ยื่นข้อเสนอเพิ่มราคาค่าแท็กซี่ 10% แก้ไขปัญหาไม่รับผู้โดยสาร

ยื่นข้อเสนอเพิ่มราคาค่าแท็กซี่ 10% แก้ไขปัญหาไม่รับผู้โดยสาร

วันที่ 14 มิถุนายน 2561 กรมการขนส่งทางบกร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็น เรื่องการพัฒนาเพื่อความปลอดภัยและคุณภาพการให้บริการของรถแท็กซี่ โดยนายสุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ ทีดีอาร์ไอ เสนอแนวทางแก้ปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร ว่า ควรคิดค่าโดยสารตามระยะทางที่เดินทางจริงร่วมกับเวลารถติด ส่วนค่าโดยสารเริ่มต้น 35 บาท มองว่าเหมาะสมแล้วไม่จำเป็นต้องปรับขึ้น

โดยแนวทางดังกล่าวจะทำให้ค่าโดยสารเพิ่มขึ้นประมาณ 10% มาจากค่าโดยสารตามระยะทาง และค่ารถติดที่เก็บ 50 สตางค์ต่อนาที เช่น หากใช้บริการแท็กซี่ระยะทาง 5 กิโลเมตร จะต้องเสียค่าโดยสารตามระยะทาง 50 บาท และถ้าช่วงนั้นมีปัญหารถติด 20 นาที ก็จะต้องเสียค่าโดยสารเพิ่มอีก 10 บาท ทำให้ผู้โดยสารต้องจ่ายเงินทั้งหมด 60 บาท เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม หากเป็นการเดินทางไปยังพื้นที่ที่รถไม่ติดก็จะเสียเพิ่มไม่ต่างจากเดิมมากนัก แต่หากเดินทางไปพื้นที่ที่รถติดก็จะทำให้ผู้ขับมีรายได้ส่วนนี้เพิ่ม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและลดปัญหาปฏิเสธผู้โดยสารได้ ซึ่งแนวทางนี้จะต้องประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้ขับรถแท็กซี่ แล้วนำมาประกอบการพิจารณาต่อไป

นายสุเมธ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันผู้ขับรถแท็กซี่มีรายได้เฉลี่ยประมาณวันละ 1,400 บาท แต่กลับมีรายจ่ายสูงถึงวันละ 1,100 บาท ทำให้มีเงินเหลือต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำราว 200-300 ต่อวัน ดังนั้น การปรับค่าโดยสารขึ้น 10% จะทำให้ผู้ขับแท็กซี่มีรายได้เพิ่มเป็นวันละ 1,600-1,800 บาท หรือประมาณ 400-500 บาทหลังหักต้นทุนแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่เหมาะสม

ปวดใจเหลือเกิน…คุณพ่อจูงมือลูกสาว อยากพากลับบ้านไว ๆ เจอแท็กซี่จอดเรียงรายนับสิบคัน แต่กลับโดนปฏิเสธอย่างไว ท้อใจจนต้องกลับรถเมล์แทน ปัญหาหนึ่งสำหรับผู้ใช้ขนส่งสาธารณะในเมืองไทย ที่ดูจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย คือการที่ถูกปฏิเสธ โดยอ้างว่ารถติดบ้าง ส่งแก๊สบ้าง ไม่คุ้มค่าบ้าง ไกลบ้าง ซึ่งต่อมาก็ได้มีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นมาเพื่อเรียกรถ รวมไปถึงภาครัฐและภาคเอกชนก็พยายามที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ยังคงวนอยู่ที่เดิม

เหมือนที่ล่าสุด ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปของพ่อลูกคู่หนึ่ง ที่เดินอยู่ริมถนนวิภาวดีรังสิต หน้าห้างฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต โดยลูกสาวน่าจะอายุประมาณ 6-7 ขวบ ส่วนคุณพ่อเองใจก็อยากกลับบ้าน จึงเข้าไปสอบถามแท็กซี่ที่จอดเรียงรายไว้ แต่กลับโดนปฏิเสธอย่างไม่ใยดี พร้อมกับที่แท็กซี่ได้เขยิบรถหนี จนคุณพ่อเองต้องไปขึ้นรถเมล์แทน

“อาจารย์ยืนมองพ่อลูกคู่นี้ โดนรถแท็กซี่ปฏิเสธคันแล้วคันเล่า เด็กผู้หญิงอายุประมาณ 6-7ขวบ ก็อุ้มตุ๊กตาเดินตามคุณพ่อไปเรื่อย ๆ ฝนก็ทำท่าจะตก จนคุณพ่อของเด็กถอดใจไม่เรียกแท็กซี่ต่อ สุดท้ายคุณพ่อก็พาลูกสาวตัวน้อย ๆ ข้ามถนนไปนั่งรถเมล์แทน อาจารย์เพิ่งเห็นแล้วรู้สึกสงสาร ถ้าคนขับรถแท็กซี่ไม่ต้องการรับผู้โดยสาร หรือไม่ต้องการให้บริการลูกค้า จะเปิดไฟว่างไว้ทำไม ? นี่หรือแท็กซี่ของคนไทย ? คุณภาพการเดินทางของคนเมืองกรุง ?”

