Home »
Uncategories »
10 เรื่องที่ควรรู้ก่อนที่จะตัดนใจซื้อบ้าน
10 เรื่องที่ควรรู้ก่อนที่จะตัดนใจซื้อบ้าน
พูดถึงเรื่องของบ้านใครก็ต้องอยากจะมีบ้านที่เป็นของตัวเองโดยไม่ต้องเช่าอยู่
เพราะไม่ว่าเราจะจ่ายค่าเช่าไปกี่เดือนก็ไม่มีวันที่จะเป็นบ้านของเรา
ทำให้หลายๆคนเริ่มมีความคิดอยากที่จะซื้อบ้าน
แต่บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่าการซื้อบ้านควรจะคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง
วันนี้เราได้นำ 10 เรื่องสำหรับคนที่จะซื้อบ้านควรรู้มาให้ได้ชมกันด้วย
ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายๆคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน จะมีเรื่องอะไรบ้าง
ลองไปชมกันเลยดีกว่าจ้า
1.ถามตัวเองให้ดี
ที่เรายกเรื่องนี้มาเป็นข้อแรกก็เพราะว่ามันคือจุดเริ่มต้นของการตัดสินใจเรื่องนี้เลยทีเดียว
การถามตัวเองหมายถึงการพิจารณาให้รอบด้านว่าถึงเวลาต้องซื้อบ้านหลังแรกแล้วจริงๆ
ไม่ใช่นึกจะซื้อเพราะอ่านกระทู้ประเภท “สิ่งที่ควรมีก่อนอายุ 30”
แล้วกดดันตัวเองว่าต้องมีบ้างทั้งที่อาจยังไม่จำเป็น
นอกจากนี้ควรดูถึงความต้องการของคุณเองว่าการตัดสินใจซื้อบ้านเพื่ออะไร
งบประมาณที่คุณมีในใจนั้นประมาณเท่าไร ไลฟ์สไตล์ของตัวเองเป็นแบบไหน
ทำเลที่ตั้งของโครงการ รวมทั้งความต้องการในอนาคต
เพื่อดูความเหมาะสมว่าจริงๆ
แล้วสิ่งที่คุณต้องการหรือกำลังมองหานั้นควรเป็นบ้านหรือว่าคอนโดกันแน่
2.ถามกระเป๋าสตางค์ตัวเองด้วย
เมื่อทราบงบประมาณคร่าวๆ ที่ต้องการสำหรับที่อยู่อาศัยของคุณแล้ว
คราวนี้ก็ต้องลงลึกกันสักหน่อย เพราะการซื้อบ้านถือเป็นภาระผูกพันในระยะยาว
การซื้อบ้านที่เกินกำลังเงินของตัวเองจะส่งผลถึงการใช้ชีวิตของคุณไปอีกหลายปี
ดังนั้นควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่ารายได้ที่คุณมีอยู่นั้น
สามารถที่จะครอบคลุมรายจ่ายปกติและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการซื้อบ้านหรือไม่
ลองคำนวณคร่าวๆ ถึงเรื่องเงินดาวน์ ค่าจำนอง 2% ค่าโอน 2%
การตกแต่งเพิ่มเติมหรือค่าดำเนินการขอสินเชื่อ
และค่าดำเนินการสาธารณูปโภคต่างๆ
ซึ่งหากการซื้อบ้านนั้นผู้ขายและธนาคารผลักภาระมาทางผู้ชื้อ
ดังนั้นคุณควรจะต้องเตรียมพร้อมเงินในก้อนแรกนั้นด้วย
3.จัดลำดับความสำคัญของชีวิต
เพราะไม่มีบ้านหลังไหนที่ ‘เพอร์เฟกต์’ ไม่อย่างนั้นแล้ว
คุณคงไม่ต้องเจอกับสถานการณ์ลังเลว่าจะซื้อบ้านในโครงการนั้นดี
หรือโครงการนี้จะเหมาะกว่า เพราะฉะนั้นอย่าเสียเวลาตามหาบ้านที่เพอร์เฟกต์
แต่ให้ตามหาบ้านที่ตอบโจทย์สิ่งต่างๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ
ของชีวิต ถ้าจัดลำดับได้แล้ว คราวนี้ก็ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
4.แวะไปดูบ้านทั้งกลางวันและกลางคืนแถมสำรวจพื้นที่ใกล้เคียงด้วย
ส่วนใหญ่แล้ว
คนมักจะไปดูบ้านในโครงการหรือบ้านตัวอย่างกันก่อนเพื่อการตัดสินใจในการซื้อ
