จากการสูญเสีย โอ-วรุฒ วรธรรม อดีตพระเอกชื่อดัง ที่เกิดอาการชักหมดสติหยุดหายใจ เหตุเกิดตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 9 ก.ย. ก่อนสิ้นใจสงบ วันที่ 11 ก.ย. หลังเข้าร.พ.ได้เพียง 2 วัน แพทย์ยื้อชีวิตไว้ไม่ได้ โดยตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดพระสิงห์เมืองเชียงใหม่ สวด 7 วัน จากนั้นเก็บไว้ 100 วันเพื่อเตรียมงานฌาปนกิจ
ด้าน คุณรักษิณา สกลธศักดิ์สิริ หรือ ก้อย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงแรกที่ตนเจอกับโอ เนื่องจากตนเป็นพยาบาลก็ได้เข้าไปดูแลเป็นกรณีพิเศษ เพราะเขาไม่ยอมคุยกับใครเลย ตนจึงได้ใช้หลักจิตวิทยาคุยกับคนไข้ จนเขาเกิดความไว้วางใจ จากนั้นก็ตามไปดูแลจนถึงที่บ้าน เลยก่อตัวเป็นความสนิทสนม หลังจากดูแลจนเขาเริ่มดีขึ้น ตนก็คิดถึงเรื่องการสร้างอาชีพ เนื่องจากตอนนั้นเขาไม่มีงานทำ ก็เลยช่วยกันเปิดร้านกาแฟ
ในส่วนของความรักของตนและโอที่มีให้กันนั้น เป็นแบบกัลยาณมิตรต่อกัน รักแบบเมตตา รักแบบเพื่อน แต่เป็นเพื่อนที่พิเศษ ซึ่งตนสนิทกับโอมาก และตนยังมองว่าความสัมพันธ์นี้ เป็นเรื่องของชะตา ที่ทำให้ต้องมาดูแลกันและกัน แต่เหตุให้ต้องห่างกัน เพราะตนทำงานราชการและย้ายสายงานไปทำงานนั่งประจำที่ออฟฟิศ ไม่ได้ลงตามชุมชนเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นโอก็เริ่มดีขึ้นแล้ว รวมถึงที่บ้านมีทั้งพ่อและแม่รวมถึงแม่บ้าน และแฟนคลับที่อยู่ดูแลทุกวัน แต่ตนกับโอก็ยังติดต่อกันอยู่
สำหรับเรื่องที่คุณพ่อแรม พ่อของโอ วรุฒ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตนยักยอกเงินจากร้านกาแฟ หรือที่อ้างว่าตนเคยพูดว่าจะพาเจ้าตัวไปส่งบ้านพักคนชรานั้น ตนอยากบอกว่าในมุมของคนที่เป็นพยาบาล จะไม่ทำร้ายคนไข้และคนในครอบครัวของคนไข้ในทุก ๆ กรณี และตนก็มั่นใจว่าตัวเองนั้นเป็นพยาบาลที่มีจรรยาบรรณ จะไม่ทำร้ายใคร ซึ่งคุณพ่อก็มีโรคประจำตัว ส่วนคุณแม่ก็ชราภาพ ซึ่งถ้าตนทำแบบนั้นอย่างที่คุณพ่อบอกจริง ๆ ก็คงไม่รู้ว่าจะเอาความเป็นคนไปไว้ที่ไหน ส่วนข่าวที่เกิดขึ้นไปแล้ว ตนก็คงไม่ทำอะไร
ทั้งนี้ คุณก้อย ยังเล่าต่อว่า รู้สึกเหมือนโอมาหาตน สัมผัสได้จากที่อยู่ ๆ ก็ขนลุก อาการนอนไม่หลับ และบางอย่างที่เกิดขึ้นโดยที่ตนไม่รู้ตัว ซึ่งตนคาดว่าที่เป็นแบบนี้เพราะจิตสุดท้ายของโอผูกติดอยู่ที่ตน เพราะ 3 วันก่อนที่เขาจะเสียชีวิต มีคนเห็นเขาไปนั่งรอตนที่ทำงาน
คุณก้อย พูดทั้งน้ำตาคลอ ว่าสิ่งที่ตนจะทำเพื่อไม่ให้จิตยังผูกติดอยู่กับตน ตนก็ได้ทำไปแล้ว คือเมื่อช่วงเช้าได้เข้าไปกราบศพโอที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เพื่อขอขมาและอโหสิกรรม ขอให้ทุกอย่างเป็นโมฆะ จะได้ไม่ติดค้าง และยังบอกอีกว่า "มาหาแล้วนะ ตามที่พี่อยากให้มา" ตนรู้สึกได้ว่าเขาเรียกร้องหา เขาอ้างว้าง เขาโดดเดี่ยว หากบอกโอได้ ตนอยากจะขอโทษที่วาระสุดท้ายของชีวิต ไม่รู้ว่าจิตผูกติดอยู่กับตน ขอให้โอไปดี ไปสู่ภพภูมิที่ดี และยังบอกอีกว่า โอเป็นคนที่ตนผูกพันมาก ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่สามีภรรยากัน
นอกจากนี้ คุณก้อย ยังบอกอีกว่าที่ยอมออกสื่อ ไม่ได้ต้องการจะเกาะกระแส แต่อยากจะนำเสนอมุมดี ๆ ของ โอ ให้สังคมได้รับรู้บ้าง เช่น การเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องการเลิกเหล้าให้กับชุมชนมากมาย ประโยคหนึ่งที่เขาชอบพูดคือ สิ่งที่ทำให้เลิกเหล้าได้คือจิตใจ ซึ่งการที่ตนออกมาบอกในมุมนี้ จะได้ลบภาพที่คนจดจำว่าโอ วรุฒ เป็นคนติดเหล้าออกไปได้
ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก Varut Woratham พบความเคลื่อนไหวเมื่อ 13 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ โอ วรุฒ เสียชีวิตไปแล้ว โดยมีการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นภาพ โอ และ ก้อย ก่อนจะมีแฟนคลับเข้าไปท้วงติงว่าอยากให้เฟซบุ๊กส่วนตัวของพระเอกผู้ล่วงลับคงสภาพไว้แบบเดิมเหมือนก่อนที่เจ้าของจะเสียชีวิต ไม่ต้องการให้ใครมาเปลี่ยนแปลง เฟซบุ๊กดังกล่าวจึงเปลี่ยนไปเป็นภาพเดี่ยวของโอในวันถัดมา