ผุด! อีกแล้ว ‘ร่างทรงพระพุทธเจ้า’ บุคคลในภาพลั่น ตนคือพระมหาโพธิสัตว์

ผุด! อีกแล้ว ‘ร่างทรงพระพุทธเจ้า’ บุคคลในภาพลั่น ตนคือพระมหาโพธิสัตว์

บุคคลในภาพอ้างว่า ตนคือ สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ที่ 5 ที่อุบัติขึ้นเป็นพระศรีอริยะเมตไตรย
ในพระราชอาณาจักรไทย และเป็นพระตถาคตองค์สุดท้ายแห่งภัทรกัลป์นี้ โดยกล่าวว่า ตนคือพระมหาโพธิสัตว์ ที่ได้บำเพ็ญบารมีครบ 80 อสงไขยแสนมหากัลป์และได้ตรัสรู้เป็น พระศรีอาริยะเมตไตรยพุทธเจ้า

ทั้งนี้ยังอ้างว่า ตนได้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด และที่ตนอุบัติขึ้นมา ก็เพื่อที่จะต้องการโปรดสัตว์โลก และต้องการชี้ทางบรรเทาทุกข์ให้กับสัตว์มนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ให้หลุดพ้นจากวัฏสงสาร โดยมีชาวเน็ตเล่าว่ามี ค่าขันครู3,000บาท และสามารถดูดวง แก้กรรม ผูกดวงชะตาได้โดยไม่พระผิดวินัย ไม่ถือเป็นการอวดอุตริมนุษธรรม ส่างหม่อง เครดิตภาพและเนื้อข่าวส่วนหนึ่งจาก Sky Thai News

อะไรคือ ต้นเหตุที่ทำให้เกิด ร่างทรง ในประเทศไทย และแน่นอนร่างทรง เหล่านั้น มีความน่าเชื่อถือได้มากน้อยขนาดไหน ของจริงหรือของปลอม? พาไปพบกับบุคคลที่น่าจะเป็นคนเดียวในประเทศไทย ที่ใช้ความเพียรพยายามค้นหาคำตอบเหล่านั้น ผ่านงานวิจัยทางวิชาการ ของตนเอง ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2541-2542 กับคำตอบทั้งหมด ผ่านความพยายามค้นคว้าในงานวิจัย “กระบวนการเข้าสู่ร่างทรง” ที่เกิดจากการศึกษา ร่างทรง มากถึง 38 กรณีศึกษา

10 ร่างทรง ที่ฮอตฮิตที่สุดในประเทศไทยในตอนนี้

1. ร่างทรงพระพิฆเนศ
จริงๆ แล้วร่างทรงพระพิฆเนศนั้นมีมากมายอยู่เต็มไปหมด แต่หากจะนับว่าใครที่ดังสุดๆ ในตอนนี้คงหนีไม่พ้น บอย คลอง1 ชายหนุ่มร่างท้วม (มาก) ที่มีน้ำหนักกว่า 136 กิโลกรัม และท่าไม้ตายในการเหยียบหนูไฟเบอร์ (เสริมเหล็ก) ที่พี่บอยท้าว่า ไม่มีใครสามารถเหยียบได้แน่นอน

2. ร่างทรงแม่พันธุรัตน์
สุดยอดแห่งการรวมร่างระหว่าง เอส เปิดกรรม บุรุษ (มั้ง) ผู้มองเห็นอดีตชาติของบรรดามนุษย์ขี้เหม็นทั้งหลาย และแม่พันธุรัตน์ ยักษ์ที่มีอายุกว่า 2,500 ปีที่แล้ว ที่แปลงร่างเป็นภูเขามากั้นน้ำไม่ให้ท่วมประเทศไทย หลังจากรวมร่างคราใด อภินิหารจะคูณ 2 ทันที ความเจ็บปวดจะหายไป สามารถใช้เหล็กแหลมแทงปากได้โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดได้อีกด้วย

3. ร่างทรงพระแม่กาลี
ร่างทรงที่ประทับกุมารตั้งแต่ ป.5 เนาะ ให้โชคให้ลาภชาวบ้านจนร่ำรวยไปหลายคนเนาะ ต่อมาพระแม่กาลีมาเข้าฝันว่าจะมาอยู่ด้วยเนาะ หลังจากนั้นท่านได้ทรงเพื่อให้เจ้าแม่ช่วยเหลือผู้คนเนาะ ทุกวันนี้อยู่ได้เพราะเทวดาล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับเงินที่มาถวายแต่อย่างใด

