เร่งแกะรอยตามล่า!! “เสี่ยอ้วน” สั่งตาย “ฟอส-สปาย” พบสัญญาณมือถือโผล่เขมร!!



ตร.เร่งล่า เสี่ยอ้วน พบสัญญาณมือถือโผล่เขมร บุกค้นบ้านเกิดที่สุรินทร์พบทิ้งเก๋งซีอาร์วีไว้ คาดใช้ช่องทางธรรมชาติหนีข้ามชายแดนไปพร้อมลูกน้องคนสนิท หิ้วตัวน้องชายเค้นสอบ ส่วนที่สระแก้วก็พบรถปิกอัพทิ้งไว้อีกคัน คาดลวงให้ไขว้เขว

จากกรณีศาลพัทยาออกหมายจับ นายปัญญา ยิ่งดัง อายุ 39 ปี หรือฉายา "เสี่ยอ้วน บางลา" คนดังวงการสถานบันเทิงใน จ.ภูเก็ต พร้อมพวกฆ่าโหดน.ส.ปวีณา หรือสปาย นาเมืองรักษ์ อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย หรือฟอส จริตรัมย์ อายุเท่ากัน เสียชีวิตบริเวณลานจอดรถฝั่งตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อ วันที่ 29 ก.ค. ล่าสุดพบเบาะแสหนีไปชายแดน คดีดังกล่าว พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. ลงพื้นที่ลุยสางคดียันชัดปมชู้สาว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จับกุมนาย สายันต์ ศรีสุข อายุ 43 ปี คนชี้เป้าที่ถูกส่งเข้าไปตีสนิทกลุ่มผู้ตายคอยส่งข้อมูลให้ทีมสังหาร ขณะที่แม่ของ "ฟอส" หนุ่มที่ตายด้วยระบุไม่ใช่แฟน แค่เพื่อนนะยะที่สนิทตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นเครือญาติกัน ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว



ความคืบหน้าคดีฆ่า 2 ศพ เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 ส.ค. พ.ต.อ.อาทร ชิ้นทอง ผกก.สภ.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนควบคุมตัวนายสายันต์ ไปตรวจร่างกายที่ ร.พ.วัดญาณสังวราราม เพื่อเป็นหลักฐานตามขั้นตอนของกฎหมาย หลังควบคุมตัวครบ 48 ชั่วโมง ก่อนจะนำกลับมายัง สภ.นาจอมเทียน ต่อมาเวลา 12.00 น. พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี นำกำลังควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ รวม 6 จุด ตั้งแต่โรงแรมที่พักย่านวอล์กกิ้ง สตรีต ตลาดน้ำ สี่ภาค สวนนงนุช และจุดสุดท้ายพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ ซึ่งเป็นจุดสังหาร โดยนายสายันต์นิ่งเงียบไม่ยอมพูดคุยตอบ คำถามใดๆ



พล.ต.ต.นันทชาติ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก บก.ภ.จว.สระแก้ว ว่าพบรถต้องสงสัยประสบอุบัติเหตุในพื้นที่ จ.สระแก้ว เบื้องต้นพบข้อมูลว่ามีชื่อของนายปัญญาหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกหมายจับซึ่งเป็นตัวการใหญ่เป็นเจ้าของ แต่ยังไม่สามารถยืนยันชัดเจนว่าเป็นรถที่ใช้ก่อเหตุหรือไม่ แต่มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการสับเปลี่ยนรถหลังก่อเหตุ จาก ซีอาร์วี สีขาว เป็นรถกระบะคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียด

"ตำรวจมีหน้าที่ในการหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีเท่านั้น และหลักฐานที่ปรากฏตอนนี้ ผู้เกี่ยวข้องในคดีก็ถูกออกหมายจับแล้ว ส่วนสาเหตุที่ลงมือสังหารทั้ง 2 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงยืนยันมุ่งไปยังปมชู้สาว ซึ่งตรงตามคำให้การของนายสายันต์ ผมอยากฝากถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิต ให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทางครอบครัวอย่างแน่นอน และจะนำตัวคนร้ายมารับโทษให้ได้ แม้ว่าคนร้ายจะเป็นผู้ที่มีอิทธิพล หรือมีเงินมากมายเพียงใด ขอให้เชื่อว่าเงินซื้อความยุติธรรมไม่ได้" ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กล่าว



ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 07.00 น. พ.ต.ท.เริงกฤตชญ์ รักชาติ ร้อยเวร สภ.เมืองสระแก้ว รับแจ้งเหตุพบรถประสบอุบัติเหตุตกข้างทาง บริเวณริมทางหลวงหมายเลข 359 สายหินซ้อน-วัฒนานคร หมู่ที่ 2 ต.ท่าเกษม จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.สุรจิต ชิงณวรรน ผบก.ภ.จว.สระแก้ว เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบ พ.ต.ท.มนตรี มีภาษี หัวหน้าชุดสืบสวน กก.สส.บช.ภาค 2 พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กำลังตรวจสอบรถกระบะโตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน บท 3631 ภูเก็ต ที่ตกไปอยู่ข้างถนน

ตรวจสอบพบมีชื่อของนายปัญญา ยิ่งดัง อยู่บ้านเลขที่ 72 ม.2 ต.สำเภาลูน อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ เป็นเจ้าของ คาดเป็นหนึ่งในรถของกลุ่มคนร้ายที่ใช้ลงมือก่อเหตุ โดยหัวรถเสยเข้าไปในป่า แต่ไม่มีร่องรอยบุบสลาย รอบบริเวณไม่มีร่องรอยการเบรกแต่อย่างใด คาดคนขับอาจเกิดหลับในทำให้รถเสียการควบคุมจนตกถนน จากนั้นคนร้ายติดต่อให้เพื่อนร่วมแก๊งนำรถอีกคันมารับตัวเพื่อพากันหลบหนีไป เบื้องต้นจึงประสานเจ้าหน้าที่ พฐ. มาเก็บหลักฐานต่างๆ รวมถึงรอยนิ้วมือแฝงภายในรถ



