เปิดภาพ กลุ่มนักศึกษาสาวในตรีมฟุตบอล แต่ละคนสวยไม่ธรรมดา ต้อนรับงานบอลโลกประจำปี 2018

รับชมภาพถ่ายก่อนจบการศึกษาของกลุ่มนักศึกษาสาวจากเมืองเยียนไถ มณฑลซานตงที่มาในตีมฟุตบอล ต้อนรับงานบอลโลกประจำปี 2018 ที่เพิ่งมีพิธีเปิดไปเมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) ที่สนามลุซนิกิ สเตเดี้ยม ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย สำหรับ ฟุตบอลโลก 2018 FIFA World Cup รัสเซียเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลโลก ที่จะจัดขึ้นในปี ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561)

โดยประเทศรัสเซียเป็นเจ้าภาพ นับเป็น การจัดครั้งแรกของรัสเซียและยุโรปตะวันออก และเป็นครั้งแรกที่ประเทศเจ้าภาพคาบเกี่ยวระหว่างสองทวีป คือ ยุโรปกับเอเชีย โดยการประกาศประเทศเจ้าภาพอย่างเป็นทางการมีขึ้นในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ณ นครซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมกับการประกาศประเทศเจ้าภาพ ปี 2022

คณะกรรมการจัดการแข่งขันของรัสเซียได้เตรียมการในการสร้างสนามฟุตบอลใหม่ถึง 9 แห่ง รวมกับสนามที่มีอยู่เดิม 7 แห่ง โดยมีสนามลุจนีกีเป็นสนามที่มีความจุมากที่สุด คือ 89,318 ที่นั่ง นอกจากนี้ สนามกีฬาโอลิมปิกโซชีที่สร้างเพื่อใช้ในพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูหนาว 2014 จะเป็นหนึ่งในสนามแข่งขันในฟุตบอลโลกครั้งนี้ด้วย แต่ละทีมต้องส่งรายชื่อผู้เล่นเบื้องต้นในรอบแรก 30 คน

จากนั้นส่งรายชื่อ 23 คนสุดท้ายจากรายชื่อผู้เล่นเบื้องต้น (ต้องมีผู้รักษาประตู 3 คน) ในการแข่งขันฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2017 ระหว่างวันที่ 17 มิถุนายน จนถึง 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 เป็นการเล่นประเดิมก่อนฟุตบอลโลก 2018 ทีมจะต้องส่งรายชื่อผู้เล่น 23 คน (โดยต้องมีผู้เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู 3 คน) หากมีผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บหรือเหตุผลอื่นที่ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมแข่งขันได้

สามารถที่จะเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนที่จะแข่งขันนัดแรก ซึ่งไม่จำเป็นต้องอยู่ในรายชื่อผู้เล่นเบื้องต้น สำหรับผู้เล่นเบื้องต้น 30 คน จะต้องมีเวลาเหลืออยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 21 และ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 ยกเว้นผู้เล่นที่เกี่ยวข้องในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2017 ที่จะเล่นในวันที่ 26 พฤษภาคม

ฟุตบอลโลก 2018 สถิติที่น่าสนใจในอดีตและปัจจุบัน 
ชาติไหนคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมากที่สุด ? บราซิลนำมาเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยสถิติเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกมาแล้ว 5 สมัย โดยชัยชนะครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2002 แต่ในปี 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน กลับตกรอบรองชนะเลิศอย่างไปน่าอับอาย ในนัดที่พ่ายให้กับเยอรมนีไป 7 ประตู ต่อ 1

ใครทำประตูได้มากที่สุด? มิโรสลาฟ โคลเซ่ ดาวยิงจากเยอรมนีครองอันดับ 1 ด้วยสถิติ 16 ประตูจากการเข้าร่วมเวิลด์คัพ 4 ครั้ง เขาแขวนสตั๊ดมาตั้งแต่ปี 2016 แต่จะเดินทางไปยังรัสเซีย เจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลกปีนี้ ในฐานะเจ้าหน้าที่ของทีมชาติเยอรมนี โรนัลโด ของบราซิล ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยสถิติ 15 ประตู ในจำนวนนี้ 8 ประตูเกิดขึ้นในปีที่บราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2002

นักเตะปัจจุบันใครทำประตูได้มากที่สุด? ในบรรดานักเตะที่เคยทำประตูในฟุตบอลโลกได้ตั้งแต่ 10 ลูกขึ้นไป มีเพียงโทมัส มูลเลอร์ ของเยอรมนี เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จะเดินทางไปร่วมการแข่งขันที่รัสเซียครั้งนี้ หากมูลเลอร์ต้องการครองสถิติเป็นที่หนึ่งร่วมกับเพื่อนร่วมชาติ อย่าง โคลเซ่ มูลเลอร์จะต้องยิงให้ได้มากกว่า 5 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้

ส่วน ฮาเมส โรดริเกซ กองหน้าโคลอมเบีย เจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำเมื่อครั้งที่แล้ว หากครั้งนี้เขายังทำผลงานได้ดีเหมือนเดิม ก็จะทำให้เขาขึ้นไปอยู่ในกลุ่มผู้ทำประตูสูงสุด  นอกจากนี้ ราฟาเอล มาร์เกซ ซึ่งเป็นกองหลังเพียงคนเดียวในกลุ่มบรรดานักเตะทำประตูสูงสุด จะร่วมลงเตะฟุตบอลโลกในนามทีมชาติเม็กซิโกเป็นครั้งที่ 5 ในปีนี้ เขามีสถิติทำประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้เท่ากับ คริสเตียโน โรนัลโด