4. ร่างทรงเจ้าแม่ผีเสื้อสมุทร
อย่าคิดว่า ขนาดผีเสื้อสมุทรในวรรณคดีเองยังเอาตัวไม่รอด เพราะว่าในโลกจริงนั้น เจ้าแม่ผีเสื้อสมุทรพกอิทธิฤทธิ์ออกมาเพียบ แต่หลายๆ คนสงสัยว่า ทำไมเจ้าแม่ผีเสื้อสมุทรไม่ทรงแปลงกายให้แจ่มๆ เหมือนในวรรณคดี

5. ร่างทรงจตุคามรามเทพ สุดไฮเทค
ป็นประเด็นที่ฮือฮาในสังคมออนไลน์ สำหรับกรณีของสาวร่างทรงจตุคามรามเทพ สุดไฮเทค ไลฟ์สดขณะร่างทรงประทับร่าง จนกลายเป็นที่รู้จักของบรรดาชาวโซเชียล ขณะที่หลายรายก็อยากรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ

เฟซบุ๊กชื่อ แสงสุริยเทพ พระมหาสุริยะ ซึ่งเป็นของสาวร่างทรงรายดังกล่าว ก็พบกับรูปถ่ายของเธอเป็นจำนวนมาก เผยให้เห็นว่าขณะที่เธอไม่มีร่างทรงประทับร่างนั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นสวยแบ๊ว สวยหวาน ไม่บอกก็แทบจะไม่เชื่อเลยว่า เธออายุจะ 50 ปีแล้ว

6. ร่างทรงขุนช้าง
ทรงขุนช้างผู้รับใช้เทวดาจากสวรรค์ หลายคนอาจคิดว่า ขุนช้างชอบนางวันทอง ซึ่งเราอาจเข้าใจผิดกันมาตลอด เพราะขุนช้าง 2015 ในเวอร์ชั่นนี้ เป็นสายเหลืองอีกด้วย

7. ร่างทรงหลวงพ่อเงิน
ร่างทรงหลวงพ่อเงิน แห่งวัดบางคาน จ.พิจิตร มีความโดดเด่นโดยการที่มีทองคำเปลวแปะตามร่างกาย แต่ชาวบ้านหลายคนสงสัย ทำไมทรงหลวงพ่อเงิน แต่มีตัวสีทอง

8. ร่างทรงพ่อปู่ฤาษี
พระหนุ่มไฟแรงตัวแทนแห่งร่างทรงพ่อปู่ฤาษี หากหลวงปู่ลงประทับเมื่อไหร่ ร่างกายจะสั่นไหวคล้ายคนเป็นโรคพาร์กินสัน หลังจะค่อมลงเล็กน้อยพอให้ดูขลัง ซึ่งลูกศิษย์ลูกหาหลายๆ คนก็ชื่นชอบ เพราะนานๆ ทีจะเห็นฤาษีมาฟีเจอริ่งกับพระสงฆ์ด้วย

9. ร่างทรงพระแม่กวนอิม
เป็นเทพองค์หนึ่ง ที่ถือว่าเป็นทรงที่ฮอตฮิตมาก หากพระแม่กวนอิมลงทรงเมื่อใด จะต้องมีทีมงานคุณภาพมาคอยดูแลไม่ให้แกเหาะกลับสวรรค์ ชาวบ้านบางคนดูไกลๆ อาจคิดว่านี่เป็นปอมๆ เชียร์ก็เป็นได้

10. ร่างทรงพระแม่กาลี
เรื่องความน่าเกรงขาม ต้องยกให้พระแม่องค์นี้ ที่ดูทรงพลังและน่าเกรงขามแบบสุดๆ หากพระแม่ประทับลงเมื่อใด จะมีสกิลลิ้นที่ทรงพลัง ฉวัดเฉวียนไปมา ประหนึ่งจะเลียทุกอย่างที่ขวางหน้า พร้อมกับชุดคอสแบบออร์แกนิก ที่ไม่ว่าใครๆ เห็นต่างก็เลื่อมใสในตัวพระแม่ยิ่งนัก

ผลการศึกษาพบ ร่างทรงในประเทศไทย มี 3 เชื้อชาติ ไทย ฮินดู จีน
เธอผู้นั้น มีชื่อว่า ผศ.ดร.พิม เดอะ ยง ประธานสาขาวิชาไทยและอาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยอาจารย์สาว เล่าให้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ฟังในเบื้องต้นว่า จากการทำงานวิจัยเมื่อปี พ.ศ.2541-2542 พบว่า ร่างทรงในประเทศไทย เท่าที่พบอยู่ มีด้วยกัน 3 ประเภท คือ 1. แบบไทย 2. แบบฮินดู 3. แบบจีน โดยแต่ละแบบจะแตกต่างกัน ในเรื่องของเทพเจ้า ที่เข้ามาประทับกับร่างทรง
อย่างไรก็ดี เท่าที่ศึกษาค้นคว้า พบว่า ในต่างประเทศเอง ก็มีความเชื่อในเรื่องของการทรงเจ้า เช่นเดียวกัน โดยในต่างประเทศนั้น จะมีความเชื่อเรื่องการทรงเจ้า ผูกโยงเข้ากับการบูชาบรรพบุรุษ และบูชาเทพเจ้า เพื่อขอพรให้ชีวิตมีแต่ความสุข ไม่เจ็บ ไม่ป่วย อย่างเช่น ชนเผ่าในแอฟริกา ก็จะมีความเชื่อว่า ร่างทรงสามารถทำนายอนาคตที่จะเกิดขึ้นได้ รวมถึงยังรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้อีกด้วย ซึ่งความเชื่อดังกล่าวจะมีความคล้ายคลึงกับความเชื่อ เรื่องการเข้าทรงของประเทศไทย

เปิด 3 สาเหตุ ทำไมต้องเกิดมา เป็นร่างทรง ของทวยเทพ
สำหรับประเด็นนี้ ผศ.ดร.พิม เปิดเผยว่า จากการทำวิจัย พบว่า สาเหตุของการที่คนส่วนใหญ่ยินยอมที่จะมาเป็นร่างทรง มีอยู่ด้วยกัน 3 เหตุผลหลักๆ คือ
1. มีอาการป่วยที่รักษาไม่หาย โดยสาเหตุนี้ นับว่าเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งจากการสำรวจในครั้งนั้น เช่น มีอาการปวดหัวอย่างหนัก แขนขาไม่มีแรง คลุ้มคลั่ง รักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันเท่าไรก็ไม่หาย ทำให้ต้องหันไปพึ่งพาการรักษา กับ เหล่าร่างทรง โดยเมื่อไปถึง ก็จะถูกผู้ที่เป็นร่างทรง จี้จุดถึงอาการป่วยว่า ไม่มีทางรักษาหายจนกว่าจะยอมให้องค์เทพลงมาประทับร่าง เพื่อทำภารกิจบนโลกมนุษย์
ซึ่งภารกิจที่เหล่าองค์เทพ ต้องการให้ทำนั้นก็คือ การช่วยเหลือมนุษย์บนโลกให้หลุดพ้นจากความทุกข์ ด้วยการแก้เคล็ด และสะเดาะเคราะห์ต่างๆ
2. ฝันว่าเห็นเทพมาขอใช้ร่าง ซึ่งกรณีนี้ ส่วนใหญ่มักจะพูดตรงกันว่า เหล่าทวยเทพต่างๆ จะมาเข้าฝัน เพื่อขอลงมาประทับร่าง ทำภารกิจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
3. สืบทอดตามความเชื่อภายในครอบครัว จากรุ่นสู่รุ่น สำหรับประเด็นนี้ เนื่องจากคนไทยเรา มักมีความเชื่อในเรื่องของการบูชาผีบรรพบุรุษ หรือ บูชาเทพเจ้ากันมาอย่างช้านาน ครอบครัวไหนที่มี พ่อ แม่ หรือ ปู่ ย่า ตา ยาย ที่เป็นร่างทรง ก็มักปลูกฝังลูกหลานให้เคารพบูชาผีบรรพบุรุษ และเทพเจ้า ด้วยกันทั้งครอบครัว และเมื่อถึงวัยที่พ่อ แม่ หรือใครในครอบครัวล่วงลับไป คนเหล่านั้น ก็จะต้องสืบทอดการเป็นร่างทรง ตามความเชื่อ ที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เกิดนั่นเอง

