เปิด 9 ตัวเต็งดาวซัลโว นักเตะที่ขึ้นชื่อ เจ้าพ่อของวงการ แห่งบอลโลก 2018

เปิด 9 ตัวเต็งดาวซัลโว นักเตะที่ขึ้นชื่อ เจ้าพ่อของวงการ แห่งบอลโลก 2018 

1. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส) ปีกซูเปอร์สตาร์พันล้านทีมชาติโปรตุเกส ของเรอัล มาดริด เรียกได้ว่ากวาดรางวัลให้กับสโมสรและทีมชาติมาแล้วนับไม่ถ้วน รวมไปถึงรางวัลดาวซัลโวสำหรับการเล่นในสโมสร ไม่ว่าจะเป็นรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ลาลีก้า สเปน และยูโร 2012 สำหรับในศึกยูโร 2016 ที่ โรนัลโด้ พาทีมคว้าแชมป์เขาได้รางวัลรองดาวซัลโวมาครอง และปัจจุบันเขาก็ดำรงตำแหน่งดาวซัลโวของทีมชาติโปรตุเกสอีกด้วย

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ในครั้งนี้ เครื่องจักรจอมถล่มประตูรายนี้มีอายุ 33 ปีแล้ว น่าจะเป็นการแข่งขันในรายการฟุตบอลโลกเป็นครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว ถึงแม้เขาจะบอกว่าจะเล่นฟุตบอลไปจนถึงอายุ 40 ปีก็ตาม แต่ทว่าการทิ้งทวนสำหรับกัปตันทีมชาติโปรตุเกสรายนี้ก็น่าจะเป็นการยิงประตูให้กับทีมตามที่เขาถนัด และมีสิทธิ์คว้าดาวซัลโวมาครองนั่นเอง

2. ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า) นักเตะผู้ถูกขนานนามว่า เป็นผู้เล่น 1 ใน 2 คนที่เก่งที่สุดในโลก ณ ปัจจุบันนี้ กัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่า เคยคว้ารางวัลมาแล้วจนนับไม่ถ้วนทั้งในฐานะนักเตะของสโมสร และนักเตะทีมชาติ รวมไปถึงรางวัลส่วนตัวอีกมากมายก่ายกอง จนตู้โชว์ถ้วยรางวัลที่บ้านใส่ไว้ไม่พอ แต่รางวัลที่เขายังไม่เคยรับได้นั่นคือ แชมป์ฟุตบอลโลก และนี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องการเป็นอย่างมาก

“ผมพร้อมแลกรางวัลส่วนตัวทุกอย่างของผมกับแชมป์ฟุตบอลโลก ในฐานะนักเตะคนหนึ่ง การได้แชมป์บอลโลกเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว มันเป็นสิ่งที่ผมฝันมาตั้งแต่เด็ก และความฝันนี้ก็ไม่เคยจางหายไป” เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัย มีความเป็นไปได้ในการคว้าตำแหน่งดาวซัลโว ฟุตบอลโลกในครั้งนี้ เนื่องจากเขาคือหัวใจสำคัญในแนกรุกของทัพฟ้าขาว รวมไปถึงบรรดาลูกทีมต่างๆ ที่คอยให้การสนับสนุนเขา เชื่อได้เลยว่า ปีนี้น่าจะเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับ ลิโอเนล เมสซี่

3. โธมัส มุลเลอร์ (เยอรมัน) แนวรุกวัย 28 ปี บอกได้เลยว่านี่คือเจ้าพ่อแห่งฟุตบอลทัวร์นาเม้นต์ มุลเลอร์ สามารถแจ้งเกิดให้กับตนเองได้ในฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ในบทบาทของศูนย์หน้าทีมชาติเยอรมัน และเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอล และโค้ชต้องผิดหวัง ด้วยการคว้าตำแหน่งดาวซัลโวร่วมกับ ดาบิด บีญ่า ของ สเปน, เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ ของ เนเธอร์แลนด์

