อีก 1 ผู้ปิดทองหลังพระ! หนุ่มรปภ.คู่หู ‘เวิร์น’นักสำรวจถ้ำ ช่วย 13 หมูป่า!



เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ อ.แม่สาย จ.เชียงราย นายกมล คุณงามความดี อายุ 43 ปี รปภ.โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ และเป็นบัดดี้ของนายเวิร์น อันสเวิร์ธ อายุ 63 ปี นักสำรวจถ้ำชาวอังกฤษ ที่เข้าไปช่วยเหลือน้องๆหมูป่าตั้งแต่ช่วยวันแรกถึงวันสุดท้ายจนสำเร็จ

โดยนายกมล เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลถ้ำหลวงมา 6 ปี ทำให้รู้รายละเอียดของถ้ำและได้รู้จักนายเวิร์นที่เข้ามาสำรวจเส้นทางในถ้ำหลวง ต่อมาทราบว่าน้องๆทั้ง 13 คน ติดภายในถ้ำตั้งแต่วันเสาร์ที่ 23 มิ.ย.แล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่อุทยานก็เริ่มเข้าไปหาก่อน แล้วไม่เจอ พอเช้าวันอาทิตย์ขณะตนมาทำงานตามปกติที่โรงเรียน อยู่ๆ นายเวิร์นโทรมาหาตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถามว่า "รู้มั้ยว่า มีเด็กติดอยู่ภายในถ้ำ 13 คน เราไปดูกันหน่อย ลุงเวิร์นจะไม่เข้าถ้ำ ถ้าไม่มีตน"



จากนั้นรีบไปในถ้ำ เมื่อไปถึงก็ได้รับข้อมูลว่าเจอกระเป๋า เจอรองเท้าด้วย ตนกับนายเวิร์นก็สงสัยว่าจะมีน้ำมาจากไหน ซึ่งตอนนั้นเราไม่เชื่อเลยว่าในถ้ำมีน้ำ เพราะยังไม่เข้าหน้าถ้ำ เมื่อตนและเวิร์นได้เข้าไปในถ้ำ ก็ได้เห็นว่าในถ้ำมีความชื้น และเมื่อเดินเข้าไปยังโถง 3 ตนและนายเวิร์นก็ถึงกับตกใจ เพราะพบว่ามีน้ำอยู่เยอะเลย เยอะจนเดินไม่ได้



"ในช่วงที่น้องๆติดไปในถ้ำ ผมกับมิสเตอร์เวิร์นเข้าไปในถ้ำบ่อยมาก มีช่วงวันที่เครียดยิ่งรู้เรื่องราวมาก ยิ่งเครียดมาก ทำยังไงก็ไม่เจอ ตนผมกับลุงเวิร์นก็ไม่คุยกันเลย ทราบดีว่าถ้าเด็กจะรอดได้ เด็กๆต้องทำตัวให้แห้ง และต้องหาที่แห้งหลบน้ำ จ

นกระทั่ง 2 ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการดำน้ำภายในถ้ำมาถึง ก็มีความหวัง แต่เมื่อทั้ง 2 คนเข้าไปหา ก็ยังหาน้องไม่เจอ ตนผมก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าทั้ง 2 คนนั้นอาจจะเลยน้องไปแล้วก็ได้ เลยหาน้องๆไม่เจอ

ยิ่งช่วง 2 วันสุดท้ายก่อนเจอน้องๆ ยิ่งเครียด เมื่อได้ยินว่านักสำรวจไปถึงพัทยาบีชแล้วก็แต่ก็ยังไม่เจอ ตนผมก็เครียด ช่วงนั้นไม่ได้นอนเลย 2 วัน ที่ว่ามันเครียดคือเราต้องเจอน้องๆให้เร็วที่สุด น้องๆจะเอาตัวรอดยังไง ผ่านมา 7-8 วันแล้ว ขณะเดียวกันผมก็ต้องหาป่องอยู่ผาหมี"



"วินาทีในวันที่เจอน้องนั้น ตอนนั้นผมอยู่บนดอยฝาหมี ได้มีผู้ใหญ่ไลน์มาถามตว่า รู้จักเนินนมสาวหรือไม่ ผมก็เริ่มสงสัยแล้วว่า ต้องมีข่าวดีแน่ๆ เพราะผู้ใหญ่ท่านนี้ไม่เคยรู้จักเนินนมสาว จึงรีบกลับมาที่ถ้ำ เมื่อมาถึงปากทางเข้าถ้ำ

ผมก็พบว่าทุกคนกำลังดีใจกัน รู้สึกดีใจและโล่งอก โล่งใจไปด้วยในระดับหนึ่ง หลังจากนั้นผมก็กลับมาทำงานปกติ แต่แล้วท่านผอ.ก็ได้โทรมาหาผมอีก ถามว่าผมไปไหน เจอน้องแล้วแต่งานยังไม่เสร็จนะ ผมก็ตอบท่านผอ.ว่าต้องทำงานนะ ผมไม่มีหนังสือเชิญตัว จนท่านผอ.ได้ทำหนังสือมาทางโรงเรียน ผมถึงได้กลับไปทำงานที่นั้นอีกครั้ง เพื่อนำเด็กทั้ง 13 คนออกมาให้ได้"



"จากนั้นได้มาประชุมกันว่าจะนำน้องๆออกมายังไง ภายในถ้ำรับน้ำ 2 เส้น 1.รับน้ำจากทางผาหมี 2.กิ่วคอนาง มันคืออุโมงค์น้ำเก่า ซึ่งเราไม่รู้ว่าน้ำไหลไปทางไหน น้ำผาหมีเป็นน้ำที่เร็วและแรงที่สุด ถ้าน้องมาถึง 3 แยกจริงๆ น้องก็ควรจะออกมาได้ จากที่ผมวิเคราะห์ น้ำน่าจะมาจากกิ่วคอนาง เพราะน้ำจะมาจากทางนี้มากกว่า ผมคิดว่าน้องๆยังไม่ถึง 3 แยก แต่อยู่ในช่วงตัววี แล้วเมื่อน้ำมาน้องพยายามน้ำทรายมาอุด แล้วก็รีบไปอยู่ในจุดที่สูงที่สุด



ดังนั้นการรับน้ำ 2 สาย ค่อนข้างยากลำบากมาก ผมได้ไปถามฝรั่งว่าวิธีที่ดีที่สุดคืออะไร เขาตอบว่า เข้าทางไหน ออกทางนั้น เราก็มีการคิดวิเคราะห์กัน เมื่อเรามีการเบี่ยงทางเดินน้ำจากฝาหมีแล้ว ก็มีการสูบน้ำออกอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่ยากที่สุดคือ จากสามแยกไปยังโถง 3 ประมาณ 800 เมตร จะมีหินขวางอยู่ 2 ที่ แต่ก็สามารถหลบหลีกได้

จุดที่เสี่ยงที่สุดคือจุดโถง 2 ข้างหลังเป็นเหว ในถ้ำมีเหว อะไรที่ยากเราก็ทำให้มันง่าย จึงมีการทำรอกขึ้น เพื่อใช้ในการประคองจุดที่ข้ามเหว เมื่อถึงจุดที่ต้องนำเด็กออกมา ผอ.ตัดสินใจ คุณหมอบอกว่าเด็กๆพร้อม มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี จนช่วยน้องๆออกมาได้สำเร็จ"บัดดี้มิสเตอร์เวิร์นกล่าวด้วยสีหน้าสดใจ




ที่มา khaosod