ขาสั่นพับๆ!! จู่ๆ ตำรวจบุกบ้าน เจ๊แสง ขายพริกน้ำปลาแต่รวย 100 ล้าน เข้าไปเจอเต็มๆตา ชาวบ้านร้องเพียบงานนี้ไม่รอดแน่ๆ!!

โดยวันนี้ (28 มี.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าประจำจ.อุดรธานี รายงานว่า นายศักดิ์ชัย นวลสุวรรณ รองอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วย นายรักษ์ชัย เลิศสุบิน นายอำเภอหนองหาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่สารวัตรทหารจาก มทบ.24 ตร.สภ.หนองหานและเจ้าหน้าที่สรรพากร นำกำลังเข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 115 หมู่ 2 ต.หนองหาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านของนางแสงมณี มณีสิริคุณธรรม อายุ 58 ปี เจ้าแม่เงินกู้ดอกเบี้ยโหด

โดยชาวบ้านได้ร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมและสื่อมวลชนว่าที่ดินของชาวบ้านหลายรายถูกเจ๊แสงไปทำนิตกรรมขายฝากแล้วยักยอกเอาที่ดินไปเวลาจะไปไถ่ที่ดินคืนแต่ราคาไถ่สูงเกือบเท่าตัว โดยการตรวจค้นบ้านของเจ๊แสงครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ใช้ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ที่ 13/2559 เรื่องการป้องกันและปรามปรามการกระทำผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยและบ่อนทำลายเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งตอนแรกเจ้าหน้าที่พบเพียงพี่สาวของนางแสงมณีไม่พบเจ๊แสง

ต่อมาพี่สางนางแสงมณีได้ต่อสายโทรศัพท์ให้นางแสงมณีมาพบที่บ้านและเมื่อนางแสงมณีมาถึงก็มีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัดปากมือไม้สั่น โดยเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นและขอให้นางแสงมณีพาเข้าไปดูเอกสารการทำสัญญาขายฝากที่ดินภายในบ้าน แต่นางแสงมณีได้ปฏิเสธกับรองอัยการและนายอำเภอว่า เอกสารไม่มีอยู่ในบ้านแล้ว เดี๋ยวจะเอาไปให้วันหลัง เจ้าหน้าที่ได้พูดคุยสักระยะหนึ่งนางแสงมณีก็พาเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ พบว่าภายในบ้านเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดเอกสารที่ดินที่คาดว่าเป็นของชาวบ้านที่นำมาขายฝากกับนางแสงมณีบางส่วน และสัญญาขายฝาก จึงได้นำมาตรวจสอบที่ที่ว่าการอำเภอหนองหาน

โดยการตรวจค้นครั้งนี้เจ๊แสง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ฉันบริสุทธิ์ใจ ชาวบ้านนำที่ดินมาจำไว้กับฉัน ฉันก็ทำเรื่องขายฝากให้และตกลงกันมีเมื่อไรก็มาจ่ายให้ หรือบางรายจ่ายเป็นเดือน ส่วนที่ดิฉันยึดที่ไว้เพราะเขาไม่มาไถ่คืนเป็นเวลาหลายปี ฉันทำถูกต้องตามกฎหมายก็มีสิทธิ์ยึดได้ โดยนางแสงบอกอีกว่า ฉันไม่ได้ติดป้ายให้คนนำที่ดินมาจำแต่ชาวบ้านมาหาเอง โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 3 เท่านั้น
เจ๊แสง กล่าวอีกว่า ตนมีอาชีพตระเวนขายพริกน้ำปลาให้กับร้านอาหารและปล่อยกู้เงินโดยเป็นเงินที่ได้มาจากญาติพี่น้องและมรดกตกทอดจากพ่อแม่ที่เป็นเชื้อสายชาวเวียดนามส่งต่อมาให้ ขายที่ได้บ้างก็นำมาปล่อยกู้ก็เท่านั้น ส่วนที่ดินที่ชาวบ้านนำมาทำสัญญาขายฝากนั้นจะคืนให้ชาวบ้านก็ต่อเมื่อนำเงินมาไถ่คืนตามมูลค่าของที่ดิน ณ เวลาปัจจุบันนี้เท่านั้น เจ๊แสงกล่าวเด็ดขาด

