5 วิธี กำจัดอาการเจ็ทแลคโดยไว เที่ยวอีกซีกโลกได้สบายหายห่วง

แนะนำวิธีแก้อาการเจ็ทแลค (Jet lag) อาการเมาเวลา เวลาไปเที่ยวต่างประเทศที่เวลาต่างกันสุดขั้ว ทำอย่างไรให้อาการนี้หายไปให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ออกไปตะลอนเที่ยวได้อย่างสบายใจ มาดูกัน
          อาการเจ็ทแลค (Jet lag) เป็นอาหารเมาเวลา ที่นักท่องเที่ยวเดินทางโดยเครื่องบินทุกคนจะต้องประสบพบเจอเวลาเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งมีเวลาตรงข้ามกับบ้านเมืองตัวเอง เช่น ถ้าเราจะไปเที่ยวนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เวลาที่นั่นจะต่างจากบ้านเราประมาณ 11-12 ชั่วโมง ที่นู่นกลางคืนแต่บ้านเราสว่าง ตอนเริ่มเดินทางจากเมืองไทยอาจจะเป็นเวลาเช้า พอไปถึงที่นู่นดูเหมือนว่าจะต้องเป็นเวลากลางคืน ซึ่งร่างกายต้องได้นอนหลับพักผ่อน แต่ก็กลับกลายเป็นเวลาเช้าซะงั้น ร่างกายจึงเบลอ อ่อนเพลีย อยากนอน หรือวิงเวียนศีรษะ กลายเป็นอาการเจ็ทแลค ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อการเที่ยวเลยค่ะ เพราะมันจะทำให้เราเสียเวลาและหงุดหงิดไปราว ๆ 1-3 วัน เลยทีเดียว วันนี้เราจึงไปหาเคล็ดลับวิธีกำจัดอาการเจ็ทแลคโดยไวมาให้ค่ะ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน


เจ็ทแลค

1. เตรียมตัวก่อนเดินทาง

          ก่อนเดินทางควรศึกษาถึงเวลาของเมืองจุดหมายปลายทางไว้ก่อนเลยค่ะ ถ้าดูแล้วเวลาจะต้องตรงข้ามกับบ้านเราแน่ ๆ ให้ค่อย ๆ ปรับการใช้ชีวิตก่อนเดินทางสัก 1 วัน เปลี่ยนมานอนให้เร็วขึ้น เวลากินข้าวก็ค่อย ๆ ขยับ พอขึ้นเครื่องบินก็ปรับเวลาให้ตรงกับเวลาของเมืองจุดหมายปลายทางเลยค่ะ แล้วก็ปรับตัวตามด้วย เช่น ถ้าเวลาที่นู่นเป็นตอนกลางคืนก็ฝืนหลับให้ได้ หรือออกกำลังกายมาก่อนขึ้นเครื่องให้ร่างกายเพลียจะได้หลับสบาย ๆ ตั้งเวลาปลุกให้ตรงกับตอนเช้าที่นู่น พอเราไปถึงเมืองจุดหมายปลายทาง ก็จะชินกับเวลาได้ง่ายขึ้นและไม่มีอาการเจ็ทแลคมากนัก

2. งดเครื่องดื่มคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ ก่อนและขณะอยู่บนเครื่องบิน

          เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนจะทำให้ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลาก่อนขึ้นเครื่องบิน และขณะอยู่บนเครื่องบินจะต้องเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายปรับตัว ต้องมีการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพราะฉะนั้นไม่ควรมีสารอื่นใดมาทำให้ระบบการทำงานในร่างกายผิดเพี้ยน ส่วนแอลกอฮอล์เราก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าไม่ดีต่อสุขภาพแน่นอน มันจะรบกวนกับระบบการทำงานในร่างกายอย่างหนักหน่วงแน่ ๆ งดได้งดเลยค่ะ พอไปถึงจุดหมายปลายทางแล้วค่อยกินค่อยดื่มเนอะ ^^

3. ดื่มน้ำเยอะ ๆ

          เวลาที่เราเดินทางโดยเครื่องบินอากาศบนเครื่องบินจะแห้งมาก ๆ ทำให้ร่างกายต้องเกิดภาวะขาดน้ำ พอขาดน้ำปุ๊บร่างกายก็จะอ่อนเพลีย อยากที่จะพักผ่อนตลอดเวลา ทำให้การปรับตัวไปตามเวลานั้นทำได้ยากขึ้น เพราะฉะนั้นพอเข้าเกตไปแล้ว ให้เตรียมหาซื้อน้ำเปล่าไปดื่มบนเครื่องด้วยค่ะ น้ำเปล่าเท่านั้นนะคะ พวกกาแฟหรือชาที่มีคาเฟอีนงดไปก่อนเด้อ

4. ออกไปเดินเที่ยวอยู่ในที่กลางแจ้ง

เจ็ทแลค

          ถ้าไปถึงเมืองจุดหมายปลายทางตอนกลางวันให้รีบเอากระเป๋าเดินทางไปเก็บที่ที่พัก แล้วออกมาเดินเล่นและอยู่ในที่กลางแจ้งให้มากที่สุดค่ะ ถ้าใครง่วงอยากได้กาแฟมาช่วย ดื่มได้เลยค่ะ แต่ไม่ควรดื่มเกินประมาณ 4 โมงเย็นนะคะ เพราะเดี๋ยวจะไม่หลับตอนกลางคืนอีก วันนี้เที่ยวให้เหนื่อยเลยค่ะ กินข้าวให้ตรงมื้อของเวลาที่นั่น วันแรกมันจะทรมานหน่อย ๆ แต่เชื่อได้เลยว่า พอวันที่ 2 ปุ๊บทุกอย่างจะดีขึ้นทันตาเลยล่ะ

5. การอาบน้ำ

          การอาบน้ำจะทำให้ร่างกายตื่นตัวมากขึ้น ถ้าใครไปถึงเมืองจุดหมายปลายทางในตอนกลางวันแล้วรู้สึกว่ามันเพลีย ๆ จะกินกาแฟเลยก็กลัวจะยิ่งน็อก ให้ใช้วีธีอาบน้ำค่ะ สระผมไปด้วยเลย เอาให้สบายตัวสุด ๆ แล้วค่อยดื่มน้ำเปล่าตาม หรืออะไรหวาน ๆ ก็ได้ จะช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า สามารถออกไปเที่ยวข้างนอกได้อีกครึ่งค่อนวันเลยทีเดียว

          อย่างที่บอกว่าค่ะว่าอาการเจ็ทแลคเป็นอาการที่ทุกคนจะต้องเจอแน่ ๆ เวลาไปเที่ยวต่างประเทศที่มีเวลาต่างจากบ้านเราค่อนข้างมาก เตรียมตัวอะไรได้ก็ควรค่ะ ถ้าไม่อยากเสียเวลาบางคนอาจจะใช้วิธีที่มันฮาร์ดคอร์ เช่น การกินยานอนหลับ แต่เราไม่อยากแนะนำเท่าไร อยากให้ใช้วิธีที่ทำให้ร่างกายเพลียโดยธรรมชาติอย่างการออกกำลังกายหรือเดินเที่ยวให้เหนื่อยดีกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นวิธีที่เราแนะนำด้านบนนี้จะบรรเทาอาการเจ็ทแลคได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วยนะคะ แต่แอดมินลองแล้ว ช่วยได้ดีทีเดียวค่ะ :)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
travelinsurancereview.net, ricksteves.com, smartertravel.com