นอกจากดูเรื่องของตัวบ้านและโครงการแล้ว
ควรที่จะถือโอกาสสำรวจบริเวณใกล้เคียงไปด้วยว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณใกล้เคียงหรือไม่
อย่างโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร โรงเรียน
เพื่อวางแผนสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน และเราต้องอยู่กับบ้านไปอีกนาน
และเราขอแนะนำให้เพิ่มอีกขั้นตอนคือแวะไปย่านนั้นช่วงกลางคืนด้วย
ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะให้คุณเข้าไปขอดูบ้านตัวอย่างในยามวิกาล
แต่เราอยากให้คุณพอเห็นภาพว่าสภาพแวดล้อมตอนกลางคืนในละแวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
จะได้รู้จักทำเลนั้นจริงๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน ก่อนจะตัดสินใจ
5.ทักทายว่าที่เพื่อนบ้าน
การหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่อยากรู้ทางอินเตอร์เน็ตเป็นเรื่องปกติของคนยุคนี้
แต่อย่าลืมว่าไม่ใช่ข้อมูลทุกอย่างจะอยู่ในนั้น
อย่างเช่นข้อมูลจากปากคนที่อยู่โครงการนั้นจริงๆ
เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะโพสต์ความรู้สึกของตัวเองลงในพื้นที่สาธารณะ ดังนั้น
เวลาแวะไปดูบ้าน ไม่ว่าจะโครงการใด
ถ้าเป็นโครงการที่พอจะมีคนอาศัยอยู่บ้างแล้วและมีจังหวะเหมาะ
ให้ลองพูดคุยกับคนที่อยู่ในหมู่บ้านนั้นดู
ซึ่งเราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะตอบเรื่องนี้อย่างจริงใจ
6.จับเวลาการเดินทางจากบ้านถึงที่ทำงาน
คุณอาจจะแย้งว่า เรื่องเดินทางลองเช็ค Google Maps ดูก็รู้
แต่คุณก็น่าจะรู้เหมือนกันว่า ถึง Google Maps
จะแม่นยำเรื่องเส้นทางแต่เรื่องเวลาการเดินทางเสมอไป
เพราะฉะนั้นถ้าอยากรู้จริงก็ทดลองด้วยตัวเองกันไปเลย
ลองดูว่าถ้าเราเลือกบ้านหลังนี้
เราจะใช้เวลาเท่าไหร่ในการเดินทางไปที่ทำงาน โดยเฉพาะในช่วง rush hours
เช้า-เย็น
นอกจากนี้การสำรวจเส้นทางสำรองเพิ่มเติม
หรือการขนส่งมวลชนไม่ว่าจะเป็นสายรถเมล์
หรืออยู่ละแวกของเส้นทางรถไฟฟ้าทั้ง BTS หรือ MRT ทางขึ้น –
ลงทางด่วนที่ใกล้ที่สุด ทางเข้า – ออกของโครงการสามารถเข้าออกได้กี่ทาง
เพื่อความมั่นใจในการเดินทางเมื่อเข้าอยู่จริง
7.เดินเข้าแบงค์แต่เนิ่นๆ
ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจได้ก่อนว่าจะซื้อบ้านหลังไหนถึงค่อยติดต่อธนาคาร
คุณสามารถเข้าไปคุยกับธนาคารตั้งแต่มีแผนจะซื้อบ้านได้เลย
เพื่อจะได้ประเมินได้ว่าเราสามารถกู้ได้มากน้อยเพียงใดและมีศักยภาพในการผ่อนเดือนละเท่าไหร่
เงื่อนไขการให้กู้ของธนาคาร รวมทั้งโปรโมชั่นอย่างการจำนองฟรี โอนฟรี
ประเมินราคาฟรี เป็นต้น
ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการธนาคารตรงนี้จะช่วยทำให้เราตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นในการซื้อบ้าน
