เพราะค่าตอบแทนที่ค่อนข้างคุ้มค่าจึงสนใจ คนที่ติดต่อเรามาชื่อคิม (สมมุติ) โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ คิมเป็นนักแสดงในสังกัดหนึ่ง มีซีรีย์ที่ออนแอร์จบไปแล้ว และกำลังจะมีผลงานออนแอร์อีก เขาอายุพอๆเราจึงคุยกันได้ง่าย ด้วยความที่เราสนใจงานจึงคุยลายละเอียดคร่าวๆ ก่อนจะนัดเจอกันเพื่อดูตัว (ไม่มีทีมงาน เป็นแค่ตัวต่อตัว) เพื่อขอดูรูปร่างจริงโดยใส่บิกินี่ เราก็โอเค เราไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเพราะงานแบบนี้ไม่ค่อยมีคนสนับสนุนแต่เราคิดว่า “เพื่อเงิน เพื่องาน”
เราตรงไปตามสถานที่นัด เป็นโรงแรมแถวคลองหนึ่งซึ่งคิมบอกว่าเป็นของอา ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่าเป็นโรงแรม รู้แค่ว่าเป็นสตูดิโอเก่าและมีห้องพักอยู่ แต่ก็ไม่มายด์เพราะไว้ใจและมาขนาดนี้แล้ว เรายืนรอหน้าสถานที่นัดจากนั้นก็เจอคิมซึ่งดูไม่มีพิษภัยอะไร คิมพานั่งคุยเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัวและเป้าหมายในการทำผลิตภัณฑ์ตัวนี้ แล้วเราก็คุยเรื่องสโคปของงานโดยมีทีมงานคอยช่วยแจงลายละเอียดผ่านโทรศัพท์ได้สักพักใหญ่ในห้องพักของโรงแรม จากนั้นก็ถึงเวลาที่เราต้องไปเปลี่ยนชุดใส่บิกินี่เพื่อให้เช็ครูปร่าง เขาพยายามชวนคุยให้เราลีแลค เราเกร็งนิดๆ เพราะมันอยู่แค่สองคนจริงๆ ก็พยายามคิดว่านางเป็นเพื่อนสาวคนหนึ่ง
แต่เราคิดน้อยเกินไปจริงๆ ที่อยู่กับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักสองต่อสอง เพราะแม่งอันตรายกว่าที่คิด พอเราคุยเรื่องงานจบ เราขอไปเปลี่ยนชุดกลับบ้านแต่เขารั้งแขนเราไว้ กอดเราแล้วพยายามโน้มน้าวเราให้เต็มใจร่วมรักกับเขา เราใส่แค่บิกินี่แล้วก็นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว (ถึงจะมีเรื่องงานจริงๆ ก็ตาม แต่คิดว่าเราจะยอมง่ายๆ เหรอ) เราขัดขืนแต่ก็สู้แรงผู้ชายไม่ได้ แม้เราจะพูดดีหรือด่าก็แล้วเขาก็ไม่หยุดและพยายามจูบหลายครั้ง ตอนนั้นเรารู้สึกแย่มากๆ กับตัวเองว่าทำไมถึงโง่ขนาดนี้ที่ปล่อยให้ตัวเองมาเผชิญอันตรายคนเดียว “มึงเห็นผู้หญิงเป็นอะไร” เราด่าและพยายามขัดขืนแต่มันก็ไม่หยุดความพยายามจนเราร้องไห้ มันถึงหยุดแล้วยอมปล่อย ตอนแรกยังไม่ปล่อยด้วย เราพยายามกลั้นทั้งความโกรธทั้งเสียใจ เหมือนมันจะรู้ตัวว่าทำเรื่องแย่ๆ จึงขอโทษขอโพย
แล้วบอกไม่ได้ตั้งใจ รู้สึกผิดมากๆ แต่มันก็ไม่ทันแล้วกับสิ่งที่มันทำลงไป มันเกือบจะสำเร็จความไคร่กับเราแล้ว เราพยายามใจเย็นมากๆ และบอกยกเลิกงานก่อนจะกลับบ้าน (เราไม่อยากทำอะไรเขาในตอนนั้นเพราะรู้ว่าสู้แรงผู้ชายไม่ได้และไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับเราอีกมั๊ย ) คิมยังขอโทษไม่หยุด จนเรากลับถึงบ้านแล้ว เราโกรธแค้นและเอาแต่โทษตัวเองที่โง่ ไว้ใจคนง่าย คิดว่าทำไมต้องมาเจออะไรแย่ๆ เรารู้ว่าเรื่องนี้เป็นดาบสองคมแต่เราก็อยากจะมาเตือนผู้หญิงเวลาไปไหนมาไหน อย่าไปคนเดียว และอย่าไว้ใจคนที่ยังรู้จักไม่ดี ไม่ว่าเขาจะเอาเรื่องงานมาเกี่ยวข้องก็ตาม เราเป็นคนโง่ไปเลยที่เลือกไว้ใจไปพบคนที่ไม่รู้จักดีพอคนเดียวอย่างนี้ อย่างที่เขาว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ
ถึงตอนนั้นเราจะทำอะไรเขาไม่ได้และเขาเกือบจะทำสำเร็จแล้ว เดี๋ยวนี้คนจะเป็นอาชญากรไม่ใช่แต่เพียงคนหน้าโหดอมหิตแล้วแต่อาจมาในรูปแบบของคนหน้าตาดีมีแฟนคลับอย่างดารานักแสดงก็ได้ อยากให้ผู้หญิงระวังตัวไว้ นี่เป็นบทเรียนครั้งสำคัญของเรา และนี่ก็จะเป็นบทเรียนของเขาเหมือนกันที่ทำอะไม่คิดและมันก็ร้ายแรงสำหรับผู้หญิงอย่างเรา เราไม่อยากเอาเรื่องนี้ให้เป็นคดีอาญาหรอกนะ แต่ก็ไม่แน่ เรายอมโดนด่าว่าโง่แต่ขอเผยแพร่เป็นตัวอย่างให้สังคมคิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น