Home »
Uncategories »
เปิดลงทะเบียน “บ้านล้านหลัง” เดือนธันวาคม 2561 ผ่อนเดือนละ 3800
เปิดลงทะเบียน “บ้านล้านหลัง” เดือนธันวาคม 2561 ผ่อนเดือนละ 3800
วันนี้เรามีข่าวดีสำหรับคนที่อยากจะมีบ้านเป็นของตนเองมาบอกค่ะ
ทางธอส. ได้อนุมัติบ้านล้านหลัง ในวงเงิน 60,000 ล้าน
ที่จะปล่อยกู้รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ดอกเบี้ย 3% นาน 5 ปีแรก
ผ่อนเดือนละเพียงแค่ 3800 บาท
จะเปิดให้ลงทะเบียนในสิ้นปีนี้คือเดือนธันวาคม 2561
โครงการบ้านล้านหลังนี้ได้อยู่ภายใต้ในวงเงิน
60,000 บาท
เพื่อที่จะสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลนั่นเองที่ช่วยเหลือประชาชนให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
เน้นให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนวัยทำงาน
หรือผู้ที่จะเริ่มต้นสร้างครอบครัวนั่นเองค่ะ รวมไปถึงผู้สูงอายุด้วย
โดยจะแบ่งออกเป็น ดังนี้ค่ะ
สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในวงเงิน
10,000 ล้านบาท
จะให้กู้สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณสมบัติพร้อมและปฏิบัติตามเงื่อนไขของธนาคารที่กำหนด
ไปจัดทำที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อหน่วย ก็ไม่น้อยกว่า 40
ของจำนวนขาย ทั้งหมดของโครงการ มีอัตราดอกเบี้ย MLR – 1.25% ต่อปี
ของเฉพาะกรณีสร้างที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท
แต่ส่วนที่กะระณีก่อสร้างที่อยู่อาศัยมีราคาเกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย
MLR – 0.75% ต่อปี (ปัจจุบันปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MLR อยู่ที่ 6.25%
ต่อปี)
สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับลูกค้ายายรายย่อย
วงเงิน 50,000 ล้านบาท
สำหรับประชาชนทั่วไปและเฉพาะที่มีรายได้น้อยเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนทำงานหรือคนกำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว
และก็รวมไปถึงผู้สูงอายุด้วย
ที่ต้องการจะมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเป็นหลักเป็นแหล่ง
วัตถุประสงค์การให้กู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยนั้นจะมีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท
หรือปลูกสร้างและซื้ออุปกรณ์เพื่อนนวยความสะดวกเกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย
สามารถที่จะผ่อนชำระได้สูงสุดนาน 40 ปีเลยทีเดียว
อัตราดอกเบี้ยในกรณีที่รายได้ไม่เกิน 25,000 บาท ต่อคนต่อเดือน กรอบวงเงิน
20,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ปีที่ 1 ถึงปีที่ 5 จะคงที่ 3.00
เปอร์เซ็นต์ ต่อปี ปีที่ 6 นั้นจนถึงตลอดอายุสัญญาของการกู้ กรณีสวัสดิการ
MRR – 1% ต่อปี กรณีรายย่อย MRR – 0.75%
กรณีซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นอัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ย MRR
(แต่ปัจจุบันปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส.เท่ากับ 6.75% ต่อปี)
ในกรณีที่กู้ 1 ล้านบาท การชำระ 5
ปีแรกนั้น จะเริ่มต้นเพียงแค่ 3800 บาท ยกเว้นค่าธรรมเนียม 4 ฟรี ได้แก่
ฟรีค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ ฟรีค่าประเมินหลักประกันวงเงินกู้
ฟรีค่าจดทะเบียนและนิติกรรม ฟรีค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง 1% ของเงินจำนอง
ส่วนผู้ประกอบอาชีพประจำหรืออาชีพอิสระที่มีรายได้ไม่เกิน
25,000 บาท
หากเอกสารแสดงรายได้เพื่อคำนวณความสามารถในการกู้ไม่เพียงพอต่อเงินงวดผ่อนชำระรายเดือน
ให้สามารถนำหลักฐานการชำระค่าเช่า หรือ ผ่อนชำระเงินดาวน์ไม่น้อยกว่า 12
เดือนมาประกอบการพิจารณาเพื่อคำนวณรายได้เพิ่มเติมได้
หรือหากไม่สามารถแสดงหลักฐานที่มาของรายได้ต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ
ธอส. โรงเรียนการเงิน
โดยทำการออมอย่างสม่ำเสมอไม่น้อยกว่าเงินงวดผ่อนชำระเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า
9 เดือน ซึ่งสามารถออมลดลงได้โดยการนำค่าเช่า
หรือวงเงินที่ผ่อนชำระเงินดาวน์ที่อยู่อาศัยมาหักยอดเงินออมลง
ขณะที่คนมีรายได้เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน (กรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท)
อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1- ปีที่ 3 คงที่ 3.00% ต่อปี ปีที่ 4
จนถึงตลอดอายุสัญญาเงินกู้ กรณีสวัสดิการ MRR – 1% ต่อปี
กรณีรายย่อย MRR – 0.50%
กรณีซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก อัตราดอกเบี้ย MRR ตั้งแต่ปีที่ 1
จนถึงตลอดอายุสัญญากู้เงิน กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระ 3 ปีแรกเริ่มต้นเพียง
3,800 บาท เช่นกัน ทั้งนี้ การดำเนินงานในเฟสที่ 1
ธนาคารได้รวบรวมที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท
ทั้งแนวราบและแนวสูง
ซึ่งมีความพร้อมให้ผู้ซื้อเข้าอยู่อาศัยตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2561
และมีแผนการก่อสร้างที่ชัดเจนจนถึงปี 2565
เข้าร่วมโครงการจำนวนรวม 270,000 หน่วย
พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 จำนวน 133,307 หน่วย แบ่งเป็น 1.
