แท็กซี่เริ่มคิดค่าบรรทุกสัมภาระเพิ่มชิ้นละ 20-100 บาท มีผลบังคับใช้จริงแล้ว


 กระทรวงคมนาคมเริ่มปรับค่าบริการสำหรับรถแท็กซี่ไม่เกิน 7 ที่นั่ง ในกรณีที่มีการบรรทุกสัมภาระที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ เคาะราคาชิ้นละ 20-100 บาทขึ้นอยู่กับขนาด มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ (17 พ.ย.)

     เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงคมนาคม โดยมีการกำหนดอัตราค่าบริการอื่นสำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกผู้โดยสารไม่เกิน 7 คน หรือแท็กซี่มิเตอร์ ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเป็นการปรับค่าบริการกรณีการจ้างโดยมีบริการพิเศษ ดังนี้

  1. การจ้างที่มีการบรรทุกสัมภาระที่มีขนาดความกว้าง ความยาว หรือความสูงด้านใดด้านหนึ่งเกินกว่า 26 นิ้วขึ้นไป ให้เรียกเก็บค่าบริการในอัตราชิ้นละไม่เกิน 20 บาท
  2. การจ้างที่มีการบรรทุกสัมภาระที่มีขนาดความกว้าง ความยาว หรือความสูงด้านใดด้านหนึ่งไม่เกิน 26 นิ้ว จำนวนตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไป ให้เรียกเก็บค่าบริการชิ้นที่ 3 ขึ้นไปในอัตราชิ้นละไม่เกิน 20 บาท โดยไม่นับรวมกับสัมภาระตามข้อ 1
  3. การจ้างที่มีการบรรทุกสัมภาระเป็นอุปกรณ์การกีฬาจำพวกถุงกอล์ฟ,​ จักรยาน, วินด์เซิร์ฟ หรือเครื่องดนตรี ที่มีขนาดตั้งแต่ 50 นิ้วขึ้นไป ให้เรียกเก็บค่าบริการในอัตราชิ้นละไม่เกิน 100 บาท
  4. การจ้างที่มีการบรรทุกสัมภาระเป็นสินค้า สิ่งของ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ ที่บรรจุกล่องและไม่ได้มีการบรรจุกล่อง แต่มีการมัดรวมหรือหีบห่อรวมกันไว้ ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 50 นิ้วขึ้นไป ให้เรียกเก็บค่าบริการตามบรรจุกล่องหรือหีบห่อในอัตราชิ้นละไม่เกิน 100 บาท

     ทั้งนี้ การเรียกเก็บค่าบริการพิเศษตามเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อดังกล่าวข้างต้น ให้เรียกเก็บได้ในกรณีจ้างจากสนามบินดอนเมืองหรือสนามบินสุวรรณภูมิไปยังสถานที่อื่น หรือจากสถานที่อื่นไปยังสนามบินทั้ง 2 แห่งดังกล่าว โดยผู้ขับรถจำเป็นต้องแจ้งอัตราค่าบริการให้ผู้โดยสารทราบล่วงหน้าก่อนรับจ้างทุกครั้ง