ยอมรับ วิทยาศาสตร์ ยังพิสูจน์ ร่างทรง ไม่ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคล
ผศ.ดร.พิม บอกเล่าถึงงานวิจัยในครั้งนั้นเพิ่มเติมอีกว่า การเข้าทรง สำหรับสังคมไทย หากจะว่ากันจริงๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับการไปปรึกษาจิตแพทย์มากนัก ผิดแต่เพียง ตามความเชื่อของคนไทย หากไปพบจิตแพทย์ ก็มักจะถูกสังคมมองว่า น่าจะมีความผิดปกติทางจิต ซึ่งใครที่ถูกมองเช่นนั้นก็มักจะเกิดความอับอาย ซึ่งแตกต่างจากเวลาที่ไปพบกับร่างทรง ที่มักจะไม่เกิดการถูกวิพากษ์วิจารณ์ในลักษณะนั้น ซึ่งประเด็นนี้ เห็นได้ชัดว่า มีความแตกต่างจากในต่างประเทศ ที่หากเกิดภาวะความเครียดเมื่อไหร่ ก็มักจะไปปรึกษาจิตแพทย์ ได้ทันที โดยที่คนในสังคม ไม่ได้มองว่าคนคนนั้นมีความผิดปกติ
ส่วนการ เข้าทรง ถือว่าเข้าข่ายเป็นการหลอกลวงประชาชนหรือไม่นั้น ส่วนตัว ก็คงบอกไม่ได้ เพราะวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ยังไม่มีเครื่องไม้เครื่องมืออะไร ที่จะมาพิสูจน์เรื่องนี้ได้ชัดเจน เพราะจากการสำรวจก็มีพบเช่นกันว่า มีร่างทรงที่เชื่อว่าตนเองมีเทพประทับร่างจริงๆ และต้องการที่จะช่วยเหลือคนที่กำลังประสบปัญหา โดยไม่ได้หวังเงินทองอะไรตอบแทน
แต่ในจำนวนนี้ หากถามว่า มีกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาหาผลประโยชน์ โดยการหลอกลวงประชาชนหรือไม่ มันก็คงปฏิเสธได้ยาก ฉะนั้น มันก็คงต้องขึ้นอยู่กับความเชื่อและวิจารณญาณส่วนบุคคล

ปี 2539 ร่างทรงในไทย มี 1 แสนคน สร้างเงินหมุนเวียนในประเทศ 20,000 ล้านบาท
สำหรับสถิติร่างทรงของประเทศไทยในปัจจุบัน นั้น ผศ.ดร.พิม บอกเล่ากับทีมข่าวฯ ว่า ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยเคยสำรวจ เมื่อปี พ.ศ.2539 พบว่า จำนวนร่างทรงในประเทศไทย ที่คาดว่า มีอยู่ประมาณ 1 แสนคน ณ ขณะนั้น สามารถสร้างวงเงินหมุนเวียนในสังคมไทย ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี เมื่อถึงยุคไทยแลนด์ 4.0 เท่าที่ตนเองทราบ ยังคงไม่ได้มีการสำรวจซ้ำ ว่า ปัจจุบันตัวเลขของร่างทรงในประเทศไทย มีเพิ่มขึ้นหรือลดลง จึงไม่ทราบแน่ชัดว่าท้ายที่สุดแล้ว ระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 22 ปีนี้ จำนวนของร่างทรงในประเทศไทยยุครัฐบาลลุงตู่ มีจำนวนเพิ่มขึ้น หรือลดลง จากที่เคยมีอยู่ถึง 1 แสนคน หรือไม่ อย่างไร?ศาสนวิทยา มอง การเข้าทรง คล้ายกับ การถูกผีสิง แต่ยอมรับ บางรายสามารถทำเรื่องเหนือความคาดหมายได้
ด้าน ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ นักวิชาการด้านศาสนวิทยา อธิบายถึงความเชื่อเรื่องการเข้าทรง ในมุมมองทางด้านศาสนวิทยา ให้ทีมข่าวฯ ฟังว่า การเข้าทรง เป็นเรื่องเดียวกับเรื่องของ การถูกผีสิง แต่ต่างกันที่ผีสิงเกิดขึ้นอย่างไม่ได้เต็มใจ แต่การเข้าทรง เกิดขึ้นจากความเต็มใจ ซึ่งถือว่าเป็นความเชื่อทางศาสนาอย่างหนึ่งที่มีมาอย่างยาวนาน บวกกับสังคมยอมรับความเชื่อดังกล่าวมาช้านานแล้ว
“ร่างทรง ทางศาสนวิทยาถือเป็นขั้นสุดยอดของศาสนาโบราณ ในแง่ของการบูชาเทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นแค่การกราบไหว้บูชา และความต้องการเชื่อมต่อกับเทพเจ้า ผ่านการพูดคุย การโต้ตอบกัน”
ซึ่งเมื่อก่อนคนไทยเราก็มีการเชื่อในเรื่องของการนับถือบูชา นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้แต่นับถือบรรพบุรุษกันมาอยู่แล้ว เมื่อเกิดการนับถือสิ่งเหล่านี้ ก็เกิดการอยากติดต่อสื่อสารกับเหล่าเทพ หรือผีบรรพบุรุษต่างๆ อยากที่จะสื่อสาร หรืออยากที่จะให้เทพมาปรากฏให้เห็นกันแบบเป็นๆ จึงทำให้เกิดการทรงเจ้าขึ้น
นักวิชาการชี้ ร่างทรงไทย มีทั้งของจริง และหลอกลวง
แต่ถึงแม้การเข้าทรงจะมีมานานตามความเชื่อของคนไทย ก็ต้องบอกว่าปัจจุบันมีทั้งคนที่เข้าทรงจริงๆ กับคนที่ต้องการหาผลประโยชน์ก็มี โดยพวกนี้ จะแบ่งออกได้เป็น 4 กรณี คือ
1. ร่างทรง จำพวก เสแสร้ง โดยจำพวกนี้ คือพวกที่หวังผลประโยชน์บางอย่าง
2. ร่างทรง จำพวก อุปาทาน ทั้งอุปาทานเดี่ยว และอุปาทานหมู่ ซึ่งเกิดจากความเชื่อเรื่องวิญญาณแบบฝังรากลึกในจิตใจมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งทำให้รู้สึกว่าตนเองเป็นเทพเจ้าจริงๆ
3. ร่างทรง เนื่องจากมีอาการจิตประสาท ป่วยเป็นโรคบางโรค กระทั่งทำให้เกิดอาการหูแว่ว เกิดภาพหลอน ทำให้หลุดออกจากความเป็นจริง
4. ร่างทรง ประเภท สามารถรู้ในสิ่งลึกลับ ที่คนอื่นไม่รู้ ซึ่งประเด็นนี้ ดร.ศิลป์ชัย บอกเล่ากับทีมข่าวว่าฯ ว่า ส่วนตัวเองก็เคยมีประสบการณ์พบเจอกับ ร่างทรง ที่สามารถบอกเล่าเหตุการณ์ในอดีตที่เคยเกิดขึ้นของบุคคลที่เข้าไปพบได้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยพบเจอกันมาก่อน และบางรายถึงขั้นสามารถทำนายเหตุการณ์บางอย่างที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลที่เข้าไปพบได้อย่างถูกต้อง ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้มีการสนทนากันมาก่อนหน้านี้ได้
ซึ่ง ดร.ศิลป์ชัย ยอมรับว่า กรณีแบบนี้ที่ตนเองเคยประสบพบเจอมา ถือได้ว่า เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ และน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และนักวิชาการเอง ก็กำลังทำการศึกษากันอยู่เช่นกัน
ร่างทรงยุค 4.0 Marketing ขั้นเทพ ภาษาเทพ ตำหนักเว่อร์วัง สร้างสิ่งเร้ากระตุ้นคนเลื่อมใสศรัทธา
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งคำถามที่ทางทีมข่าวฯ ต้องการที่จะหาคำตอบ นั่นก็คือ ปัจจัยอะไรที่ทำให้คนเราเชื่อว่า ร่างทรงทั้งหลายนั้น มีเหล่าองค์เทพประทับอยู่จริง