และดิเอโก้ ฟอร์ลัน ของ อุรุกวัย หลังจากนั้นเขาก็แสดงศักยภาพให้ของตัวเองออกมาให้เห็นว่าเขาคือ ผู้เล่นที่เอาไว้จบสกอร์ขนานแท้ ในช่วงหลังเรามักจะเห็นทีมชาติเยอรมันใช้ มุลเลอร์ ในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า และเขาก็มีเพื่อนร่วมทีมที่คอยจ่ายบอลให้ทำประตูอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็น เมซุต โอซิล, มาร์โก้ รอยส์, โทนี่ โครส เป็นต้น

4. เนย์มาร์ (บราซิล) ซูเปอร์สตาร์ค่าตัวสถิติโลก หายจากอาการบาดเจ็บโดยพักมายาวนาน 3-4 เดือน ได้กลับมาลงสนามในทัวร์นาเมนต์สำคัญอย่าง ฟุตบอลโลก 2018 ได้อย่างพอดิบพอดี ในการแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นเวทีที่จะพิสูจน์ตัวของเขาอย่างแท้จริง เนื่องจากว่า ตอนนี้ เนย์มาร์ กลายเป็นเดอะแบก ที่จะช่วยให้ทีมชาติบราซิล คว้าแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 6 ได้หรือไม่

อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญ เนย์มาร์ กำลังมีข่าวลืออย่างหนักเกี่ยวกับการย้ายทีมไปเล่นร่วมกับ เรอัล มาดริด และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่สำคัญว่าเขานั้นคู่ควรที่จะเล่นให้กับ “โลส บลังโกส” หรือไม่ ดังนั้นในการแข่งขันครั้งนี้ เขาก็ควรจะโชว์ฟอร์มด้วยการยิงประตูให้ได้เป็นกอบเป็นกำอย่างมากที่สุด

5. อองตวน กรีซมันน์ (ฝรั่งเศส) แนวรุกตัวความหวังแห่งเมืองน้ำหอม ของ แอตเลติโก มาดริด โดยล่าสุดมีข่าวลือการย้ายทีมกับบาร์เซโลน่า โดยนักเตะได้ออกมาพูดเองว่า เขาจะเคลียร์เรื่องการย้ายทีมของตัวเขาให้จบลงก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 จะเปิดฉากขึ้น ปีกวัย 27 ปี ผู้คว้ารางวัลดาวซัลโวในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 มาแล้ว แต่ก็ถือว่าพวกเขายังฝันไม่สุด โดยพ่ายแพ้โปรตุเกสไปในนัดชิงชนะเลิศ เป็นได้แค่รองแชมป์ในการแข่งขันครั้งนั้น

สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ กรีซมันน์ ก็ยังคงเป็นผู้เล่นตัวความหวังของทีมตราไก่อยู่เหมือนเดิม ทั้งนี้ เขาจะได้ผนึกกำลังกับเพื่อนร่วมทีมที่มีดีกรีเป็นนักเตะเอสคลาสอยู่หลายคนอย่าง ปอล ป็อกบา, คีเลียน เอ็มบัปเป้ และอุสมาน เดมเบเล่ เรียกได้ว่า นี่จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่พา กรีซมันน์ ไปคว้าตำแหน่งดาวซัลโวในครั้งนี้ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็นสักเท่าไร

6. แฮร์รี่ เคน (อังกฤษ) ศูนย์หน้าแห่งทัพทรีไลอ้อนส์ ของสโมสรท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่เพิ่งได้รับสัญญาฉบับใหม่จากสโมสรโดยเซ็นกันยาวไปจนถึงปี 2024 หรือกว่า 6 ปี รับค่าเหนื่อยเพิ่มเป็น 2 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันทีมยักษ์ใหญ่มาฉกตัวไป เนื่องจากฤดูกาลที่ผ่านมา เขาลงสนามให้กับไก่เดือยทองไป 48 นัด ยิงไปทั้งสิ้น 41 ประตู รวมทุกรายการ

จากฟอร์มที่ยอดเยี่ยมทำให้เขากลายเป็น ศูนย์หน้าหมายเลขหนึ่งของทัพสิงโตคำราม ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ในครั้งนี้ ถ้าหาก เคน สามารถยิงประตูในรอบแรกได้นัดละ 1-2 ประตู นั่นก็อาจจะทำให้เขาคว้าตำแหน่งดาวซัลโวไปครองได้อย่างไม่ยากเย็น

