เปิดใจ “อาร์ตี้” หลังหมั้น “แฟนสาว” สายฟ้าแล่บ

กราบสวัสดีแฟนเพจชาวอัพยิ้มทุกท่าน กลับมาพบกันเหมือนเดิมอีกเช่นเคยกับสาวย้อ พลัดถิ่น สำหรับวันนี้ก็มีข่าวคราวของคนในวงการมาให้ได้ติดตามกันอีกเหมือนเดิม อย่างที่หลายคนทราบกันดีสำหรับพระเอกดัง “อาร์ตี้ ธนฉัตร” ได้เข้าพิธีหมั้นกับแฟนสาวแบบสายฟ้าแล่บ ต่างสร้างความตกใจให้กับแฟนคลับเป็นอย่างมาก ซึ่งหลายคนก็ต่างตั้งคำถามที่ต้องหมั้นอาจจะเป็นเพราะท้องหรือเปล่า สำหรับวันนี้หนุ่มอาร์ตี้ก็มีคำตอบให้ทุกคนได้หายสงสัยกันแล้วจ้า เราไปชมบทสัมภาษณ์กันเลยค่ะ
อาร์ตี้


หลังจากนักแสดงหนุ่ม อาร์ตี้ ธนฉัตร สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนๆ เข้าพิธีหมั้นและจัดงานปาร์ตี้แบบเล็กๆ เรียบง่ายที่บ้านเกิดจังหวัดขอนแก่น กับแฟนสาวนอกวงการ ส้ม ศุภมาศ ทิพยเศวต ไปเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา โดยมีเพียงครอบครัวและเพื่อนสนิทร่วมงานเท่านั้น ล่าสุด หนุ่มอาร์ตี้ เปิดใจเคลียร์เป็นครั้งแรกกับข่าวลือว่าฝ่ายหญิงตั้งท้อง เจ้าตัวยืนยันไม่เป็นความจริง และไม่แปลกใจที่หลายคนจะคิดไปแบบนั้นเพราะอาจจะไม่รู้มาก่อน แต่ทางครอบครัวทราบกันดีอยู่แล้ว ตอนนี้กำลังเตรียมจัดงานแต่งที่กรุงเทพในช่วงเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ขอเวลาใช้ชีวิตคู่ ทำงานเก็บเงินช่วยธุรกิจของที่บ้าน แพลนไว้อีก 3-4 ปีถึงจะมีทายาท

“งานที่เกิดขึ้นเป็นไพรเวทปาร์ตี้ครับ ช่วงเย็นๆ เป็นงานหมั้นก่อนแล้วก็เป็นปาร์ตี้ช่วงหัวค่ำครับ (หลายคนตกใจแต่งงานสายฟ้าแล่บ?) ใช่ครับ ไม่แปลกครับ คนรอบข้างแม้กระทั่งเพื่อนสนิทในกลุ่มที่เรียนด้วยกันมาก็ตกใจเพราะไม่รู้ คนที่รู้คือมีพ่อแม่ผมและพ่อแม่ผู้หญิง เราก็รอให้ทุกอย่างมั่นใจก่อนแล้วค่อยไปบอกเพื่อนๆ มันก็ไม่กะทันหันนะครับ ก็เป็นไปตามวิถี บางคนอาจจะมองว่าเร็วไปด้วยอายุเท่านี้ แต่ผมมองว่าวัยขนาดผม เพื่อนผม คนรอบข้างผม แต่งงานไปแล้วก็เยอะ มีลูกก็เยอะ ยังไม่มีลูกก็เยอะ ผมเป็นคนที่มองไม่เห็นชีวิตตัวเองในอนาคต แต่พอมีผู้หญิงคนนี้เข้ามาเหมือนเราได้เห็นอนาคตตัวเองมากขึ้น เป็นการตัดสินใจที่ผมว่าโอเคมากครับ”

“ผมว่าไม่เกี่ยวกับระยะเวลาว่าจะคบกันนานหรือไม่นาน นานแล้วเลิกกันก็มี แต่ผมมองว่าพอเราเจอคนที่มันใช่ ทุกอย่างมันก็โอเค คำว่าใช่มันบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร อย่างเราใช้ชีวิตโสดคนเดียวจะทำอะไรก็ได้ แต่พอเขาเข้ามา เขามาเติมเต็มเรา เข้ามาทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ทำให้เรามองเห็นอนาคตเลย เพราะตอนผมอยู่คนเดียวผมมองไม่เห็นอนาคตตัวเองว่าจะไปในทิศทางไหน แต่พอมีเขาเข้ามาเราเห็นอนาคตตัวเอง วางแผนได้ว่าอีก 3-4 ปีทำงานเก็บเงินแล้วหลังจากนั้นค่อยมีลูกก็ว่ากันไป”