ขณะที่ชาวบ้านกว่า 10 รายที่เดินทางมาดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ในวันนี้บอกว่าเจ๊แสงปล่อยกู้ลักษณะแบบนี้ทำมานานแล้วคือนำเอกสารไปขายฝากแล้วยึดโฉนดที่ดินชาวบ้านไปเกือบ 100 รายมูลค่าที่ดินไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยชาวบ้านที่เดือดร้อนเงินจะ นำเอกสารเช่นโฉนดที่ดินมาจำไว้กับเจ๊แสง โดยไปที่สำนักงานที่ดินสาขาหนองหาน เวลาเข้าไปทำเรื่อง ชาวบ้านทุกๆ รายจะไม่ได้เข้าไปในสำนักงานที่ดินเลย โดยมีเจ๊แสงเข้าไปคนเดียว พอทำเสร็จเอกสารที่ทำเจ๊แสงก็ไม่ให้ดูและตกลงกันว่าจะมาไถ่คืน หรือตกลงกันว่าคิดดอกเบี้ยร้อยละ 5 แล้วจ่ายเป็นเดือน แต่พอเวลาไถ่ปรากฎว่าที่ดินจากที่กู้เงินมาเวลาไปไถ่คืนกลับมีมูลค่าสูงถึงเท่าตัว

อย่างนางนิลรัตน์ วัจนสุนทร อายุ 67 ปี อดีตข้าราชการครูบำนาญ บอกว่า มีที่ดิน 13 ไร่หน้าสำนักงานภูมิภาคสาขาหนองหานนำไปจำไว้กับเจ๊แสงกู้เงินมา 200,000 บาทเจ๊แสงคิดดอกร้อยละ 5 บาทต่อเดือนตนเองส่งทุกเดือนแต่พอจะไปไถ่ปรากฏว่าเจ๊แสงบอกว่าราคาไถ่คืนจำนวนถึง 500,000 บาททำให้ครอบครัวตนเองเดือดร้อนอย่างมาก ที่ดิน 13 ไร่ที่รุ่นปู่รุ่นย่าให้มาต้องตกไปเป็นของคนอื่นอย่างไม่มีเหตุผล แบบนี้เรียกว่าเจ๊แสงทำนิตกรรมอำพรางหวังที่ดินจากชาวบ้านที่เดือดร้อน แทบทุกคนที่นำที่ดินไปกู้เงินจากเจ๊แสงไม่มีใครที่ได้ที่ดินคืนเลยแม้แต่คนเดียว

คุณยายจำปี บุญสิทธิ์ อายุ 63 ปีชาวบ้านหนองสระหนาย ต.หนองไผ่ บอกว่ามีที่ดิน 38 ตารางวานำมาจำไว้กับเจ๊แสงจำนวน 30000 บาทหวังจะเอาเงินไปซื้อรถสามเครื่องขายข้าวโพด ตั้งแต่ปี 54 พอมาปี 57 นำเงินไปไถ่คืนแต่เจ๊แสงบอกว่าต้องนำเงิน 170,000 บาทมาไถ่คืนถึงจะได้ทำให้ตนตกใจมากหลังจากนั้นก็ยังไม่คุยกับเจ๊แสงอีกเลยเพราะไม่มีเงินไปไถ่คืน มาวันนี้ก็มากับชาวบ้านอีกหลายรายที่เจอแบบนี้คล้ายๆ เจ๊แสงนำที่ดินไปทำขายฝากแล้วยึดเอาที่ของชาวบ้านไปหน้าตาเฉย



ขณะที่นายศักดิ์ชัย นวลสุวรรณ รองอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า เรื่องนี้เกิดจากทางสำนักงานอัยการจ.อุดรธานีได้รับการร้องเรียนเรื่องหนี้ที่มีประชาชนร้องเรียนไปยังสำนักงานอัยการ ทางเราได้เชิญคุณแสงมณีเพื่อไปไกล่เกลี่ยแล้วแต่ก็ไม่มาสักที วันนี้ก็ได้ใช้คำสั่งคสช.ที่ 13/2559 รวมกับเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายในการเข้าตรวจค้นที่บ้านของนางแสงมณี พบเอกสารจำนวนหนึ่งตอนนี้ทางสรรพากรกำลังตรวจสอบ มีความผิดเรียกรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามที่กฎหมายกำหนด โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 60 ต่อปีเกินกว่ากฎหมายกฎหมายร้อยละ 15 ต่อไป

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สรรพากจะตรวจสอบเส้นทางการเงินของนางแสงมณีและให้พนักงานสอบสวน สภ.หนองหาน ดำเนินคดีอาญากับนางแสงมณีคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เกินที่กฎหมายกำหนด ส่วนชาวบ้านจะได้ที่ดินคืนไหมนั้นก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่และอีกอย่างต้องเป็นเรื่องที่เจ้าหนี้และลูกหนี้ต้องไปตกลงกันอีกครั้งหนึ่ง

cr: siamvariety