การกอด เป็นวิธีการแสดงความรักที่ง่ายที่สุด
โดยที่เราไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
อีกทั้งยังเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกในใจของเราให้ฝ่ายตรงข้ามรับรู้ได้อย่างชัดเจนที่สุดอีกด้วย
สัมผัสแห่งรักที่ทำให้เราอารมณ์ดีได้ทั้งวัน นอกเหนือจากการจับมือ เจอหน้า และพูดคุยทักทายกับคนที่เรารักแล้ว การกอดก็ถือเป็นอีกหนึ่งสัมผัสที่ทำให้เรารู้สึกแฮปปี้ไปตลอดทั้งวันได้เช่นกัน ซึ่งความสุขเล็ก ๆ ที่เกิดจากการกอดกันวันละนิดนี่แหละค่ะที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับสุขภาพกายของเรา หากใครเริ่มอยากรู้แล้วว่า การกอดนั้นเป็นยาวิเศษสำหรับสุขภาพเราอย่างไรบ้าง ต้องลองอ่านดูค่ะ
รู้หรือไม่ว่า การกอดคนที่เรารักเพียงวันละครั้งก็ทำให้เราห่างไกลจากอาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้แล้ว ดังนี้
สุขภาพดีจากภายใน สู่ภายนอก
การกอดช่วยป้องกันอาการเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ ได้ เพราะในการกอดแต่ครั้งนั้น ร่างกายจะเกิดกระบวนการต่าง ๆ เช่น หัวใจเต้นรัวขึ้น เลือดลมสูบฉีด รู้สึกอารมณ์ดี หัวสมองนึกถึงแต่เรื่องดี ๆ ดังนั้น หากเรากอดคนรักบ่อย ๆ สุขภาพจิตของเราย่อมดีทุกวัน แบบนี้ก็ไม่มีทางเจ็บป่วยง่ายอยู่แล้ว เพราะสุขภาพแข็งแรงมาจากข้างใน
ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคมากขึ้น
การกอดสามารถเพิ่มคุ้มกันโรคให้เราได้นะคะ เพราะการกอดช่วยกระตุ้นจักระต่อมที่ 3 หรือ Solar Plexus ที่อยู่ตรงบริเวณตำแหน่งลิ้นปี่ ให้กระตุ้นการไหลเวียนน้ำเหลือง เพื่อใช้ในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาว หากร่างกายมีปริมาณเม็ดเลือดขาวเพียงพอ ร่างกายก็จะมีภูมิคุ้มกันโรคเป็นปกติ
คลายอาการปวดต่าง ๆ
ในขณะที่เรากอดใครสักคนนั้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนออกซิโตซินออกมา ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุขที่จะช่วยให้เราคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกาย เพิ่มการไหลเวียนเลือดในมวลกล้ามเนื้อส่งผลให้อาการปวดต่าง ๆ บรรเทาลงนั่นเอง
ลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ
ฮอร์โมนออกซิโตซิน ช่วยลดความเครียดและความกังวล ลดระดับความดันโลหิต ทำให้หัวใจไม่ทำงานหนักจากการเร่งสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงหัวใจ เราจึงมีความเสี่ยงต่ำในการเป็นโรคหัวใจ จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา แชเปิลฮิลล์ เผยว่า ปกติแล้วอัตราการเต้นของหัวใจคนเรา โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 60-80 ครั้งต่อนาที แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้กอดใคร หรือไม่ค่อยถูกกอดนั้นจะมีอัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นประมาณ 10 ครั้งต่อนาที ในขณะที่คนถูกกอดจะมีอัตราจะเร็วขึ้นแค่ประมาณ 5 ครั้งต่อนาที ซึ่งการที่หัวใจเต้นเร็วกว่านั้นแสดงให้เห็นว่าหัวใจทำงานหนักขึ้น เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจได้มากกว่าคนที่ได้รับการกอดเป็นประจำ
ทำให้มีพลังกายเพิ่มขึ้น