“(แต่งฟ้าแล่บคนก็จะคิดว่าท้อง?) ใช่ๆ คนจะคิดว่าท้อง เพื่อนรอบข้างยังคิดเลยว่าท้องเหรอ ก็ไม่ได้ท้องไม่รู้จะว่ายังไง (งานหมั้นได้พูดคุยปรึกษาผู้ใหญ่ว่ายังไง?) ผู้ใหญ่เขาคุยกันแล้วเรียบร้อยครับ ผู้ใหญ่เขารับรู้อยู่แล้ว คร่าวๆ ก็คือว่าบ้านผมอยู่ต่างจังหวัด พอผู้ใหญ่รับรู้ พ่อผมก็ต้องการให้ฝ่ายผู้หญิงไปใช้ชีวิตอยู่ขอนแก่นก็ลองชวนไปหลายวันเกือบอาทิตย์ ฝ่ายหญิงก็บอกว่าถ้าไปนานขนาดนั้นก็มาขอเลย พ่อผมดีใจมากกว่าผมอีกว่าลูกตัวเองจะมีเมียแล้ว พอรู้ปุ๊บก็รีบไปขอเลย กับเจ้าสาวเจอกันที่สระบุรีครับ เขาเป็นคนสระบุรี คือผมไปถ่ายหนังที่สระบุรี ทางกองถ่ายใช้โลเคชั่นร้านอาหารเขา เขามีร้านอาหารอยู่ที่สระบุรี ไม่ใช่รักแรกพบ เจอแล้วผมเฉยๆ มีโอกาสได้คุยแล้วก็ไม่ได้คุย ใช้เวลาเกือบๆ ปี เป็นอย่างนี้ประมาณ 2-3 รอบ จนครั้งสุดท้ายก็คุยมาจนใช่และยาวมาจนถึงทุกวันนี้ ผมเองก็ยังงงๆ กับตัวเอง นี่เรากำลังจะมีภรรยาแล้วเหรอ (หัวเราะ)”

“เราจีบก่อนแล้วเขาก็ถอยห่างไป รอบแรกโอเคไม่เป็นไร แต่รอบ 2 ผมก็เข้าไปอีก รอบ 3 ก็ไปคุยให้ชัดเจนเลยว่าจะเอายังไง พอคุยแล้วก็คลิกกัน เหมือนเขาเข้าใจในสิ่งที่เราเป็น ตอนไปขอหมั้นเป็นผู้ใหญ่คุยกัน คือพอรู้ว่าจะแต่ง เรื่องหมั้นก็เบาลง ตอนหมั้นเราแค่อยากจะปาร์ตี้ให้เพื่อนๆ ทั้งสองฝ่ายมีความสุข กำหนดแต่งประมาณเดือนมี.ค.นี้ครับ จัดที่กรุงเทพแต่ยังไม่ได้ระบุวัน เตรียมการกันไปเรื่อยๆ ตอนนี้คืบหน้า 50:50 ก็ไม่รู้เหมือนกัน เป็นครั้งแรกของผมยังงงๆ อยู่ เพิ่งจะรู้เหมือนกันว่าบางอย่างทำแบบนี้เหรอ ก็คงจะเป็นงานไพรเวท เพราะแฟนผมอยู่นอกวงการ ไม่รู้ว่าถ้าคนไปกันเยอะแล้วเขาจะยังไง อยากจะให้เกียรติเขาครับ”

“(ตอนตัดสินใจแต่งงานกลัวว่ามันจะมีผลกระทบกับงานเรามั้ย?) ไม่ได้คิดถึงตรงนั้นเลย กลับกลายเป็นว่าเรามองเห็นอนาคตตัวเอง บ้านเราอยู่ต่างจังหวัด อนาคตจะต้องกลับไปใช้ชีวิตที่นั่น คงไม่เชิงสลัดงานในวงการ แต่ธุรกิจที่บ้านก็ต้องใช้เวลาศึกษาหลายเดือนเหมือนกัน ถ้าผ่านจุดนั้นไปได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา (คิดไหมว่านี่อาจจะเป็นละครเรื่องสุดท้ายที่เรารับเล่นเต็มๆ?) คงไม่ต้องคิด เพราะผมเบี้ยวพ่อมาหลายรอบแล้ว เขาอยากให้กลับบ้านมาปีกว่าแล้ว เขาอายุ 60 ปี เขาเหนื่อยแล้ว แต่เราก็ยังรับงาน ตั้งใจว่าจบเรื่องนี้จะลองไปคุย จะไปทำ ไปศึกษางานให้เรียบร้อยภายในระยะเวลา 2 เดือน ถ้าผ่านตรงนั้นไปได้แล้วงานยังติดต่อมาอยู่ คุยกันแล้วแฮปปี้ทั้งสองฝ่ายก็ยินดีให้กลับมาทำ ไปๆ มาๆ แต่อาจจะไม่ได้รับหนักขนาดเมื่อก่อน (ตั้งหลักปักฐานสร้างครอบครัวที่นู่นเลย?) ใช่ครับ เราเกิดที่นู่น บ้านเราอยู่นู่น ยังไงก็ต้องอยู่ที่นู่น (แต่งแล้วอยากมีลูกเลยมั้ย?) คุยกันไว้ว่าสัก 3-4 ปี เราขอใช้ชีวิตคู่ ทำงานเก็บเงิน มีเวลาก็ไปเที่ยว พร้อมเมื่อไหร่ก็ค่อยว่ากัน เรื่องสินสอดทองหมั้นผมเองก็ไม่ทราบ เพราะพ่อกับแม่เป็นคนจัดการ ให้ท่านตัดสินใจกันเองครับ” อาร์ตี้ กล่าว

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับเรื่องราวที่สาวย้อ พลัดถิ่นได้นำมาฝากกันในวันนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับหนุ่มอาร์ตี้และแฟนสาว เพราะทั้งคู่คิดว่าถึงเวลาอันสมควรแล้ว ขอให้ทั้งคู่รักกันไปนาานๆนะคะ