Edit ดราม่า! รูปปั้น ‘พญานาคองค์พญาศรี 3D’ แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ไม่เข้ากับธรรมชาติ ดราม่า! รูปปั้น ‘พญานาคองค์พญาศรี 3D’ แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ไม่เข้ากับธรรมชาติ นับว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่น่านใจมากๆเลยทีเดียว สำหรับ วัดพระพุทธบาทภูมโรรมย์ จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งจุดเด่นของที่นี่คือ “องค์พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช” รูปปั้นพญานาค 3 มิติที่สูบลิบกว่า 20 เมตร และเพิ่งสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2561 ที่ผ่านมานี้เอง ขอบอกเลยว่าเป็นรูปปั้นที่งดงามวิจิตรตระการตามากๆ และเมื่อ เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2561 เวลา 09.09 น. ที่บริเวณ พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปานนาคราช วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ อำเภอเมืองมุกดาหาร ดร.ไพฑูรย์ รักษ์ประเทศ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานในพิธีบวงสรวง “พญาศรีมุกดามหามุนีนิลปาลนาคราช” (องค์พญานาค) ซึ่งก่อสร้างบริเวณพื้นที่วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ เนื่องในวาระเฉลิมฉลองการก่อตั้งวัดฯ ครบ 100 ปี และเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 36 ปี จังหวัดมุกดาหาร ในวาระการขับเคลื่อนโครงการ 36 กิจกรรม 36 ปี จังหวัดมุกดาหาร สนองนโยบายรัฐบาลภายใต้วิสัยทัศน์ประเทศไทย “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” โดยคำนึงถึงเอกลักษณ์และวิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำโขงให้คงอยู่สืบไป และเป็นแลนด์มาร์คอีกแห่งของจังหวัดมุกดาหาร โดยมีหัวหน้าสำนักงานจังหวัด ผอ.สนง.พระพุทธศาสนาจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ตลอดจนชาวมุกดาหารและจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งประชาชนจาก สปป.ลาว ร่วมในพิธีจำนวนมาก ใครที่สนใจสามารถไปเที่ยวชมกันได้แล้ว ว่าแล้วเรามาทำความรู้จักกับวัดนี้กันดีกว่า วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 5 ตำบลศรีบุญเรือง อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ห่างจากตัวเมืองมุกดาหารไปทางทิศใต้ ประมาณ 5 กิโลเมตร ไปตามเส้นทางมุกดาหาร-ดอนตาล ทางหลวงหมายเลข 2034 ประมาณ 2 กิโลเมตร มีทางแยกขวามือตามถนนตัดใหม่ สายบ้านมโนรมย์ – ถนนวงแหวนรอบนอก มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ อยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติมุกดาหาร ที่แห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คใหม่แห่งใหม่ของ จ.มุกดาหาร พญานาค 3D “องค์พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปา นาคราช” ขนาดความยาว 122 เมตร ส่วนหัวสูง 20 เมตร สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อ วันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2561 ตั้งอยู่ในบริเวณ วัดพระพุทธบาทภูมโนรมย์ อ.เมือง จ.มุกดาหาร พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช โดยให้มีลักษณะคล้ายกับคำบอกเล่าของพระราชมุกดาหารคณี ที่เคยพบงูลำตัวใหญ่สีดำนิลในบริเวณวัด เมื่อปี 2525 ความโดดเด่นของประติมากรรมชิ้นนี้ ก็คือการใช้เทคนิคไล่สี ให้ดูมีมิติ โดยเฉพาะเมื่อมองจากมุมสูง ยามต้องแสงแดด จะเห็นถึงความสวยงาม อัศจรรย์ ราวกับมีชีวิต นอกจากจะได้ชมความวิจิตรงดงามแล้ว ทางวัดยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้สักการะองค์พญานาค ด้วยการตั้งจิตภาวนา เดินลอดท้องพญานาคทั้ง 7 ช่อง ก่อนนำดอกไม้ธูปเทียนบูชา และผูกผ้าแดงเพื่อความเป็นสิริมงคล จากจุดนี้ยังสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองมุกดาหาร แม่น้ำโขง และสะพานมิตรภาพไทยลาวได้อีกด้วย โบราณสถานและโบราณวัตถุในวัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ พระธาตุภูมโนรมย์ เป็นพระธาตุทรงแปดเหลี่ยมมีเอวเป็นฐานหักเชิงเป็นรูปแปดเหลี่ยมรัศมีประมาณ 2.5 เมตร เป็นรูปทรงปลีแบ่งเป็น 3 ท่อนคือเป็นลักษณะปริศนาธรรม ตามความหมายแรกเป็นนรกภูมิ ฐานที่สองเป็นโลกภูมิซึ่งมาก และสุดท้ายเป็นสวรรค์ภูมิ ความสูง 4.5 เมตร