เปิดบ้าน “น้องสโนว์” แม่ไว้ทุกข์แปะรูปทั่วฝา นักวิชาการค้านโทษประหาร!! (มีคลิป)



วันที่ 17 ก.ค.61 ศาลอุทธรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ประหารชีวิต นายกฤติเดช ระเวงวรรณ อดีตผู้ใหญ่บ้านสีถาน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ จำเลยในคดีข่มขืนฆ่า น.ส.ฤดีวัลย์ พลประสิทธิ์ หรือ น้องสโนว์ อายุ 18 ปี พร้อมให้ชดใช้ค่าสินไหมจำนวน 2,390,000 บาท โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2558

บรรยากาศที่บ้านน้องสโนว์ ใน ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ มีเพื่อนบ้านได้มาให้กำลังใจครอบครัวน้องสโนว์ ภายในบ้านมีการรวมรูปน้องสโนว์ ติดฝาผนังบ้านคล้ายวอลเปเปอร์ และรูปถ่ายกับเพื่อน ๆ และครอบครัว บนตู้โชว์มีกรอบรูปสีทอง 3 รูป ซึ่งเป็นรูปของน้องสโนว์ ที่ครอบครัวเก็บไว้ดูตอนคิดถึงน้องสโนว์



นางลำใย พลประสิทธิ์ แม่น้องสโนว์ เปิดเผยว่า ครอบครัวได้รับความเป็นธรรมแล้ว หลังต่อสู้มาตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี 7 เดือน หรือ 935 วัน ทั้งนี้ ตนจะไว้ทุกข์สวมชุดขาวตลอดชีวิตให้กับลูกสาว ส่วนเฟซบุ๊กของน้องสโนว์ ตนเองเอาไว้คุยกับเพื่อน ๆ ของน้องสโนว์ และคนอื่นๆ ที่เข้ามาให้กำลังใจ ซึ่งทำให้ตนหายคิดถึงลูกสาวได้ อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากให้ใครมาเผชิญชะตากรรมแบบครอบครัวของตน อยากให้คดีนี้เป็นคดีสุดท้าย





ด้าน ดร.เอกพันธุ์ ปิณฑวณิช ผู้อำนวยการสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับโทษประหารชีวิต เนื่องจากมีหลักการและเหตุผลของพื้นฐานที่คนเราจะมีชีวิตและใช้ชีวิตอยู่ เพราะมีการศึกษาเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอาชญากรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า มีโทษประหารชีวิตแล้ว แต่อาชญากรรมก็ไม่ได้ลดน้อยลง ดังนั้นมีวิธีการอื่นที่จะทำให้ผู้ที่ก่ออาชญากรรมได้รับบทลงโทษ และได้รับการแก้ไขพฤติกรรมตัวเองในสังคม เพราะเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงตัวเองได้ ซึ่งเป็นหลักการขั้นพื้นฐาน ตนมองว่า ถ้าประหารชีวิตไปแล้ว โอกาสที่จะให้ผู้ต้องหาได้ปรับตัวก็จะหายไป เพราะที่จริงแล้วโทษประหาษชีวิตเป็นสิ่งสุดท้ายของกระบวนการยุติธรรม



ดร.เอกพันธุ์ กล่าวต่อว่า กระบวนการยุติธรรมมีหลายขั้นตอน ตั้งแต่การป้องกันไม่ให้เกิดอาชญากรรม การลงโทษสอบสวน สืบสวน จนกระทั่งถึงการประหารชีวิตเป็นวิธีสุดท้าย ดังนั้น ถ้าจะพูดถึงโทษประหารชีวิต คงจะพูดถึงแค่การลงโทษไม่ได้ ต้องพูดถึงกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ซึ่งมีโอกาสผิดพลาดได้ในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง ทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวหา ถูกประหารชีวิตไปแล้ว แต่ภายหลังสืบทราบว่า ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้กระทำความผิดจริง ทำให้แก้ไขไม่ได้แล้ว ดังนั้น ก็ต้องมาจัดระเบียบสังคมว่าสังคมเรายอมรับมากน้อยเพียงใด และให้ทั้งฝั่งที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยมาพูดคุยถึงเหตุผลดังกล่าว



ส่วนกรณีของน้องสโนว์ ดร.เอกพันธุ์ ระบุว่า จากคำพิพากษาของศาลให้ประหารชีวิตนั้น ก็ต้องทำตามคำสั่ง เพราะตอนนี้ประเทศไทย ยังมีโทษสูงสุดคือประหารชีวิต ถ้าศาลพิจารณาว่าสมควรแล้ว ก็ทำตามที่ศาลตัดสินเป็นเรื่องปกติ แต่เพียงเป็นกรอบแนวคิดว่า ไม่อยากให้มีการประหารเกิดขึ้นเท่านั้น



รับชมวิดีโอได้ที่นี่