ผ่านพ้นฤดูร้อนย่างสู่หน้าฝน รถยนต์ ของเราผ่านความร้อนของอุณหภูมิและการระอุของแดด มักจะทำให้อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับ "ยาง"
เสื่อมสภาพลง เปื่อยยุ่ยและฉีกขาดง่าย บางทีก็แข็งกรอบเสียความยืดหยุ่นไป
และอุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ทำมาเพื่อป้องกันน้ำ
ลองไปดูกันว่าการเช็คสภาพรถกับ 5
อันดับที่ต้องตรวจสภาพรถรับหน้าฝนมีอะไรบ้าง
1. ใบปัดน้ำฝน
ผ่านร้อนมาทั้งฤดูในคู่มือของรถยนต์ก็จะบอกเสมอ ๆ
ควรเปลี่ยนปีละครั้ง ช่วงเวลาที่เหมาะสุดคือผ่านร้อนเข้าฝนนี่แหละครับ
หากไม่คิดจะเปลี่ยนก็ลองเทสต์ดูสักหน่อยว่า ปัดน้ำฝนไห้หมดจด
ไม่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าด ก็พอทำเนาต่อไป
เปลี่ยนแค่ยางง๊ายง่าย
ราคาถูก ประมาณ 60-120 บาท ในห้างสรรพสินค้ามีจำหน่าย
อย่าลืมวัดความยาวของก้านปัดน้ำฝนเราไว้ด้วยหน่วยเป็นนิ้วครับ
ใครเปลี่ยนไม่เป็นเรามีวิธีมาบอกจ้า
2. ที่ฉีดน้ำล้างกระจก
ตรวจเช็กกันหน่อย ดูว่าน้ำยังฉีดแรงเหมือนเดิมไหม
หากไม่..เวลาลองไปหาเครื่องเป่าลมสวนรูปล่อยน้ำ
เพราะบางครั้งอาจเกิดจากคราบตะกรัน หรือเศษผงอะไรไปขวางให้น้ำเดินไม่สะดวก
ถ้าไม่มีอุปกรณ์เวลาเข้าร้านหรืออู่บอกช่างเป่าให้หน่อยส่วนใหญ่ไม่เสียสตางค์
หากไม่หายก็เป็นที่ตัวมอเตอร์ปั๊ม ค่าใช้จ่ายแพงอยู่ อยากเปลี่ยนหรือไม่ดูความเหมาะสมด้วยตัวเองได้เลยครับ
3. เช็กสภาพระบบเบรกให้มีความพร้อมมากที่สุด
ระดับน้ำมันเบรกที่มีระดับไม่ต่ำกว่า Min และไม่เกิน Max
เช็กสภาพสีน้ำเบรกหากสีดำเข้ม เข้าหาช่างเปลี่ยนน้ำมันและลูกยางเบรก
สุดท้ายฟังเสียงเบรกถ้ามีเอี๊ยด ๆ แปลว่าผ้าเบรกอาจจะใกล้หมด
หรือมีปัญหาที่จานเบรก
4. สัญญาณไฟต้องติดทุกดวง
ไฟเลี้ยว, ไฟหน้า, ไฟสูง, ไฟเบรก เพราะช่วงหน้าฝน
ฝนตกทัศนวิสัยการขับขี่แย่อยู่แล้ว
หากไฟเหล่านี้ไม่ติดเพื่อความเสี่ยงอุบัติเหตุให้มากขึ้นไปอีก
ขอย้ำอันตรายมาก ๆ เรื่องไฟเบรกขาด..
5. ยางรถยนต์ เช็กเบื้องต้น
เนื้อยางไม่แข็งกระด้างเอาเล็บจิกเข้า หน้ายางไม่สึก
ร่องยางลึกไม่ต่ำกว่า 3-4 มิลลิเมตร เติมลมยางให้มากกว่าปกติ 2-3
ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI) ยางจะรีดน้ำดีขึ้น
หากตรวจเช็กแล้วไม่สมบูรณ์มากนัก
การเปลี่ยนยางค่าใช้จ่ายแพงใช้วิธีลดความเร็วเฉลี่ยในการขับ
เรื่องพื้นฐานทั้งหมดหลายคนอาจทราบดี อาจมีเผลอลืมถือว่าเตือนให้
หากใครที่ไม่ทราบก็หวังว่าจะมีประโยชน์ต่อท่าน
สุดท้ายขอให้ผู้อ่านผ่านหน้าฝนกันอย่างปลอดภัยทุกท่านครับ