“ก้อย” แฟนคนสุดท้าย “โอ” ร่ำไห้ย่องขมา ได้แค่รูปหน้าศาลาสวดศพ-พ่อแรมแค้นฝังหุ่น



เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 15 ก.ย. น.ส.รักษิณา สกลธศักดิ์สิริ หรือ ก้อย พยาบาลคู่ใจคนสุดท้ายในชีวิต ของ โอ วรุฒ วรธรรม ได้เดินทางมาที่ศาลาสหัท-หงษ์ มหาคุณ อนุสรณ์ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อกราบขอขมาศพของโอวรุฒ วรธรรม ที่เคยอยู่ดูแลกัน รู้ใจกันและกันมาตลอด ได้เข้ามาขอกราบศพ ต่อหน้ารูปหน้ารูปภาพ ขอ โอ วรุฒ เนื่องจากศาลายังไม่เปิด โดย น.ส.รักษิณา ร่ำไห้ต่อหน้าศพพร้อมขอให้ดวงวิญญาณของโอ วรุฒ ไปสู่สุคติภพ ขออโหสิกรรมและชีวิตที่ผ่านมาร่วมกันขอให้เป็นโมฆะกรรมเลิกแล้วต่อกรรม



จากนั้น ได้เดินทางไปยังวัดล่ามช้าง เพื่อถวายสังฆทานและอาหาร มีข้าวมันไก่ และเป็ดพะโล้ ที่โอ วรุฒชอบทานมากที่อยู่ด้วยกันมา พร้อมกรวดน้ำให้โอวรุฒไปสู่ภพที่ดี ต่อไป

น.ส.ทักษิณา ได้เผยว่าตนมาขอขมา สงสารเขามาก เขาคงเหงาเขาไม่มีใคร เขาอ้างว้างโดดเดี่ยวมาตลอดเวลา ตนเป็นคนสุดและเป็นเพื่อนคนสุดท้ายที่เข้าใจเขา เขาก็อยากเจอตนในวาระสุดท้ายของชีวิตเขา วันนี้ตนได้มาหาเขาแล้ว ขอให้โอไปสู่สุคติภพที่ดี ขออโหสิกรรม ไม่ติดค้างกันแล้ว ขอขมากรรมทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำไว้แก่กัน ก็ขอโทษพี่โอว่าทำไมเราถึงเจอกันไม่ได้ พี่โอก็รู้ดี ก็ขอให้อโหสิกรรมและเป็นโฆษะกรรมระหว่างเราสองคนจะไม่ติดค้างกันในชาติต่อไป







ขณะที่ นายแรม พ่อของโอ ได้เปิดเผยกรณี ก้อย แฟนของ โอ หรือนางพยาบาลที่ดูแลโอ วรุฒ คนสุดท้าย ว่า ก้อย แฟนโอ รายนี้ก็เหมือน กัน รายนี้ยิ่งหนักเข้าไปอีก มาอยู่ที่นี่ ขายกาแฟอะไรได้ก็เอาเงินไป โอก็นึกว่าแม่เก็บ ที่จริง ก้อยเอาไป และที่พูดครั้งสุดท้าย ที่พ่อไม่ชอบ มันเลยคืออะไรรู้ไหม มันบอกว่า พ่อกับแม่แก่แล้ว อย่าไปยุ่งกับลูกค้าที่มาร้านกาแฟ เดี๋ยวจะจับส่งไปอยู่บ้านพักคนชรา ดูมันพูดซิ พ่อถึงกับไปฝันร้ายเลย และพ่อก็ได้บอกกับก้อย ว่าพ่อไม่พอใจอย่างยิ่งที่ก้อยพูดแบบนี้ กลับไปเถอะไม่ต้องมาดูแลโอ หรอก มันก็หายไปเลย

ส่วนโอ ตนก็บอกเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น ตัวโอ เองก็ไม่พูดไม่จา เราก็ไม่รู้ว่า โอ คิดอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตกลงจะอโหสิกรรมให้ก้อยไหม นายแรม ได้บอกว่า ก็คงต้องอย่างนั้นมั้ง ทำไงได้ก็เรื่องมันผ่านไปแล้วแล้วไปแล้วทำไงได้เรียกคืนก็ไม่ได้อยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้ก้อยไปเคารพศพโอ ตั้งแต่เช้า นายแรม บอกว่า เขาคงรู้ตัวเองไม่กล้ามาสู้หน้าพ่อแม่อีกแล้ว ก็เลยแอบๆ ไปคนเดียว ตอนนี้​โอ ป่วยเข้า รพ.นครพิงค์ ที่เขาทำงานอยู่ เขาก็ไม่กล้ามาหา เขาคงรู้ว่าพ่อแม่อยู่ที่นั่น