เวลาที่เรากอดใครสักคนแล้ว เราจะรู้สึกฮึกเหิมมากขึ้น มีพลังมากขึ้น เพราะในขณะที่เรากอดนั้น กระบวนการต่าง ๆ ในร่างกายจะทำงานสัมพันธ์กับระบบประสาทพาราซิมพาเธทิค (Parasympathetic) หรือประสาทสัมผัสแบบอัตโนมัติ ที่จะทำการปรับสมดุลประสาทการรับรู้ของเรา กระตุ้นให้ร่างกายเรามีเรี่ยวแรง แอคทีฟมากขึ้น
11 พลังมหัศจรรย์ของการกอดที่ส่งผลต่อจิตใจ
การกอดไม่ได้ให้ผลดีต่อสุขภาพกายอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีพลังมหัศจรรย์บางอย่างที่ซ่อนประโยชน์ 11 ข้อเอาไว้ด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลดีต่อสุขภาพใจทั้งนั้น ดังนี้
ทำให้รู้สึกปลอดภัย
เวลาที่เรารู้สึกตกอยู่ในอันตราย หรืออยู่ในสถานะที่ไม่ปลอดภัย หากมีใครสักคนกอดเราเอาไว้ เราย่อมรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยมากขึ้น หรือแม้แต่การอุ้มเด็กทารกตัวเล็ก ๆ ในขณะที่กำลังร้องไห้ หากเราเข้าไปอุ้มเขามากอดก็จะทำให้เขาหยุดร้องไห้ได้ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะการกอดทำให้เรารู้สึกว่ามีคนคอยปกป้อง คุ้มครองเราอยู่ ทำให้ความรู้สึกเครียดและความวิตกกังวลในสถานการณ์นั้น ๆ น้อยลง
คิดบวกมากขึ้น
การกอดสามารถเปลี่ยนความคิดของเราจากติดลบให้กลายเป็นบวกได้ สาเหตุเพราะในขณะที่เรากำลังกอดใครสักคนนั้น ร่างกายเกิดการกระตุ้นสร้างฮอร์โมนออกซิโตซินออกมา ทำให้เรารู้สีกมีความสุข รู้สึกเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น และรู้สึกไม่โดดเดี่ยว ซึ่งความรู้สึกดี ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นล้วนส่งผลให้เราคิดถึงแต่เรื่องดี ๆ ที่จะนำมาซึ่งการคิดบวก
ทำให้รู้สึกแฮปปี้แบบสุด ๆ
เคยสังเกตกันบ้างไหมว่า เวลากอดคนที่เรารักนั้น ทำไมเรารู้สึกมีความสุขจังเลย สาเหตุก็เป็นเพราะว่าการกอดช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารโดปามีน (Dopamine) หรือสารแห่งความสุขออกมามากขึ้น รวมถึงสารแห่งความสุขตัวอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน เช่น เอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) และเซโรโทนิน (Serotonin) ที่ส่งผลต่อจิตใจของเรา ให้เรารู้สึกมีความสุข พึงพอใจ รู้สึกยินดี จนลืมความทุกข์ไปเลยเชียวล่ะ
ช่วยให้ความสัมพันธ์คืบหน้าขึ้น
การกอดถือเป็นการกระชับมิตร ทำให้ความสัมพันธ์คืบหน้าได้อีกวิธีหนึ่งโดยที่ไม่ต้องใช้คำพูดใด ๆ เลย อีกทั้งยังสามารถสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของเราในขณะนั้นได้อย่างชัดเจนที่สุด จากผลการวิจัยหนึ่ง เผยว่า การกอดคนใกล้ตัววันละ 10 นาทีทุกวัน จะช่วยให้เกิดความรู้สึกดี ๆ ในตัวกันและกันมากขึ้น ที่จะมีผลให้ความสัมพันธ์เดินหน้าอย่างมั่นคงมากขึ้น
เป็นเหมือนซิกแนลแทนใจ สำหรับกิจกรรมรัก
การกอดเป็นการกระตุ้นให้สารสื่อประสาทโดพามีน (Dopamine) หลั่งออกมาเราจึงรู้สึกเกิดความต้องการทางเพศ ที่เมื่อเรากอดใครสักคนนาน ๆ แล้ว อาจเกิดความรู้สึกอยากทำกิจกรรมดี ๆ บางอย่างตามมาได้แน่นอน ซึ่งนับว่าเหมาะมากสำหรับสาว ๆ ที่เขินอายไม่กล้าบอกคู่รักตรง ๆ ดังนั้น ลองหันมาใช้วิธีส่งซิกแนลด้วยการกอดดูนะคะ
ช่วยสร้างความไว้วางใจ