นอกจากนี้ลองประเมินเพิ่มเติมสำหรับสถานการณ์ในอนาคตอย่างอัตราดอกเบี้ยในการรีไฟแนนซ์ไปที่ธนาคารอื่นหรือการพิจารณาประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ
(MRTA) ซึ่งหลายๆ คนอาจจะไม่เคยทราบกันว่ามันคืออะไร
เพราะฉะนั้นไม่ต้องลังเล ถ้าคิดจะมีบ้านแล้วเดินไปหาธนาคารได้เลย
8.ไม่จำเป็นต้องเป็น #สายเปย์ เททั้งบัญชี
การลงเงินดาวน์เยอะกว่าราคาดาวน์ขั้นต่ำเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่มาจากดอกเบี้ยในการผ่อนบ้าน
เป็นสิ่งที่คนซื้อบ้านทำกัน
แต่เราขอเตือนนิดว่าอย่าให้ถึงขั้นทุ่มเงินที่มีทั้งบัญชีหรือเกือบเกลี้ยงบัญชีไปกับการดาวน์เลย
เพราะในการซื้อบ้านใหม่มักจะมีค่าใช้จ่ายที่เราไม่คาดคิดมาก่อนเกิดขึ้นได้เสมอ
แม้เราจะกันเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับตรงนี้แล้วก็ตาม
เพราะฉะนั้นจะวางแผนเรื่องนี้ก็ควรคิดให้รอบด้าน
ไม่ใช่นึกถึงแค่เรื่องเพิ่มเงินดาวน์เพื่อประหยัดดอกเบี้ย
9.เช็คเงื่อนไขในการต่อเติมบ้าน
หมู่บ้านจัดสรรโดยทั่วไปมักจะมีระเบียบและเงื่อนไขในการต่อเติมบ้าน
รวมถึงจุดประสงค์ในการใช้พื้นที่
ซึ่งบางคนอาจมองข้ามเรื่องนี้ไปในขั้นตอนการหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
เราแนะนำให้คุณคุยกับโครงการถึงเรื่องนี้ตั้งแต่แรก
เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย
บางคนอาจซื้อเพื่อดัดแปลงเป็นโฮมออฟฟิศหรือเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ก็ได้
อย่างถ้าคุณเห็นจุดไหนที่มีความเป็นไปได้และอยากจะต่อเติม
เราแนะนำให้ชี้จุดและแจ้งโครงการกันไปเลย
ทั้งนี้การพูดคุยตั้งแต่แรกก็จะได้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันของคุณกับโครงการ
เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง
รวมทั้งปัญหากับเพื่อนบ้านที่อาจจะได้รับผลกระทบต่อการต่อเติมของคุณด้วย
หรือต่อให้คุณยังไม่มีแผนการเรื่องนี้ก็ควรจะถามให้รู้ไว้ก่อนอยู่ดี
เพราะในอนาคตนี่อาจเป็นข้อมูลที่จำเป็นสำหรับคุณก็ได้
10.อย่ามองข้ามช่วง pre-sale และโปรโมชั่นอีเว้นท์ต่างๆ
ช่วง pre-sale มักจะมาพร้อมกับโปรโมชั่นพิเศษจูงใจว่าที่ลูกบ้าน ดังนั้น
เราแนะนำเลยว่าถ้าสมมติว่าคุณมีแผนจะซื้อบ้านภายในปีนี้
ให้หาข้อมูลล่วงหน้าเลยว่า pre-sale
ของแต่ละโครงการที่เราสนใจมีช่วงไหนบ้าง ทำเป็นปฏิทิน pre-sale
ไว้ดูเองไปเลยก็ได้ แถมมาร์คด้วยงานอีเว้นท์ต่างๆ
ที่เกี่ยวกับเรื่องบ้านและธนาคาร
อย่างงานมหกรรมบ้านและคอนโดคุณจะได้เจอกับทุกเรื่องที่คุณอยากรู้เรื่องบ้าน
หรืออีเว้นท์ของธนาคารคุณก็จะได้เจอโปรโมชั่นเงินกู้ดีๆ ด้วย
นอกจากนี้สิ่งที่จำเป็นต้องทำอีกอย่างก็คือ ก่อนจะถึงวัน pre-sale
ให้หาข้อมูลและไปดูโครงการจนถึงระดับที่เกือบตัดสินใจได้แล้ว
แล้วถ้าถึงวันที่ pre-sale แล้ว
บ้านหลังที่เรามองไว้ก็ยังเป็นหลังที่เราชอบที่สุดอยู่ก็สามารถจองในวันนั้นได้เลย
จะได้ได้บ้านที่ถูกใจ พร้อมโปรโมชั่นที่พิเศษกว่าปกติด้วย