เรียนพี่น้องประชาชนและสมาชิกทุกท่าน อย่ามองข้ามเรื่องบัตรประชาชน
ว่าจะให้ใครไปยังไงก็ได้ ง่าย ๆ
หากท่านจำเป็นต้องให้สำเนาบัตรประชาชนแก่ใคร ขอให้ท่านขีดคร่อมบัตรประชาชน
และระบุวัน เดือนปี นำไปใช้อะไร เนื่องจากปัจจุบันนี้
คนร้ายได้ใช้วิธีการหลากหลายมากขึ้นในการนำบัตรประชาชนของท่านไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย
และอาจทำให้เงินฝากบัญชีธนาคารของท่านสูญหายหมดในพริบตา เช่น
กรณีของนายพันธุ์สุธี มีลือกิจ ที่คนร้ายได้ใช้วิธีการดังนี้
2. ได้เลขบัตรประชาชน เป้าหมาย
3. รู้บัญชีธนาคาร เป้าหมาย
4. ปลอมบัตรประชาชน เป้าหมาย
5. เอาบัตรประชาชนเป้าหมายไป ยกเลิกซิมการ์ดโทรศัพท์เป้าหมาย
6. ออกซิมการ์ดใหม่เบอร์เดิม ซิมเป้าหมายใช้อยู่ถูกตัดสัญญาณ
7. โทรไปหลอก Call Center Cyber Banking เพื่อขอ ให้ปลดล็อค และ Reset รหัสผ่านใหม่
8. โอนเงิน ออกจากบัญชีเป้าหมาย
9. จบเห่!
หากท่านทำการค้าออนไลน์ ที่ลูกค้าจำเป็นจะต้องขอเลขที่บัญชีของท่าน ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร สามารถให้ได้ แต่สำหรับบัตรประชาชน ท่านจะต้องทำตามตัวอย่าง (ตามภาพ 1) ให้เหลือแค่ชื่อ นามสกุล เพียงอย่างเดียว โดยท่านต้องปิดเลขบัตรประชาชน 13 หลัก วันเดือนปีเกิด และสำคัญคือบาร์โค้ดใต้ครุฑ ด้านซ้ายของบัตร เนื่องจากพี่น้องประชาชนยังไม่ทราบว่า ปัจจุบันนี้ มิจฉาชีพสามารถใช้แอพโทรศัพท์มือถือ(ภาพ 2) ในการสแกนบาร์โค้ดในบัตรประชาชนของท่าน แล้วนำรหัส 13 หลักที่ซ่อนอยู่ในบาร์โค้ดมาใช้ในการกระทำผิดกฎหมายได้ ตามภาพ 3
และนอกจากนี้ เมื่อท่านทำบัตรประชาชนหาย ท่านจะต้องไปแจ้งความทันทีที่โรงพักในภูมิลำเนาของท่าน โดยจะต้องแจ้งข้อความดังต่อไปนี้
บัตร ประชาชนของที่หายไปนั้น ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชน 13 หลัก วันเดือนปีเกิด วันที่ออกบัตร วันหมดอายุบัตร โดยต้องนำสำเนาบัตรประชาชนของบัตรประชาชนใบที่หายไปมาแจ้งความ และระบุด้วยว่าหากผู้ใดนำบัตรไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมายทุกกรณี ถือว่าทางเจ้าของบัตรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัตรใบนี้ตั้งแต่วันที่ไปแจ้ง ความ เพราะเคยมีเคสที่ทำบัตรประชาชนหล่นหาย แล้วคนร้ายนำไปใช้ส่งยาเสพติดที่ขนส่ง กว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเจ้าของบัตรไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายยาเสพติด เจ้าของบัตรต้องติดคุกฟรี 1 ปี 7 เดือน หรือเคสนำบัตรประชาชนที่หล่นหายไปเปิดบัญชี แล้วหลอกให้โอนเงินมาผ่านบัญชี จนทำให้เจ้าของบัญชีที่ทำบัตรประชาชนหายต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกัน ฉ้อโกง กว่าจะพิสูจน์ได้ต้องหาเงินมาประกันตัว ต้องเสียเงิน เสียเวลาในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์
สรุปขั้นตอนการขโมย เงินจาก บช. คนอื่นที่เปิดบริการทำธุรกรรมทางการเงิน แบบ online
1. รู้เบอร์โทร เป้าหมาย2. ได้เลขบัตรประชาชน เป้าหมาย
3. รู้บัญชีธนาคาร เป้าหมาย
4. ปลอมบัตรประชาชน เป้าหมาย
5. เอาบัตรประชาชนเป้าหมายไป ยกเลิกซิมการ์ดโทรศัพท์เป้าหมาย
6. ออกซิมการ์ดใหม่เบอร์เดิม ซิมเป้าหมายใช้อยู่ถูกตัดสัญญาณ
7. โทรไปหลอก Call Center Cyber Banking เพื่อขอ ให้ปลดล็อค และ Reset รหัสผ่านใหม่
8. โอนเงิน ออกจากบัญชีเป้าหมาย
9. จบเห่!