การกอดสามารถสร้างความสบายใจให้กับอีกฝ่ายหนึ่งได้ เหมือนดังเช่นในเวลาที่คุณแม่ให้นมลูกน้อยในท่าอุ้มกอดนั้น ลูกน้อยจะดูดนมโดยไม่งอแงเลย สาเหตุก็เป็นเพราะสารเคมีแห่งความผูกพันที่เรียกว่า ออกซิโตซิน ทำให้ลูกน้อยรับรู้ถึงความอบอุ่น ปลอดภัย และความไว้วางใจ
ช่วยลดความประหม่า กังวล
เวลาที่เราต้องไปร่วมงานสำคัญที่มีคนมากหน้าหลายตาที่เราไม่รู้จัก อาจทำให้เกิดอาการประหม่าได้ วิธีที่ช่วยลดอาการประหม่าได้ดีที่สุดก็คือ การกอด เพราะในขณะที่กอดนั้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนออกซิโตซินออกมา ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น จิตใจสงบมากขึ้น สามารถจัดลำดับความคิดของตัวเองได้ดีขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เรามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นด้วย
ช่วยผ่อนคลายความเครียด
เมื่อไรที่เราเครียด ลองเดินเข้าไปกอดใครสักคน ไม่ว่าจะเป็น คนรัก คนในครอบครัว เพื่อน หรือแม้แต่กอดสัตว์เลี้ยงตัวโปรดที่บ้านก็ได้ ก็จะช่วยให้ความรู้สึกของเราผ่อนคลายมากขึ้น เพราะการกอดเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกซิโตซินออกมา เราจึงรู้สึกผ่อนคลาย สมองปลอดโปร่งมากขึ้น
บรรเทาความรู้สึกหวาดกลัว
การกอดช่วยบรรเทาความรู้สึกหวาดกลัวได้ ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้กำลังตกอยู่ในอันตรายเพียงลำพัง จากผลการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Psychological Science เผยว่า ในขณะที่เรากำลังรู้สึกกลัวนั้น หากเราอยู่กับสิ่งที่จับต้องได้ จะทำให้ความกลัวในใจลดลง เห็นได้จากการที่เด็ก ๆ กอดตุ๊กตาหรือคนใกล้ตัวแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกกำลังกลัวอะไรสักอย่าง หรือแม้แต่เวลาที่เรารู้สึกได้ว่ารอบตัวมีบางอย่างผิดปกติ หากได้จับมือ หรือ กอดคนที่อยู่ใกล้ตัวนั้นจะทำให้เรารู้สึกกลัวน้อยลงกว่าเดิม
คลายความรู้สึกเหงา อ้างว้าง โดดเดี่ยว
จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตตในสหรัฐอเมริกา เผยว่า การกอดสามารถบรรเทาความรู้สึกเหงา อ้างว้าง และโดดเดี่ยวได้ เห็นได้จากการกอดผู้สูงอายุ เด็ก หรือแม้แต่ผู้ป่วย ซึ่งการกอดมีผลต่อจิตใจที่จะช่วยให้ผู้ที่ถูกกอดนั้นรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ถูกทอดทิ้ง รู้สึกตัวเองเป็นที่ยอมรับมากขึ้น รู้สึกตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น
ให้กำลังใจ
การกอดเป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มกำลังใจในการใช้ชีวิต ซึ่งถือว่าจำเป็นอย่างยิ่งในการดำรงชีวิต โดยคนที่ขาดการกอด หรือการสัมผัสนั้นมีแนวโน้มจะเกิดความรู้สึกผิดหวัง หดหู่กับชีวิตง่ายกว่าคนที่ถูกกอดหรือสัมผัสบ่อย ๆ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคร้ายชนิดรุนแรง เช่น มะเร็ง เอดส์ หากได้รับการกอด หรือสัมผัสที่ดี ๆ ก็จะสามารถประคองภาวะอารมณ์ ลดความรู้สึกในทางลบของผู้ป่วย ถือเป็นการให้กำลังใจผู้ป่วย ไม่ให้ท้อแท้ต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ไม่ให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นที่น่ารังเกียจของสังคม
เห็นไหมคะว่าการกอดคือยาวิเศษที่มีแต่จะทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงในทุก ๆ วัน ทั้งสุขภาพกายและใจเลยค่ะ ใครไม่เชื่อ เราขอแนะนำให้ลองหันไปกอดที่รักดูนะคะ แล้วจะพบว่าการกอดดีต่อสุขภาพจริง ๆ
สัมผัสแห่งรักที่ทำให้เราอารมณ์ดีได้ทั้งวัน นอกเหนือจากการจับมือ เจอหน้า และพูดคุยทักทายกับคนที่เรารักแล้ว การกอดก็ถือเป็นอีกหนึ่งสัมผัสที่ทำให้เรารู้สึกแฮปปี้ไปตลอดทั้งวันได้เช่นกัน ซึ่งความสุขเล็ก ๆ ที่เกิดจากการกอดกันวันละนิดนี่แหละค่ะที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับสุขภาพกายของเรา หากใครเริ่มอยากรู้แล้วว่า การกอดนั้นเป็นยาวิเศษสำหรับสุขภาพเราอย่างไรบ้าง ต้องลองอ่านดูค่ะ
รู้หรือไม่ว่า การกอดคนที่เรารักเพียงวันละครั้งก็ทำให้เราห่างไกลจากอาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้แล้ว ดังนี้
สุขภาพดีจากภายใน สู่ภายนอก
การกอดช่วยป้องกันอาการเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ ได้ เพราะในการกอดแต่ครั้งนั้น ร่างกายจะเกิดกระบวนการต่าง ๆ เช่น หัวใจเต้นรัวขึ้น เลือดลมสูบฉีด รู้สึกอารมณ์ดี หัวสมองนึกถึงแต่เรื่องดี ๆ ดังนั้น หากเรากอดคนรักบ่อย ๆ สุขภาพจิตของเราย่อมดีทุกวัน แบบนี้ก็ไม่มีทางเจ็บป่วยง่ายอยู่แล้ว เพราะสุขภาพแข็งแรงมาจากข้างใน
ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคมากขึ้น
การกอดสามารถเพิ่มคุ้มกันโรคให้เราได้นะคะ เพราะการกอดช่วยกระตุ้นจักระต่อมที่ 3 หรือ Solar Plexus ที่อยู่ตรงบริเวณตำแหน่งลิ้นปี่ ให้กระตุ้นการไหลเวียนน้ำเหลือง เพื่อใช้ในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาว หากร่างกายมีปริมาณเม็ดเลือดขาวเพียงพอ ร่างกายก็จะมีภูมิคุ้มกันโรคเป็นปกติ
คลายอาการปวดต่าง ๆ
ในขณะที่เรากอดใครสักคนนั้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนออกซิโตซินออกมา ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุขที่จะช่วยให้เราคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกาย เพิ่มการไหลเวียนเลือดในมวลกล้ามเนื้อส่งผลให้อาการปวดต่าง ๆ บรรเทาลงนั่นเอง
ลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ
ฮอร์โมนออกซิโตซิน ช่วยลดความเครียดและความกังวล ลดระดับความดันโลหิต ทำให้หัวใจไม่ทำงานหนักจากการเร่งสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงหัวใจ เราจึงมีความเสี่ยงต่ำในการเป็นโรคหัวใจ จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา แชเปิลฮิลล์ เผยว่า ปกติแล้วอัตราการเต้นของหัวใจคนเรา โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 60-80 ครั้งต่อนาที แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้กอดใคร หรือไม่ค่อยถูกกอดนั้นจะมีอัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นประมาณ 10 ครั้งต่อนาที ในขณะที่คนถูกกอดจะมีอัตราจะเร็วขึ้นแค่ประมาณ 5 ครั้งต่อนาที ซึ่งการที่หัวใจเต้นเร็วกว่านั้นแสดงให้เห็นว่าหัวใจทำงานหนักขึ้น เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจได้มากกว่าคนที่ได้รับการกอดเป็นประจำ
ทำให้มีพลังกายเพิ่มขึ้น
เวลาที่เรากอดใครสักคนแล้ว เราจะรู้สึกฮึกเหิมมากขึ้น มีพลังมากขึ้น เพราะในขณะที่เรากอดนั้น กระบวนการต่าง ๆ ในร่างกายจะทำงานสัมพันธ์กับระบบประสาทพาราซิมพาเธทิค (Parasympathetic) หรือประสาทสัมผัสแบบอัตโนมัติ ที่จะทำการปรับสมดุลประสาทการรับรู้ของเรา กระตุ้นให้ร่างกายเรามีเรี่ยวแรง แอคทีฟมากขึ้น
