คาถาเดียวเอาอยู่ การงานการลื่นไหล ไม่มีใครแว้งกัด ด้วยเมตตาบารมีหลวงปู่หงษ์

เมื่อพูดถึงพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งแดนอีสาน เทพเจ้าอาคมขลังแห่งจังหวัดสุรินทร์แล้วเชื่อว่าไม่มีไม่ที่ไม่รู้จัก “หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ” อดีตเจ้าอาวาสสุสานทุ่งมนและวัดเพชรบุรีที่เป็นที่ยอมรับกันจากลูกศิษย์ลูกหาทั้งในและต่างประเทศว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เก่งและช่วยเหลือลูกศิษย์ได้จริง ถึงแม้ว่าหลวงปู่หงษ์เองท่านจะมรณภาพและละสังขารไปนานหลายปีแล้วก็ตามทีแต่ความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ในวัตถุมงคลที่หลวงปู่ท่านอธิษฐานจิตไว้ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ทั้งเรื่องเมตตา โชคลาภ คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกได้ว่าครบครัน

สำหรับประวัติย่อของหลวงปู่หงษ์นั้น ชื่อเดิม คือ สุวรรณหงษ์ จะมัวดี เป็นชาว อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เมื่ออายุได้ 18 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรจนกระทั่งอายุได้ 20 ปี ก็ทำการอุปสมบทเป็นพระสงฆ์และได้รับฉายาว่า “พรหมปัญโญ” มีความหมายว่า ผู้มีปัญญาดุจพรหม

หลวงปู่หงษ์นั้นท่านเป็นพระผู้มากด้วยความรู้ทั้งในด้านปริยัติธรรมและวิชาคาถาอาคม มากไปด้วยครูบาอาจารย์แถมยังเป็นผู้นำชาวบ้านในชุมชนช่วยกันปลูกป่ารักษาต้นน้ำลำธารให้เจริญรุ่งเรืองฟื้นฟูผืนป่าจนทำให้ทุกคนเรียกว่าว่า “พระนักพัฒนา” ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ หลวงปู่ท่านได้ใช้วิชาอาคมที่ท่านได้ร่ำเรียนมาช่วยญาติโยมและผู้ที่มาหาด้วยความทุกข์อย่างเต็มที่เรื่อยมาหลายสิบปีจนกระทั่งสังขารร่างกายไม่ไหวและได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2557 สิริอายุได้ 97 ปี

หลวงปู่นั้นมีความผูกพันกันเป็นอันมากโดยหลวงปู่ท่านมักจะพูดให้ลูกศิษย์ได้ยินอยู่เสมอว่า

“เขาเป็นเพื่อนกับเรา”

อีกทั้งหลวงปู่มักจะชอบปล่อยงูให้รอดพ้นจากการปาณาติปาตเพื่อนำไปทำอาหารป่าโดยท่านจะปล่อยเข้าไปและก่อนที่จะปล่อยหลวงปู่ท่านจะนำงูเหล่านั้นมา “มนต์” เสียก่อนแล้วจึงปล่อย

ซึ่งก็เป็นที่น่าแปลกใจว่างูเป็นจำนวนมากที่หลวงปู่ปล่อยเข้าป่านั้น ไม่มีตัวใดเลื้อยมาเพ่นพ่านหรือทำอันตรายคนอื่นเลย

ซึ่งในเรื่องนี้หลวงปู่ท่านเมตตาบอกว่างูที่ปล่อยเหล่านี้นั้นจะไปอยู่กับพระแม่ธรณีหมดอีกทั้งอานิสงส์ในการปล่อยงูหลวงปู่ท่านบอกว่าจะทำให้ผู้ที่เจ็บป่วยหายดี การงานที่มี ที่ทำก็จะลื่นไหล ไร้อุปสรรค

ส่วนคนที่กลัวงูหรือต้องเข้าป่าและเสี่ยงต่อการเจองูอยู่บ่อยๆ หลวงปู่ท่านบอกว่าถ้าเจองุจะเข้ามาทำร้ายให้ตั้งสติท่องนะโม 3 จบจากนั้นให้เอามือลูบปาก 3 รอบพร้อมท่องว่า “กากะ กากะ กากะ” งูจะไม่ทำอันตรายเราและเลื้อยหนีไปและเมื่องูไปพ้นทางแล้วให้เราว่านะโม 3 จบอีกครั้งและเอามือลูบปาก 3 รอบ ก่อนที่จะท่อง “กะกา กะกา กะกา” เพื่อถอนคลายมนต์ลงเพราะถ้าหากไม่สวดถอนมนต์จะผูกปากงูอยู่เช่นนั้น ไม่สามารถอ้าปากกินอาหารได้จะเป็นบาปกรรมต่อกัน

จะว่าไปแล้วการปล่อยงู ของหลวงปู่หงษ์นั้น ท่านก็ใช้เมตตาจิตเป็นหลัก และเนื่องจากงูเป็นสัตว์ที่ความอาฆาตนั้นรุนแรง การ “ปล่อยงู” ถ้าหากเราจะมองให้ลึกซึ้งก็มีปริศนาธรรมซ่อนอยู่ (ขึ้นอยู่กับภูมิรู้ภูมิธรรมของผู้มอง)

หากใครที่บุญบารมียังไม่แก่กล้าพอ เจริญเมตตายังไม่ได้เต็มเปี่ยม อย่างเช่นครูบาอาจารย์ ก็ขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งไปลองของเลย ให้ต่างคนต่างอยู่จะดีที่สุด คาถาดังกล่าวจะใช้กับงูก็ต่อเมื่อจวนตัวจริงๆ (ดังนั้นก็ให้ท่องให้ขึ้นใจ เวลาจวนตัวจะได้ใช้งานได้)

อนึ่งถ้าจะทดลองคาถานี้ ให้ทดลองกับคนใกล้ๆ ตัวดูก่อน เพราะอสรพิษในชีวิตจริงของคนเรา ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนหรอก

คนใกล้ๆ ตัวเราทั้งหมดทั้งสิ้นนั่นแหละ เมื่ออภัยทานให้เขาแล้วด้วยความเมตตา ก็ลองอาราธนาบุญบารมีของหลวงปู่หงษ์ท่านดู นึกอธิษฐานในใจว่า ผู้ใดก็ตามหากคิดร้าย ประสงค์ร้าย หรือตั้งใจจะแว้งกัดด้วยคำกล่าวร้ายใดๆ ขอให้อ้าปากพูดความว่าร้ายดังกล่าวนั้นไม่ได้ คำให้ร้ายใดๆ อย่าให้หลุดจากปาก ให้เปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี

ด้วยบุญบารมีครูบาอาจารย์หลวงปู่หงษ์เป็นที่ตั้ง ภัยร้ายจากคนพาลอย่าเบียดเบียนถึงตัวได้เลย