คอนโดไข่มดแดง…บังคับออกนอกฤดู มีเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย

ไข่มดแดง นับเป็นของป่าที่มูลค่า และหากินได้ยากมาก เนื่องจากจำนวนการออกผลผลิตมีได้เพียงปีละครั้ง ทำให้มีราคาและเป็นที่ต้องการของตลาด แต่คงไม่ใช่ในปัจจุบัน เพราะได้มีเกษตรกรจำนวนไม่น้อยที่หันมาเลี้ยงไข่มดแดงคอนโด และบังคับให้ออกไข่นอกฤดูกาล จนกลายเป็น 1 อาชีพที่เสริมรายได้ให้คนไทยจำนวนไม่น้อย


การทำคอนโดไข่มดแดงสามารถทำได้หลายวิธี แต่ที่นิยมทำกันคือการนำขวดพลาสติกมาเจาะรูด้านข้างหรือตัดขวดตามแนวขวางประมาณ 1/4 บริเวณส่วนหัวขวด แล้วจึงนำส่วนที่ตัดแล้วสอดกลับเข้าไปในตัวขวด โดยให้ปากขวดหงายขึ้น (ดังภาพ) บริเวณก้นขวดให้เจาะรูเพื่อทำเป็นที่แขวนผูกติดกับต้นไม้

จากนั้นก็ล่อให้มดแดงเข้ามาอยู่ในคอนโดนั้น โดยใช้เหยื่อจำพวกแมลงอบแห้ง (อบด้วยแสงแดด) เช่น จิ้งหรีด แมงเม่า แมงจินูน เป็นต้น ใส่ลงไปในรังเทียม หากเป็นแมลงตัวใหญ่ใช้ประมาณ 5-6 ตัว แต่หากเป็นแมลงตัวเล็กจะต้องใส่จำนวนมากหน่อยประมาณ 15-20 ตัว

ด้านคุณไพรัตน์ ชื่นศรี ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านแสงจันทร์ หมู่ที่ 7 ตำบลสนามชัย อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาเปิดเผยถึงเทคนิคการเลี้ยงมดแดงให้ออกไข่นอกฤดู ว่า

หากฝนไม่ตกให้ทำการฉีดน้ำใส่ใบหรือฉีดใส่ต้นไม้ในช่วงเย็นๆ เดือนละ 1-2 ครั้ง ในช่วงฤดูหนาวและร้อน มดแดงก็จะเพิ่มจำนวนได้มากขึ้น หรือให้ติดสปริงเกอร์ ตลอดแนวราวเลี้ยงมดแดง เพื่อฉีดน้ำในช่วงที่ฝนไม่ตกหรือฤดูร้อนเพื่อหลอกว่าเป็นช่วงฤดูฝน โดยที่ในช่วงเดือนมีนาคม เริ่มให้น้ำโดยการใช้น้ำฉีดจากสายยางหรือสปริงเกอร์ที่ติดตั้งไว้จากนั้นให้อาหารตามปกติ ประมาณอีก 1 เดือน เริ่มมีไข่สามารถเก็บจำหน่ายได้ วิธีการสังเกตว่ามดแดงรังไหนสามารถเก็บได้คือ ให้ดูจากรังว่าใหญ่หรือไม่ หรืออีกวิธีหนึ่งคือ ให้สังเกตว่าที่รังมดแดงเป็นฝ้าหรือไม่ ถ้าเป็นฝ้าสีขาวขึ้นตามขอบรังแสดงว่าเก็บมดแดงได้แล้ว