สำหรับประเด็นดังกล่าว ดร.ศิลป์ชัย กล่าวว่า
เท่าที่มีข้อมูลในปัจจุบันปัจจัยสำคัญที่มีส่วนอย่างยิ่งในการเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร่างทรงทั้งหลาย ก็คือ การสร้างบรรยากาศกระตุ้นให้บุคคลเกิดความคล้อยตาม ซึ่งหนึ่งในวิธีที่นิยมใช้กันก็คือ การตกแต่งสถานที่ประทับให้อลังการ และการแต่งองค์ทรงเครื่องให้ดูคล้ายคลึงกับองค์เทพ ที่อ้างว่ามาประทับอยู่ในร่าง เพื่อให้คนที่มีความเชื่อเรื่องเหล่านี้ เกิดความเชื่อถือมากยิ่งขึ้นไปอีก
จากนั้นก็จะแสดงการร่ายรำ และพูดภาษาที่อ้างว่าเป็นภาษาเทพ ให้แก่บรรดาลูกศิษย์ ซึ่งสำหรับคนที่มีความเชื่อในเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เมื่อเจอบรรยากาศความขลังที่สร้างขึ้น ก็จะยิ่งทำให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธามากยิ่งขึ้นไปอีก
“ปัจจุบันต้องยอมรับว่า ร่างทรง สามารถทำการตลาดได้ดีขึ้น ทำให้ผู้คนสนใจและเชื่อมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น การแต่งตัว การร่ายรำ และการตกแต่งสถานที่ รวมถึงยังมีการใช้ภาษาเทพ การดูหมอ ทำนาย ผสมไปกับแนวคิดที่คนไทยมีความเชื่อว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ทำให้คนไทยยิ่งเชื่อเข้าไปใหญ่” ดร.ศิลป์ชัย นักวิชาการด้านศาสนวิทยา
กล่าวทิ้งท้าย