โครงการของผู้ประกอบการประมาณ 45,000 หน่วย (พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4
ของปี 2561 จำนวน 5,530 หน่วย) 2. ทรัพย์ NPA ของ ธอส. 21,000 หน่วย
(พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 จำนวน 4,874 หน่วย) ทรัพย์ NPA
ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs)
พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561
จำนวน 1,005 หน่วย ทรัพย์ NPA ของบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์
จำกัด(BAM) และ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด(SAM)
พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4 จำนวน 7,544 หน่วย ทรัพย์ขายทอดตลาดของ ธอส.
44,000 หน่วย (พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 จำนวน 14,155 หน่วย)
ทรัพย์ขายทอดตลาด-เจ้าหนี้อื่นๆ(กรมบังคับคดี)
พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4 จำนวน 77,981 หน่วย
และโครงการของการเคหะแห่งชาติประมาณ 74,000 หน่วย
(พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 จำนวน 22,218 หน่วย) ส่วนเฟสที่ 2
จะจัดทำความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
สร้างภาคีเครือข่ายเพื่อให้มีการทำข้อตกลงร่วมกัน เช่น
การนำโครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติที่ยังว่างอยู่มาจำหน่ายให้กับหน่วยงานภาครัฐเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการ
และเฟสที่ 3
รูปแบบการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนโดยส่งเสริมให้มีการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน
ในการจัดทำโครงการนำร่องกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นพื้นที่ที่มีศักยภาพ
เช่น จ.ขอนแก่น จ.นครราชสีมา จ.อุดรธานี จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ปทุมธานี
เพื่อพัฒนาโครงการที่พักอาศัยที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเมืองในแต่ละพื้นที่
นอกจากนี้
ธอส.จะเสนอกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาขอรับการส่งเสริมการลงทุน(BOI)
จากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ โดยกำหนดราคาหลักประกันสูงสุด 1,000,000
บาทเท่ากันทั่วประเทศ จากปัจจุบันการส่งเสริมการลงทุนในเขตกรุงเทพฯ
และปริมณฑลกำหนดราคาหลักประกันสูงสุด 1,000,000 บาท
และส่งเสริมการลงทุนในเขตภูมิภาค กำหนดราคาหลักประกันสูงสุดที่ 600,000 บาท
ซึ่งถือเป็นข้อเสนอของผู้ประกอบการเพื่อให้วงเงินสอดคล้องกับราคาที่อยู่อาศัยของโครงการบ้านล้านหลังต่อไป
อย่างไรก็ตาม ธอส.จะเปิดให้จองที่อยู่อาศัยในโครงการภายในเดือน ธันวาคม
2561 ทั้งในกรุงเทพฯ และส่วนภูมิภาค ลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อยื่นคำขอกู้
ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2562
หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด
หากใครที่กำลังอยากจะมีบ้านตัวเอง
แต่เป็นผู้ที่มีรายได้น้อย
โครงการนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะทำให้คุณนั้นมีบ้านในของตนเองค่ะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องพิจารณาด้วยว่าค่าใช้จ่ายของเรานั้นในประจำวันเพียงพอกับการที่จะผ่อนบ้านในระยะยาวหรือไม่ก็ลองศึกษากันดูให้ดีนะคะ
นะอย่าพลาดที่จะไปลงทะเบียนถ้าหากอยากจะได้จริงๆในเดือนธันวาคมนี้