เรื่องนี้ได้ก่อให้เกิดข้อวิจารณ์ที่หลากหลาย เกี่ยวกับแท็กซี่ที่ปฏิเสธผู้โดยสาร พร้อมกับมีผู้คนจำนวนมาก ที่ออกอาการเห็นใจคุณพ่อรายนี้อีกด้วย จับแท็กซี่ 10 คัน ปฏิเสธผู้โดยสารย่านสนามหลวง พร้อมปรับเต็มอัตรา 1,000 บาท ส่วนข้ออ้างในการปฏิเสธก็แก๊สหมด ระยะทางใกล้ เป็นต้น

เว็บไซต์อมรินทร์ทีวี รายงานว่า พ.ต.ท. ภูวดล อุ่นโพธิ์ รองผู้กำกับการจราจร สน.ชนะสงคราม เปิดเผยถึงกรณีที่รถแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารบริเวณท้องสนามหลวง หลังจากที่หน่วยงานรัฐประชาสัมพันธ์ไม่ให้นำรถส่ว่นตัวมายังพื้นที่นี้ เพื่อความสะดวก ไม่ต้องหาที่จอดรถว่า วันนี้สามารถจับกุมแท็กซี่ได้ 10 ราย พร้อมปรับเต็มอัตราคือ 1,000 บาท และกล่าวตักเตือน

ประยุทธ์ วอนสังคมเข้าใจแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร บางทีอาจมีเหตุผล อาจจะอยากรับ แต่รับไม่ได้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารว่า บางทีเขาก็อาจมีเหตุผล อาจจะไม่อยากรับ หรืออยากรับแต่รับไม่ได้

ขณะเดียวกันวันนี้มีมาตรการอบรมคนขับแท็กซี่ ก็มีปัญหาอีกว่าอบรมทำไม เสียเวลา เสียเงิน ตนก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ออกมาตรา 44 แล้วจะทำอย่างไรได้บ้าง ต้องบังคับให้รับผู้โดยสาร อีกหน่อยคงออกมาตรา 44 บังคับให้คนนั่งรถขาซ้ายทับขาขวาอะไรแบบนี้ อย่ามาต่อต้านทุกกฎหมายเลย กฎหมายก็มีส่วนดีเพื่อเกิดสิ่งดี ๆ ส่วนฝ่ายความมั่นคงได้เสนอมาตรการผ่อนผันได้บ้าง เขาปรับให้แล้ว

คมนาคม เบรกขึ้นค่าแท็กซี่รอบ 2 ชี้ยังมีปฏิเสธและทิ้งผู้โดยสารอยู่ เผยตอนนี้ศึกษาเกี่ยวกับข้อกฎหมายของแท็กซี่อูเบอร์ คาดจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ วันที่ 3 กรกฎาคม 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายดรุณ แสงฉาย รองปลัดกระทรวงคมนาคม ได้กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการให้บริการอูเบอร์แท็กซี่และอูเบอร์โมโต้ ว่า

ขณะนี้ทางคณะทำงานอยู่ระหว่างศึกษาและพิจารณารายละเอียดข้อกฎหมายและจะต้องหารือร่วมกับผู้ประกอบการรถแท็กซี่อูเบอร์อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้เบื้องต้น นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กำชับว่า รถที่จะนำมาให้บริการทุกคันจะต้องถูกต้องตามกฎหมายที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดไว้

นอกจากนี้สำหรับการปรับขึ้นค่าโดยสารรถแท็กซี่รอบที่ 2 อีกร้อยละ 5 ขณะนี้ยังไม่มีการปรับขึ้นแต่อย่างใดเนื่องจากยังพบปัญหาการปฏิเสธและทิ้งผู้โดยสาร อีกทั้งจะต้องรอการพิจารณาจาก นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ว่ามีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด หากปรับขึ้นราคาแล้วจะเกิดผลกระทบต่อประชาชนอย่างไรบ้าง