11 พลังมหัศจรรย์ของการกอดที่ส่งผลต่อจิตใจ
การกอดไม่ได้ให้ผลดีต่อสุขภาพกายอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีพลังมหัศจรรย์บางอย่างที่ซ่อนประโยชน์ 11 ข้อเอาไว้ด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลดีต่อสุขภาพใจทั้งนั้น ดังนี้
ทำให้รู้สึกปลอดภัย
เวลาที่เรารู้สึกตกอยู่ในอันตราย หรืออยู่ในสถานะที่ไม่ปลอดภัย หากมีใครสักคนกอดเราเอาไว้ เราย่อมรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยมากขึ้น หรือแม้แต่การอุ้มเด็กทารกตัวเล็ก ๆ ในขณะที่กำลังร้องไห้ หากเราเข้าไปอุ้มเขามากอดก็จะทำให้เขาหยุดร้องไห้ได้ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะการกอดทำให้เรารู้สึกว่ามีคนคอยปกป้อง คุ้มครองเราอยู่ ทำให้ความรู้สึกเครียดและความวิตกกังวลในสถานการณ์นั้น ๆ น้อยลง
คิดบวกมากขึ้น
การกอดสามารถเปลี่ยนความคิดของเราจากติดลบให้กลายเป็นบวกได้ สาเหตุเพราะในขณะที่เรากำลังกอดใครสักคนนั้น ร่างกายเกิดการกระตุ้นสร้างฮอร์โมนออกซิโตซินออกมา ทำให้เรารู้สีกมีความสุข รู้สึกเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น และรู้สึกไม่โดดเดี่ยว ซึ่งความรู้สึกดี ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นล้วนส่งผลให้เราคิดถึงแต่เรื่องดี ๆ ที่จะนำมาซึ่งการคิดบวก
ทำให้รู้สึกแฮปปี้แบบสุด ๆ
เคยสังเกตกันบ้างไหมว่า เวลากอดคนที่เรารักนั้น ทำไมเรารู้สึกมีความสุขจังเลย สาเหตุก็เป็นเพราะว่าการกอดช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารโดปามีน (Dopamine) หรือสารแห่งความสุขออกมามากขึ้น รวมถึงสารแห่งความสุขตัวอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน เช่น เอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) และเซโรโทนิน (Serotonin) ที่ส่งผลต่อจิตใจของเรา ให้เรารู้สึกมีความสุข พึงพอใจ รู้สึกยินดี จนลืมความทุกข์ไปเลยเชียวล่ะ
ช่วยให้ความสัมพันธ์คืบหน้าขึ้น
การกอดถือเป็นการกระชับมิตร ทำให้ความสัมพันธ์คืบหน้าได้อีกวิธีหนึ่งโดยที่ไม่ต้องใช้คำพูดใด ๆ เลย อีกทั้งยังสามารถสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของเราในขณะนั้นได้อย่างชัดเจนที่สุด จากผลการวิจัยหนึ่ง เผยว่า การกอดคนใกล้ตัววันละ 10 นาทีทุกวัน จะช่วยให้เกิดความรู้สึกดี ๆ ในตัวกันและกันมากขึ้น ที่จะมีผลให้ความสัมพันธ์เดินหน้าอย่างมั่นคงมากขึ้น
เป็นเหมือนซิกแนลแทนใจ สำหรับกิจกรรมรัก
การกอดเป็นการกระตุ้นให้สารสื่อประสาทโดพามีน (Dopamine) หลั่งออกมาเราจึงรู้สึกเกิดความต้องการทางเพศ ที่เมื่อเรากอดใครสักคนนาน ๆ แล้ว อาจเกิดความรู้สึกอยากทำกิจกรรมดี ๆ บางอย่างตามมาได้แน่นอน ซึ่งนับว่าเหมาะมากสำหรับสาว ๆ ที่เขินอายไม่กล้าบอกคู่รักตรง ๆ ดังนั้น ลองหันมาใช้วิธีส่งซิกแนลด้วยการกอดดูนะคะ
ช่วยสร้างความไว้วางใจ
การกอดสามารถสร้างความสบายใจให้กับอีกฝ่ายหนึ่งได้ เหมือนดังเช่นในเวลาที่คุณแม่ให้นมลูกน้อยในท่าอุ้มกอดนั้น ลูกน้อยจะดูดนมโดยไม่งอแงเลย สาเหตุก็เป็นเพราะสารเคมีแห่งความผูกพันที่เรียกว่า ออกซิโตซิน ทำให้ลูกน้อยรับรู้ถึงความอบอุ่น ปลอดภัย และความไว้วางใจ