7. โรเมลู ลูกากู (เบลเยี่ยม) แนวรุกร่างยักษ์ของสโมสรปีศาจแดง ฤดูกาลแรกที่เขาย้ายมาร่วมทัพแมนยูฯ ลงสนามไปทั้งหมด 51 นัด ยิงไปได้ 27 ประตู ทุกถ้วยทุกรายการ ด้วยความได้เปรียบในเรื่องสรีระร่างกาย และความเร็ว ลูกากู มีโอกาสทำประตูทั้งลูกกลางอากาศ และการเล่นบอลบนพื้น

สำหรับฟุตบอลโลก 2018 กับทีมชาติเบลเยี่ยม ลูกากู จะได้เล่นร่วมกับ เอแด็น อาซาร์ และ เควิน เดอ บรอยน์ 2 สตาร์ชื่อดังจากพรีเมียร์ลีก ที่มีดีกรีเป็นถึงเจ้าพ่อแอสซิสต์ทั้งคู่ งานนี้หาก ศูนย์หน้าวัย 25 ปี ยืนอยู่ถูกที่ถูกเวลา และฟอร์มเข้าฝัก เขาก็มีโอกาสคว้าตำแหน่งดาวซัลโวไปครองได้อย่างแน่นอน

8. ฮาเมส โรดริเกซ (โคลอมเบีย) “เอล ดิเอซ” นี้คือฉายาที่เขาถูกเรียกมาโดยตลอด ฮาเมส แจ้งเกิดในวงการฟุตบอลด้วยการลงเล่น ฟุตบอลโลก 2014 และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้าดาวซัลโวมาครอง จากนั้นทำให้เขาได้ย้ายไปเล่นให้กับเรอัล มาดริด ต่อมาเขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญในนามทีมชาติโคลอมเบีย

ในการแข่งขันฟุตบอลโลก ยังไม่เคยมีใครคว้าตำแหน่งดาวซัลโวถึง 2 ปีซ้อน ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 เขาเป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์ลุ้นการคว้ารางวัลนี้ถึง 2 ปีติดต่อกัน และนั้นเป็นแรงผลักดันที่สำคัญสำหรับ ฮาเมส โรดริเกซ

9. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (อียิปต์) เรียกได้ว่าฟอร์มการเล่นในซีซั่นนี้กับ “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล ของ “เมสซี่แห่งอียิปต์” ทำเอาโลกสั่นสะเทือนไปตามๆ กัน จนถึงขั้น เซร์คิโอ รามอส ต้องจัดการเขาในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คนที่ผมกำลังเอ่ยถึงนั้นคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

เพียงฤดูกาลแรกกับลิเวอร์พูล (2017-2018) เจ้าตัวพาทีมจบอันดับ 4 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมพาทีมจบด้วยฐานรองแชมป์ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกทั้ง ซาลาห์ ยังคว้ารางวัลส่วนตัวอีกนับไม่ถ้วน อาทิเช่น ดาวซัลโวประจำลีก , รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวอังกฤษ รวมไปถึงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทวีปแอฟริกา

ส่วนผลงานในนามทีมชาติก็ไม่น้อยหน้า เจ้าตัวติดทีมชาติมาตั้งแต่ปี 2011 พร้อมลงสนามรับใช้ชาติไปทั้งหมด 57 นัด ซัดไปได้ถึง 33 ประตู แม้ยังมีอาการบาดเจ็บที่ไหล่รบกวนอยู่ แต่เชื่อเหลือเกินว่าด้วยกำลังใจจากเพื่อนร่วมอาชีพ และแฟนบอลชาวอียิปต์ทั้งประเทศ คงจะเป็นแรงผลักดันให้ดาวเตะวัย 25 ปี รายนี้ ฟื้นคืนบนสนามหญ้าที่ รัสเซีย 2018 และมีโอกาสในการคว้าตำแหน่งดาวซัลโวไปครอง