สำหรับขั้นตอนวิธีการทำ สามารถทำได้โดยง่าย ดังนี้

1. สังเกตดูบริเวณป่าที่จะเลี้ยงมดแดงจะต้องมีต้นไม้อย่างน้อย 5-10 ต้น เป็นไม้ผล หรือไม้พื้นเมืองก็ได้ มดแดงจะชอบอยู่ อาศัยพื้นที่ป่า และพื้นที่ที่มีต้นไม้ใบอ่อน
2. ตัดขวดน้ำพลาสติก โดยแบ่งครึ่ง 2 ส่วน ล้างน้ำให้สะอาด นำมาเจาะรู 2 รู เพื่อทำการผูกลวดใส่กับต้นไม้
3. ส่วนที่มีฝาขวดใช้ใส่อาหารเพราะถ้ามีน้ำขังสามารถเปิดฝาให้น้ำระบายออกได้
4. ส่วนที่เป็นก้นขวดให้ใส่น้ำ และนำกิ่งไม้ใช้เชือกผูกกับต้นไม้เป็นทางลงโดยหย่อนพาดลงในขวดที่ตัดใส่น้ำและอาหาร
5. ขึงเชือกโดยผูกติดกับต้นไม้และผูกโยงเชือกระหว่างต้นไม้เป็นถนนเส้น ทางเดินไปมาของมดระหว่างต้นไม้
6. การเลี้ยงหลังจากจัดเตรียมเส้นทางและเลือกต้นไม้ไว้แล้ว ให้ไปหารังมดแดง นอกพื้นที่ไกล ๆ ยิ่งดี เพื่อไม่ให้เกิดเลือดชิดเพราะถ้าเลือดชิดจะทำให้การเกิดไข่น้อย
7. หลังจากที่เลือกรังมดแดงได้แล้ว ให้ทำการตัดรังมดแดงใส่ในถุงปุ๋ยรังละถุง
8. นำรังมดแดงที่ตัดมาได้เอาปล่อยในตอนเย็น โดยมัดถุงปุ๋ยที่ใส่มดแดงไว้กับต้นไม้ ตอนเช้าค่อยให้น้ำและอาหารที่เตรียมไว้ในขวดน้ำอัดลมที่มัดติดต้นไม้ มดแดงก็จะไต่ออกมาและสร้างรังใหม่เอง


หากเรามีต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้ในสวนเราก็สามารถที่จะเลี้ยงมดแดงเอาไว้กินไข่ได้ตลอดทั้งปี โดยไม่ต้องรอฤดูกาลอย่างเดียว โดยมีวิธีการเลี้ยงดังนี้

วัสดุอุปกรณ์

1. ขวดน้ำดื่มพลาสติกที่เหลือใช้แล้ว จำนวน 2 ขวด
2. เศษอาหารที่ไม่บูดเน่าอาทิ ก้างปลา กระดูก ข้าวสุก
3. น้ำสะอาด
4. เชือก
5. ต้นไม้

วิธีการดำเนินการ


1. นำขวดน้ำดื่มพลาสติกตัดส่วนบนให้เหลือเพียงส่วนก้นขวด ทั้ง 2 ขวด
2. หลังจากนั้นนำขวดน้ำตัดเหลือแต่ก้นขวด ตอกตะปู หรือใช้เชือกฟางมัดติดกับต้นไม้โดยใช้ความสูงประมาณ 3 เมตรจากพื้นดินหรือขึ้นอยู่กับความสูงของต้นไม้
3.นำเศษอาหาร เช่น เศษข้าวเศษกับข้าวที่เหลือแล้วแต่ต้องไม่บูด ใส่ลงไปในขวดพลาสติกที่ทำการตัดเรียบร้อยแล้ว 1 ขวด และอีก1 ขวดก็ให้ใส่น้ำสะอาดลงไปให้เต็ม

4.นำขวดพลาสติกทั้ง 2 ขวด นำไปติดไว้กับต้นไม้โดยเอาขวดใส่น้ำติดไว้ชั้นล่างนำขวดใส่เศษอาหารไว้ด้านบน
5. การเลี้ยงไข่มดแดงจะใช้เวลาในการทำรังประมาณ 20-25 วัน ในการดูแลต้องดูแลในเรื่องอาหารและน้ำดื่ม อย่าใส่อาหารที่บูดเน่าจะต้องคอยเติมน้ำและอาหารอยู่เป็นประจำ
มดแดงจัดเป็นแมลงเศรษฐกิจที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากตลาดมีความต้องการไข่มดแดงมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีราคาค่อนข้างสูง วิธีการเลี้ยงมดแดงดูเหมือนไม่ยุ่งยากเพียงแต่คอยให้อาหารและน้ำก็พอแล้ว แต่ในสภาพความเป็นจริงยังมีขั้นตอนต่าง ๆ อีกหลายประการที่ผู้เลี้ยงมดแดงจะต้องทำความเข้าใจ จึงจะทำให้การเลี้ยงประสบความสำเร็จได้


วิธีการเลี้ยงมดแดงให้ได้ผลผลิตดี มีขั้นตอนนี้


– กำจัดปลวกและมดดำบริเวณต้นไม้ที่จะลี้ยงมดแดงให้หมดก่อนเลี้ยง โดยใช้สารที่สกัดจากสะเดา และทิ้งไว้ระยะหนึ่ง มดดำที่มีอยู่จะหนีหมด จากนั้นจึงปล่อยให้มดแดงทำรัง
– นำขวดน้ำพลาสติกตัดครึ่งขวดตอกด้วยตะปูติดไว้กับต้นมะม่วง 2 ชุด โดยชุดแรกสำหรับให้อาหารและชุดที่ 2 ใส่น้ำเพียงครึ่งหนึ่งสำหรับให้มดแดงกิน ให้สูงจากพื้นดินประมาณ 1.50 เมตร เพื่อป้องกันสัตว์ชนิดอื่นไปกิน
– ให้อาหาร เช่น เศษเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ปลา โครงไก่ แมลงทุกชนิด หอยเชอรี่ หรือหอยชนิดต่าง ๆ
– ในฤดูฝนมดแดงไม่ชอบเดินทางออกจากต้นไม้ที่มันสร้างรังอยู่ เนื่องจากพื้นดินเปียกแฉะ ในฤดูฝนนี้มดแดงจึงหาอาหารได้ไม่เพียงพอ แต่ถ้าหากเราจัดหาที่ให้น้ำและอาหารไว้บริเวณที่มดแดงอาศัยอยู่แล้ว จะทำให้มดแดงไข่อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งในการเลี้ยงมดแดง
– ต้นไม้ที่มดแดงชอบสร้างรัง เช่น ต้นมะม่วง ต้นสะเดา ต้นไทร ต้นโพธิ์ และต้นขี้เหล็ก เป็นต้น ควรเลือกต้นมะม่วงจะเหมาะที่สุด เพราะใบใหญ่และใบเหลืองช้า ถ้าหากเลือกต้นไม้ที่ผลัดใบง่าย เมื่อใบเหลืองมดแดงจะทิ้งรังทันที
– ทำสะพานให้มดเดินในกรณีที่ต้นไม้ที่เลี้ยงมีหลายกิ่ง หรือเลี้ยงมดแดงไว้หลายต้น โดยใช้เชือกมัดโยงจากกิ่งหนึ่งไปยังอีกกิ่งหนึ่งและจากอีกต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง ถ้าต้นไม้ที่เลี้ยงยังไม่มีมดแดงก็ให้หามดแดงมาปล่อย
– มดแดงเป็นสัตว์สังคม ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ช่วยกันสร้างรังเลี้ยงดูตัวอ่อนให้เติบโตเป็นสมาชิกใหม่ การใช้เชือกผูกไว้ที่ต้นมะม่วงทุกต้นเพื่อที่จะให้มดแดงไปมาหาสู่ได้สะดวกและเป็นการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายเดียวกันในแต่ละต้นจะมีมดแดงทำรังอย่างน้อย 10-15 รังโดยแต่ละรังจะมีขนาดใหญ่ถึง 1 ฟุตและสามารถผลิตไข่ได้ถึง 4-5 ขีดในช่วงเดือนมีนาคม-เดือนเมษายนของทุกปี
ประโยชน์ของการเลี้ยงมดแดง
– มดแดง เป็นแมลงชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในประเภทแมลงที่เป็นประโยชน์ทาง ช่วยป้องกันและกำจัดหนอนศัตรูพืชและแมลงที่เป็นศัตรูพืชต่าง ๆ เช่น เพลี้ยต่าง ๆ หนอน ตั๊กแตน จักจั่นสีเขียว
– มดแดงมีความสามารถที่จะกำจัดและควบคุมศัตรูพืชให้อยู่ในระดับสมดุลทางธรรมชาติ ทำให้ลดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชลงได้ ช่วยให้ลดอันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อตัวเกษตรกรและสภาพแวดล้อม
– มดแดงใช้เป็นอาหารได้จากไข่และตัวมดแดง โดยทั่วไป มดแดงมีกรดมดให้รสเปรี้ยว ใช้แทนมะนาว หรือน้ำสมสายชูได้
– ใช้สูดดมแก้เป็นลม แก้หวัด หน้ามืด ตาลาย วิงเวียนศีรษะ ใช้ลบรอยไฝ โดยใช้ตัวมดแดงกัดตรงไฝให้มดแดงเยี่ยวใส่ ไฝจะบวมและเปื่อยละลายหลุดไปด้วยฤทธิ์ของกรดมดแดง


ชมคลิป