หากท่านทำการค้าออนไลน์ ที่ลูกค้าจำเป็นจะต้องขอเลขที่บัญชีของท่าน ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร สามารถให้ได้ แต่สำหรับบัตรประชาชน ท่านจะต้องทำตามตัวอย่าง (ตามภาพ 1) ให้เหลือแค่ชื่อ นามสกุล เพียงอย่างเดียว โดยท่านต้องปิดเลขบัตรประชาชน 13 หลัก วันเดือนปีเกิด และสำคัญคือบาร์โค้ดใต้ครุฑ ด้านซ้ายของบัตร เนื่องจากพี่น้องประชาชนยังไม่ทราบว่า ปัจจุบันนี้ มิจฉาชีพสามารถใช้แอพโทรศัพท์มือถือ(ภาพ 2) ในการสแกนบาร์โค้ดในบัตรประชาชนของท่าน แล้วนำรหัส 13 หลักที่ซ่อนอยู่ในบาร์โค้ดมาใช้ในการกระทำผิดกฎหมายได้ ตามภาพ 3
และนอกจากนี้ เมื่อท่านทำบัตรประชาชนหาย ท่านจะต้องไปแจ้งความทันทีที่โรงพักในภูมิลำเนาของท่าน โดยจะต้องแจ้งข้อความดังต่อไปนี้
บัตร ประชาชนของที่หายไปนั้น ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชน 13 หลัก วันเดือนปีเกิด วันที่ออกบัตร วันหมดอายุบัตร โดยต้องนำสำเนาบัตรประชาชนของบัตรประชาชนใบที่หายไปมาแจ้งความ และระบุด้วยว่าหากผู้ใดนำบัตรไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมายทุกกรณี ถือว่าทางเจ้าของบัตรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัตรใบนี้ตั้งแต่วันที่ไปแจ้ง ความ เพราะเคยมีเคสที่ทำบัตรประชาชนหล่นหาย แล้วคนร้ายนำไปใช้ส่งยาเสพติดที่ขนส่ง กว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเจ้าของบัตรไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายยาเสพติด เจ้าของบัตรต้องติดคุกฟรี 1 ปี 7 เดือน หรือเคสนำบัตรประชาชนที่หล่นหายไปเปิดบัญชี แล้วหลอกให้โอนเงินมาผ่านบัญชี จนทำให้เจ้าของบัญชีที่ทำบัตรประชาชนหายต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกัน ฉ้อโกง กว่าจะพิสูจน์ได้ต้องหาเงินมาประกันตัว ต้องเสียเงิน เสียเวลาในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์
ขอขอบคุณบทความดีๆจาก“จึงเตือนภัยมาเพื่อให้พี่น้องประชาชนทราบโดยทั่วกัน”
- ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม