น้องสาวเสี่ยเกาะเต่าร่ำไห้!จวกทำกับพี่กูได้ยังไง-พบรูปครอบครัวกรีดหน้าออกหมด



จากกรณีที่ นายพัชรพล เอกปฐมศักดิ์ หรือ หนุ่ม อายุ 47 ปี เจ้าของบริษัทดำน้ำ และร้านอาหารบนเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี สวมชุดบิกไบก์ ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวใช้ชื่อ "Diver nino" ก่อนจะลั่นไกยิงตัวตายคาบ้านหรู เลขที่ 88/37 ซ.พ่อขุนทะเล 22 ม.3 ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี สร้างความสะเทือนใจแก่เพื่อนและโลกโซเชียลเป็นอย่างมาก โดยผู้ตายเล่ามรสุมชีวิตก่อนลั่นไก เห็นภาพบาดตาคนที่รักที่สุดหักหลัง และที่ศพนายพัชรพลนั้นยังกำตุ๊กตาสีแดง ตัวโปรดของลูกสาว สร้างความสะเทือนใจอย่างยิ่ง

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. ที่ผ่านมา น.ส.พึงพิศ จันทร์อินทร์ หรือ น้ำผึ้ง ภรรยาผู้ตาย ได้นำ นายสหภูมิ ศรีสกุลฉั่ว อายุ 74 ปี พ่อนายพัชรพล พร้อมญาติ ๆ และเพื่อนสนิท ไปบ้านที่เกิดเหตุขึ้นไปบนชั้น 2 ห้องนอนจุดเกิดเหตุ ทันที ที่นายสหภูมิ ผู้เป็นพ่อเห็นสภาพจุดที่ลูกชายยิงตัวตาย ถึงกับฟุบหน้าลงไปกอดหมวกกันน็อคที่ยังติดคราบเลือด ปล่อยโฮออกมา แล้วรีบเดินออกจากห้องทันที



จากนั้นเมื่อนายสหภูมิตั้งสติได้แล้ว ได้เดินไปดูรถบิกไบก์คันโปรดของลูกชายที่จอดอยู่ในตัวบ้าน มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท เช่นเดียวกับน้องสาวที่ร้องไห้อย่างหนักถึงกับพูดขึ้นว่า "ทำกับพี่ชายกูได้ยังไง กูรับไม่ได้" โดยที่สภาพบ้านทั้งชั้นบนชั้นล่าง รูปถ่ายครอบครัวที่นายพัชรพล ถ่ายติดไว้มีพ่อแม่ลูก รูปนายพัชรพลถูกกรีดทั้งหมด ญาติเชื่อว่านายพัชรพลน่าจะเป็นผู้กรีดรูปตัวเอง

จากนั้นญาติได้ช่วยกันเก็บของใช้ส่วนตัวของนายพัชรพลที่หวงและรักมาก เป็นชุดบิกไบก์ อุปกรณ์ขับขี่บิกไบก์ทั้งหมด ลงมาจากห้องนอนจุดเกิดเหตุไปใส่รถ โดยเพื่อนๆ ช่วยกันเข็นรถบิกไบก์ออกมาขึ้นรถลากพาไปที่วัดโพธิ์นิมิต ตั้งวางคู่กับศพ โดยที่นายสหภูมิ ผู้เป็นพ่อได้กล่าวกับ น.ส.พึงพิศ หรือน้ำผึ้ง ลูกสะใภ้ว่ารถคันโปรดของหวงของรักของนายพัชรพล ลูกชายตนเองจะนำกลับไปที่ จ.อุดรธานี ส่วนอีก 2 คันไม่เอา โดยที่ น.ส.พึงพิศ ลูกสะใภ้ บอกว่ารถคันนี้ยังผ่อนไม่หมด ยังค้างอยู่ประมาณ 2 แสนบาท นายสหภูมิ บอกว่าหากลูกสะใภ้ไม่สะดวกผ่อนต่อ ให้จัดส่งเอกสารทั้งหมดให้ตน ๆ จะผ่อนต่อและขอเก็บรถคันนี้ไว้ ส่วนทรัพย์สินอย่างอื่นจะไม่ยุ่งเกี่ยว



ส่วนบรรยากาศงานศพในช่วงกลางวัน เพื่อนๆ กลุ่มบิกไบก์และเพื่อนๆ ที่เกาะเต่าทยอยกันมาร่วมงานศพด้วยความโศกเศร้าซึ่งคืนนี้จัดเป็นคืนที่ 2 หรือคืนสุดท้าย โดยที่ น.ส.พึงพิศ และญาติๆ ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี พร้อมกันนี้ยังได้นำลูกสาวคนเล็กวัยขวบกว่าๆ มาที่วัดด้วย

น.ส.พึงพิศได้กล่าวผู้สื่อข่าวว่าเพิ่งทราบว่ามีนักข่าวบางคนเข้าสัมภาษณ์ตนและอ้างว่าตนเป็นผู้ให้ข่าวว่าตนเป็นเอดส์นั้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้ทนายความรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ไว้หมดแล้วหลังจากเสร็จสิ้นงานบำเพ็ญกุศลศพสามีแล้ว ตนจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์แก่ผู้นำเสนอและผู้แชร์และผู้โพสต์ข้อความสร้างความเสียหายกับตน หลังจากแจ้งความแล้วจะแถลงข่าวชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ต่อสื่อต่อไป.





ขอบคุณ one31.net