ช่วยลดความประหม่า กังวล
เวลาที่เราต้องไปร่วมงานสำคัญที่มีคนมากหน้าหลายตาที่เราไม่รู้จัก อาจทำให้เกิดอาการประหม่าได้ วิธีที่ช่วยลดอาการประหม่าได้ดีที่สุดก็คือ การกอด เพราะในขณะที่กอดนั้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนออกซิโตซินออกมา ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น จิตใจสงบมากขึ้น สามารถจัดลำดับความคิดของตัวเองได้ดีขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เรามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นด้วย
ช่วยผ่อนคลายความเครียด
เมื่อไรที่เราเครียด ลองเดินเข้าไปกอดใครสักคน ไม่ว่าจะเป็น คนรัก คนในครอบครัว เพื่อน หรือแม้แต่กอดสัตว์เลี้ยงตัวโปรดที่บ้านก็ได้ ก็จะช่วยให้ความรู้สึกของเราผ่อนคลายมากขึ้น เพราะการกอดเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกซิโตซินออกมา เราจึงรู้สึกผ่อนคลาย สมองปลอดโปร่งมากขึ้น
บรรเทาความรู้สึกหวาดกลัว
การกอดช่วยบรรเทาความรู้สึกหวาดกลัวได้ ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้กำลังตกอยู่ในอันตรายเพียงลำพัง จากผลการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Psychological Science เผยว่า ในขณะที่เรากำลังรู้สึกกลัวนั้น หากเราอยู่กับสิ่งที่จับต้องได้ จะทำให้ความกลัวในใจลดลง เห็นได้จากการที่เด็ก ๆ กอดตุ๊กตาหรือคนใกล้ตัวแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกกำลังกลัวอะไรสักอย่าง หรือแม้แต่เวลาที่เรารู้สึกได้ว่ารอบตัวมีบางอย่างผิดปกติ หากได้จับมือ หรือ กอดคนที่อยู่ใกล้ตัวนั้นจะทำให้เรารู้สึกกลัวน้อยลงกว่าเดิม
คลายความรู้สึกเหงา อ้างว้าง โดดเดี่ยว
จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตตในสหรัฐอเมริกา เผยว่า การกอดสามารถบรรเทาความรู้สึกเหงา อ้างว้าง และโดดเดี่ยวได้ เห็นได้จากการกอดผู้สูงอายุ เด็ก หรือแม้แต่ผู้ป่วย ซึ่งการกอดมีผลต่อจิตใจที่จะช่วยให้ผู้ที่ถูกกอดนั้นรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ถูกทอดทิ้ง รู้สึกตัวเองเป็นที่ยอมรับมากขึ้น รู้สึกตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น
ให้กำลังใจ
การกอดเป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มกำลังใจในการใช้ชีวิต ซึ่งถือว่าจำเป็นอย่างยิ่งในการดำรงชีวิต โดยคนที่ขาดการกอด หรือการสัมผัสนั้นมีแนวโน้มจะเกิดความรู้สึกผิดหวัง หดหู่กับชีวิตง่ายกว่าคนที่ถูกกอดหรือสัมผัสบ่อย ๆ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคร้ายชนิดรุนแรง เช่น มะเร็ง เอดส์ หากได้รับการกอด หรือสัมผัสที่ดี ๆ ก็จะสามารถประคองภาวะอารมณ์ ลดความรู้สึกในทางลบของผู้ป่วย ถือเป็นการให้กำลังใจผู้ป่วย ไม่ให้ท้อแท้ต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ไม่ให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นที่น่ารังเกียจของสังคม
เห็นไหมคะว่าการกอดคือยาวิเศษที่มีแต่จะทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงในทุก ๆ วัน ทั้งสุขภาพกายและใจเลยค่ะ ใครไม่เชื่อ เราขอแนะนำให้ลองหันไปกอดที่รักดูนะคะ แล้วจะพบว่าการกอดดีต่อสุขภาพจริง ๆ