แต่ละทีมยิงประตูกันน้อยลง การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดมีสถิติการยิงประตูต่อการเตะหนึ่งนัดที่ต่ำอย่างมาก อย่างน้อยก็ต่ำที่สุดเมื่อนับย้อนกลับไปถึงปี 1966 ซึ่งเป็นปีแรกที่บริษัทอ็อปตา (Opta) ผู้เชี่ยวชาญด้านสถิติฟุตบอลเริ่มจัดเก็บข้อมูล แต่ถึงอย่างนั้น การทำประตูเฉลี่ย 2.7 ประตูต่อการเตะหนึ่งนัดในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ก็ถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่การแข่งขันที่สเปนในปี 1982

นอกจากนี้ ดูเหมือนสถิติการยิงจากระยะไกลก็มีจำนวนลดลงด้วย โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การเปรียบเทียบการยิงประตูในนัดชิงชนะเลิศครั้งที่แล้ว กับการยิงประตูในนัดชิงปี 1966 ที่อังกฤษคว้าแชมป์ไปได้ ตามข้อมูลของอ็อปตา  ในรอบชิงชนะเลิศปี 1966 มีการยิงประตูจากนอกกรอบเขตโทษเป็น 2 เท่าของจำนวนที่ยิงจากด้านในกรอบ ส่วนในรอบชิงชนะเลิศปี 2014 มีการยิงประตูทั้งหมดราว 20 ครั้ง และส่วนใหญ่เป็นการยิงในบริเวณกรอบเขตโทษ

แม้อังกฤษมีผลงานไม่ดี แต่นักเตะพรีเมียร์ลีกยังได้ไปบอลโลกมากที่สุด นับตั้งแต่คว้าชัยในปี 1966 อังกฤษเคยผ่านเข้าไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ประเทศต่าง ๆ เลิกเรียกตัวนักเตะจากพรีเมียร์ลีกของอังกฤษเข้าร่วมทีมชาติ แม้ว่านักเตะหลายคนอย่าง เลรอย ซาเน, มาร์กอส อลอนโซ และ เดวิด ลูอิซ จะไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้

แต่นักเตะจากพรีเมียร์ลีกก็ยังเข้าร่วมการแข่งขันมากกว่านักเตะจากทุกลีก เมื่อดูจากประกาศรายชื่อนักเตะของทุกชาติ ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งนี้จะมีผู้เล่นถึง 130 คนที่เล่นให้กับสโมสรใน 3 ลีกชั้นนำของอังกฤษ ขณะที่มีเพียง 81 คนที่เล่นในลีกของสเปน และ 67 คน ที่เล่นให้กับลีกของเยอรมนี มีเพียงอุรุกวัย, ปานามา, ซาอุดีอาระเบีย และรัสเซีย เท่านั้น

ที่ไม่มีนักเตะจากลีกของอังกฤษแม้แต่คนเดียว อังกฤษยังเป็นเพียงประเทศเดียวที่นักเตะทั้ง 23 คนมาจากลีกภายในประเทศ กลับกันสวีเดนและเซเนกัลเป็นเพียง 2 ชาติที่ไม่มีนักเตะร่วมทีมที่มาจากลีกในประเทศเลย  ทีมชาติเจ้าภาพทำผลงานได้ดีแค่ไหน? ไม่มีใครในบราซิลลืมการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 ครั้งของบราซิล นั่นคือในปี 1950

ที่บราซิลเสียตำแหน่งแชมป์ให้อุรุกวัย ในรอบชิงชนะเลิศ และในปี 2014 ที่แพ้เยอรมนีไป 7 ประตูต่อ 1 ในรอบ 4 ทีมสุดท้าย ทั้งสองครั้งถือเป็นเรื่องอับอายขายหน้าของชาติ แต่ประเทศอื่นที่เป็นเจ้าภาพส่วนใหญ่มีผลงานดีกว่า เมื่อได้แรงเชียร์จากในประเทศ เจ้าภาพปีนี้อย่าง รัสเซีย ที่อยู่ร่วมกลุ่มกับ อุรุกวัย, อียิปต์ และซาอุดีอาระเบีย ก็หวังเช่นนั้น และหากพวกเขาผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปได้

แอฟริกาใต้ก็จะเป็นชาติเจ้าภาพชาติเดียวที่ตกรอบแรกเวิลด์คัพต่อไป การดวลจุดโทษ มีนักเตะเยอรมนีเพียงคนเดียวที่เคยยิงจุดโทษพลาด และเยอรมนีสามารถเอาชนะการดวลจุดโทษทั้ง 4 ครั้งของพวกเขาในฟุตบอลโลก โดยทำประตูจากการดวลจุดโทษได้ 15 ประตูติดต่อกันนับตั้งแต่สถิติปี 1982

ส่วนทีมชาติอังกฤษเป็นทีมที่มีผลการดวลจุดโทษแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยจากการดวลจุดโทษ 3 ครั้ง แพ้รวดทั้ง 3 ครั้ง อิตาลี ก็เคยพ่ายแพ้อย่างเจ็บปวดจากการดวลจุดโทษมาแล้ว 3 ครั้ง รวมถึงในนัดชิงชนะเลิศเวิลด์คัพปี 1994 เมื่อโรแบร์โต บาจโจ ยิงลูกบอลข้ามคาน แต่ชัยชนะเหนือฝรั่งเศสในปี 2006 ก็น่าจะพอชดเชยความรู้สึกเจ็บปวดของอิตาลีได้บ้าง