พระอังคารเพ็ญ เป็นพระพุทธรูปขนาดเล็กสร้างพร้อมพระพุทธบาท เพื่อให้ครบคือพระธาตุ พระพุทธรูปและพระบาทตามความเชื่อของผู้สร้าง บันทึกการสร้างวัดจำนวน 1 แผ่น ติดอยู่หลังของพระอังคารเพ็ญ รอยพระพุทธบาทจำลอง เป็นรอยพระพุทธบาทขนาดเล็ก ซึ่งสร้างขึ้นจากหินทราย มีความกว้าง 80 เซนติเมตร ความยาว 1.8 เมตร สร้างเป็นลักษณะลอยตัวสูงขึ้นจากพื้นประมาณ 90 เซนติเมตร เมื่อปีพุทธศักราช 2525 เจ้าคณะอำเภอเห็นว่าวัดดังกล่าวเป็นวัดร้าง จึงได้มอบหมายให้ เจ้าคณะอำเภอพระครูอุดมธรรมรักษ์ (หลวงตายอด) ได้มีการบูรณะบำรุงรักษาและป้องกันการทำลายโบราณสถานดังกล่าว และยังมีโครงการสร้างพระพุทธสิงห์สองจำลอง ความสวยงามบนภูมโนรมย์ นับได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามและอยู่ใกล้ตัวเมืองมุกดาหารก็ว่าได้ โดยเฉพาะในช่วงเช้าจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพตัวเมืองมุกดาหาร แม่น้ำโขง สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) และหอแก้วมุกดาหารได้ อย่างสวยงาม การดำริสร้างพญานาคราชวัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ มีตำนานเล่าขานกันมาว่ามีถ้ำแห่งหนึ่งชื่อว่าคำมะเขือเถื่อน มีลักษณะปากถ้ำเล็กๆ พอลอดลงไปได้ เมื่อเดินเข้าไปลึกภายในถ้ำ จะขยายออกกว้างใหญ่ขึ้น เมื่อเดินลึกเข้าไปเรื่อยจะมีเสียงน้ำไหล ไม่ปรากฏว่ามีใครเดินเข้าไปจนสุดได้ สันนิษฐานว่าจะทะลุถึงแม่น้ำโขง เพราะมีคนพบเห็นเรือโบราณมาเกยตื้นในถ้ำ จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ว่าในถ้ำคนที่เคยเข้าไปพบสิ่งของมีค่า เช่น พระพุทธรูปทองคำ หน่อไม้ทองคำ แก้วแหวนเงินทองต่างๆ มีบางคนเข้าไปแล้วพบเจอ ก็พากันหยิบใส่สะพายย่าม พอไปถึงบ้านเปิดออกมามีแต่ก้อนหิน จนมาถึงสมัยพระราชมุกดาหารคณี ( หลวงตายอด ยสชาโต) ขึ้นมาปฏิสังขรณ์พัฒนาวัด ได้พาญาติโยมทำฝายกั้นน้ำถัดจากถ้ำลงไป เพื่อนำน้ำมาใช้ในวัด ขณะที่พากันขุดดินถมคันกั้นฝายนั้น ได้มีงูใหญ่ตัวสีดำนิล ขนาดยาว ประมาณ 10 เมตร เรื้อยมาที่บริเวณใกล้ๆ กับที่ชาวบ้านทำงานอยู่ เมื่อผิวถูกแสงแดดผิวมันระยับสีงามแปลกตาชูคอดูชาวบ้านทำงาน สร้างความตะลึงแก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก แล้วงูก็ค่อยๆเลื้อยไปดื่มน้ำที่บ่อน้ำทิพย์ แล้วเลื่อยกลับเข้าไปในถ้ำ ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านก็ไม่กล้าเข้าไปในถ้ำอีกเลย พระราชมุกดาหารคณี ( หลวงตายอด ปัจจุบันได้มรณภาพแล้ว ) ได้เล่าให้ฟังว่า พญานาคที่ถ้ำนี้ได้เกิดความเลื่อมใสในปฏิปทาหลวงตาได้ขอบวช แต่หลวงตาบวชให้ไม่ได้เพราะเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่ก็ทนรบเร้าของพญานาคไม่ได้ จึงได้มอบบาตรและผ้าไตรจีวรบวชเพียงสามเณรให้ และตั้งชื่อให้ว่าสามเณรเงาะ พอท่านบวชเณรแล้วได้สนทนาธรรมกับหลวงตาพอประมาณ เพื่อได้เป็นแนวทางข้อปฏิบัติแล้ว ได้ลาหลวงตาลงไปจำศีลในถ้ำ ต่อมาต้นไม้หว้าต้นใหญ่ที่อยู่ปากถ้ำก็โค่นลงปิดปากถ้ำ ทำให้ไม่สามารถเข้าไปได้อีกเลยตั้งแต่บัดนั้น หรืออาจพญานาคได้บวชแล้วอยากบำเพ็ญสมณธรรมอย่างสงบไม่อยากให้ใครรบกวนจึงบันดาลให้ปิดปากถ้ำเสีย จนต่อมามีการก่อสร้างพระพุทธรูปเฉลิมพระเกียรติฯ (พระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันจึงดำริสร้างพญานาคราชขึ้นเพื่อขึ้นมาถวายการอภิบาลรักษาพระใหญ่ และเป็นที่เคารพสักการะ ขนาดความยาว 122 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางลำตัว 1.50 เมตร ลำคอสูง 20 เมตรและตั้งชื่อให้ว่า พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช ( พญานีลปาลนาคราช ผู้ถวายการอภิบาลพระมหามุนีพุทธเจ้าพระนามว่าศรีมุกดาหาร) เมื่อสร้างสำเร็จในวันเสาร์ ที่ 28 เดือนเมษายน พุทธศักราช 2561 มีปราชญ์รจนาคำบูชาว่า ดังนี้ กาเยนะ วาจายะ วะ เจตสา วา / สิริมุตตามะหามุนินีละปาละนาคัง / อิทธิเตชะพะลัง อะหัง วันทามิ สัพพะโส / สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิลาโภ ชะโย นิจจัง สะทา โสตถี ภะวันตุ เม ฯ งค์พญานีลปาลนาคราช ผู้ถวายการอภิบาลพระมหามุนีพุทธเจ้าพระนามว่าแก้วมุกดาศรีไตรรัตน์ ผู้มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ มีเดชมีอำนาจ มีพละกำลัง ด้วยกาย วาจา ใจ ขอความสำเร็จแห่งหน้าที่ การงาน ลาภสักการะ ความชำนะทั้งมวล จงสำเร็จในกาลทุกเมื่อเทอญ ฯ