ส่วนที่ จ.สุรินทร์ ตำรวจสภ.บัวเชด อ.บัวเชด เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 72 ม.2 ต.สำเภาลูน บ้านเกิดของนายปัญญา พบรถยนต์ฮอนด้าซีอาร์วี สีขาว ทะเบียน กล 944 ภูเก็ต จอดอยู่หน้าบ้าน ส่วนภายในบ้านพบน้องชายของนายปัญญาซึ่งมีรูปพรรณหน้าตาคล้ายนายปัญญาอาศัยอยู่เพียงลำพัง จึงคุมตัวไปสอบปากคำ พร้อมประสานให้เจ้าหน้าที่พฐ. เข้าเก็บรอยนิ้วมือแฝง และหลักฐานที่อยู่ในรถ

รายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนแจ้งว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่า นายปัญญาและนาย จิรศักดิ์ อุนัยบัน ผู้ต้องหาร่วมในคดีเดียวกัน หลบหนีออกนอกประเทศ เข้าไปในเขตประเทศกัมพูชาแล้วตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ก่อน เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจขสอบที่บ้านพัก โดยอาศัยช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดน เนื่องจากทั้งคู่เป็นคนในพื้นที่รู้ช่องทาง รวมถึงสามารถสื่อสารภาษากัมพูชาได้เป็นอย่างดี ล่าสุดตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ของนายปัญญา พบมีสัญญาณตอบรับสถานีฐานอยู่ในเขตประเทศกัมพูชา

วันเดียวกัน พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พร้อม พ.ต.ท.นิกร ชูทอง รองผกก.สส. ร.ต.วัฒนชัย คล่องประดิษฐ์ หัวหน้าชุด ชป.รส.ร.25 และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอกะทู้ สนธิกำลังเข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนพระเมตตา หรือถนนผังเมือง สาย ก. รวมถึงที่พักบริเวณใกล้เคียงอีก 2 จุด ซึ่งนายปัญญาเช่าให้พนักงานสถานบันเทิงปุ้มปุ้ย พักอาศัย แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย



หลังจากนั้นไปตรวจค้นบ้านเลขที่ 169/52 ซอยพระเมตตา ต.ป่าตอง บ้านพักของนายปัญญา สภาพเป็นบ้านชั้นเดียว พบว่ามีกุญแจปิดอยู่จึงใช้เครื่องมือตัดกุญแจออกแล้วเปิดประตูเข้าไปตรวจสอบในบ้าน พบกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. 155 นัด กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 100 นัด กระสุนปืนขนาด .357 จำนวน 6 นัด สมุดบัญชีธนาคารจำนวนมาก ใบคู่มือจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ และยังพบใบอนุญาตให้มี และใช้อาวุธปืน (ป.4) 1 ฉบับ ระบุชื่อ นายปัญญา ยิ่งดัง เป็นผู้ครอบครอง จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานบางส่วนไว้ตรวจสอบ

ก่อนหน้านั้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันยังเข้าตรวจสอบสถานประกอบการชื่อ ปุ้มปุ้ยบาร์ ตั้งอยู่เลขที่ 7 ล็อก บี ซอยบางลา หาดป่าตอง ซึ่งเป็นสถานประกอบการของนายปัญญา โดยบาร์ดังกล่าวยังคงเปิดให้บริการตามปกติ มี น.ส.จารุพักตร์ นันตนะ อายุ 29 ปี แสดงตัวเป็นผู้จัดการร้านพาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทั่วบริเวณ เบื้องต้นไม่พบตัวนายปัญญา แต่พบว่าไม่มีใบอนุญาตจึงควบคุมตัวน.ส.จารุพักตร์ส่งสภ.ป่าตอง แจ้งข้อกล่าวหาเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และสั่งปิดไม่มีกำหนด เพื่อดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง

ส่วนที่เมรุวัดบ้านนาตาล ต.นาตาล อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ พ่อ แม่ และญาติพี่น้อง ช่วยกันเคลื่อนศพนายอนันตชัย หรือฟอส จริตรัมย์ อายุ 20 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีฌาปนกิจ ด้านนางจอมศรี ชมพูฟื้น แม่ของนายอนันตชัยยังอยู่ในความเศร้าเสียใจอย่างมาก นับตั้งแต่ลูกชายถูกยิงเสียชีวิตยังไม่ยอมหลับยอมนอน เอาแต่นั่งเฝ้าโลงศพของลูกชายกับสามีที่มีอาการป่วยท่ามกลางความเวทนาสงสารของญาติและเพื่อนบ้านที่พากันออกมารุมสาปแช่งนายปัญญาให้ตกนรกหมกไหม้ และเรียกร้องให้ตำรวจตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีและยื่นโทษประหารชีวิต

นอกจากนั้นยังมีเพื่อนนักเรียนและรุ่นพี่ในหมู่บ้านที่เป็นชายแต่ใจเป็นหญิงนำรูปของนายอนันตชัยซึ่งแต่งเป็นนางรำ ทำป้ายขนาดใหญ่แห่ในขบวน และเพื่อนนักเรียนยังได้พากันฟ้อนรำเสมือนกับการฟ้อนรำกับนายอนันตชัยเป็นครั้งสุดท้าย