Home »
Uncategories »
ไม่ได้เอาไว้แค่โรยหน้า ผักชี สรรพคุณขึ้นชื่อ ความดีเลื่องลือถึงต่างชาติ
ไม่ได้เอาไว้แค่โรยหน้า ผักชี สรรพคุณขึ้นชื่อ ความดีเลื่องลือถึงต่างชาติ
ผักชี เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็กในวงศ์ Apiaceae ใบติดกับลำต้น
มีใบย่อยเป็นจำนวนมาก ใบหยักลึกเข้าหากลางใบ ดอกช่อ ดอกย่อยสีขาวอมชมพู
ผลมีลักษณะรี ค่อนข้างกลม แก่จัดเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล มีเมล็ด 2 เมล็ด
ใช้รับประทานเป็นผัก และตกแต่งในอาหารหลายชนิด เช่น ใส่ในลาบ ก้อย แหนมสด
รากผักชีใช้เป็นส่วนประกอบในน้ำพริกแกง ใส่ในทอดมัน ห่อหมก น้ำจิ้ม
เมล็ดใช้เป็นเครื่องเทศ ใส่ในน้ำพริกแกง แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ผักชี
มีดีกว่านั้น ไปดูกันเลย
ผักชี สรรพคุณดียังไง ทำไมคนญี่ปุ่นถึงฮิตกินผักชีหนักมาก มาทำความรู้จักประโยชน์ของผักชี ผักดี ๆ ใกล้ตัวเรากันค่ะ
กลิ่นและสีของผักชีมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน
และค่อนข้างแรงจนหลายคนอาจรู้สึกยี้ผักชนิดนี้เข้าอย่างจัง ทั้ง ๆ
ที่สรรพคุณของผักชีเรียกได้ว่าดีตั้งแต่รากยันใบ
ดังนั้นต่อไปหากเจอผักชีอยู่ในจานอาหารก็อย่าเพิ่งเขี่ยทิ้งนะคะ
เพราะขนาดคนญี่ปุ่นยังฮิตกินผักชีจนเกิดกระแสผักชีฟีเวอร์
แล้วบ้านเราซึ่งหากินผักชีได้ง่ายมาก ๆ เจอแทบจะทุกเมนูแบบนี้
จะพลาดผักชีให้อายคนญี่ปุ่นไปทำไมกันล่ะเนอะ
ผักชี สมุนไพรมีดีที่อยากให้รู้จัก
ผักชี หรือภาษาอังกฤษว่า Coriander
เป็นไม้ล้มลุกที่มีสีเขียวตลอดทั้งต้น ยกเว้นรากที่เป็นสีขาว
มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน อินเดีย และเอเชียตะวันตก
จึงพบผักชีได้ในประเทศอินเดีย โมร็อกโก
ส่วนในไทยจะปลูกผักชีกันมากในจังหวัดราชบุรี นครปฐม และกรุงเทพมหานคร
ผักสมุนไพรชนิดนี้คนไทยเราคุ้นกลิ่นและคุ้นเคยกันดีเพราะส่วนใหญ่มักจะนำผักชีมาเป็นผักโรยหน้าอาหาร
บ้างก็นำรากผักชีหรือเมล็ดผักชีไปตำเป็นเครื่องปรุงส่งกลิ่นหอม ๆ
แต่รู้หรือไม่ว่าประโยชน์ของผักชีมีดีกว่ากลิ่นและสีสันเขียว ๆ อีกเยอะ
จนฮิตฮอตไปไกลถึงต่างประเทศ โดยเฉพาะความฮิตของผักชีที่ประเทศญี่ปุ่น
ผักชี สรรพคุณมีอะไรบ้าง
ประโยชน์ของผักชีที่อยากให้รู้กันอย่างชัดเจน
เราจะแยกเป็นสรรพคุณทางยาของผักชีตามภูมิปัญญาพื้นบ้าน
และประโยชน์ของผักชีตามฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ดังนี้
สรรพคุณทางยาของผักชีตามภูมิปัญญา
ผักชีมีสรรพคุณดี ๆ แทบจะทุกส่วน เริ่มจากส่วนใบผักชี ลำต้น เมล็ดผักชี และราก ตามนี้
– ใบผักชี ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย แก้อาการกระหายน้ำ แก้ไอ แก้หวัด
บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน แก้อาการวิงเวียนศีรษะ รักษาอาการอาหารเป็นพิษ
และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
– เมล็ดผักชี แก้ปวดฟัน รักษาแผลในปาก และผลผักชียังสามารถแก้บิด
แก้อาการถ่ายเป็นเลือด ถ่ายเป็นมูก แก้ริดสีดวงทวาร
และบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ด้วย
– ต้นสด มีรสเผ็ด ช่วยขับผื่นหัดให้ออกเร็วขึ้น ขับเหงื่อ ขับลม ช่วยให้เจริญอาหาร ละลายเสมหะ และรักษาโรคริดสีดวงทวาร
– รากผักชี ใช้เป็นน้ำกระสายยา ช่วยขับพิษไข้หัว ไข้อีดำอีแดง รักษาหิด และอีสุกอีใส
วิธีและปริมาณที่ใช้ผักชีเป็นยา
ใช้ต้นผักชีแห้ง 10-15 กรัม หรือต้นสด 60-150 กรัม มาต้มเอาน้ำมาดื่ม
หรือคั้นน้ำผักชีมาดื่ม หากใช้ภายนอกให้เอาน้ำต้มผักชีมาชะล้าง
หรือนำผักชีต้มมาตำและพอกให้ทั่ว หรือหากจะใช้เมล็ดผักชีแก้ปวดฟัน
รักษาแผลในปาก ให้นำเมล็ดผักชีต้มน้ำ แล้วเอาน้ำผักชีมาบ้วนปากบ่อย ๆ
ทั้งนี้เราสามารถรับประทานผักชีเพื่อบำรุงสุขภาพในขนาดที่ใช้ประกอบอาหารตามปกติได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่นะคะ
ข้อควระวัง
สำหรับคนที่มีประวัติแพ้พืชวงศ์ผักชี (Apiaceae) หรือแพ้คื่นช่าย
ยี่หร่า เทียนข้าวเปลือก เทียนสัตตบุษย์ กระเทียม และหอมใหญ่
ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผักชี เพราะผักชีอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น
เป็นผื่นแพ้ ทำให้ผิวไวต่อแสงแดด เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนัง
เยื่อบุจมูกและตาอักเสบจากภูมิแพ้ รวมไปถึงอาการหลอดลมเกร็งตัวได้
อย่างไรก็ตาม ผักชีเป็นผักที่มีกลิ่นฉุน จึงไม่ควรกินผักชีในปริมาณมาก
เพราะอาจทำให้มีกลิ่นตัวแรงขึ้น หรือหากกินผักชีในปริมาณมาก ๆ
ก็อาจทำให้เกิดอาการตาลาย ลืมง่ายขึ้นด้วย
ประโยชน์ของผักชีเชิงวิทยาศาสตร์
ก่อนจะไปถึงสรรพคุณของผักชี เรามาดูคุณค่าทางโภชนาการของผักชีสดในปริมาณ 100 กรัมกันก่อนดีกว่า
ผักชีสด 100 กรัม มีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้
– คาร์โบไฮเดรต 3.67 กรัม
– น้ำตาล 0.87 กรัม
– เส้นใย 2.8 กรัม
– ไขมัน 0.52 กรัม
– โปรตีน 2.13 กรัม
– วิตามินเอ 337 ไมโครกรัม
– เบต้าแคโรทีน 3,930 ไมโครกรัม
– ลูทีนและซีแซนทีน 865 ไมโครกรัม
– วิตามินบี1 0.067 มิลลิกรัม
– วิตามินบี2 0.162 มิลลิกรัม
– วิตามินบี3 1.114 มิลลิกรัม
– วิตามินบี5 0.57 มิลลิกรัม
– วิตามินบี6 0.149 มิลลิกรัม
– วิตามินบี9 62 ไมโครกรัม
– วิตามินซี 27 มิลลิกรัม
– วิตามินอี 2.5 มิลลิกรัม
– วิตามินเค 310 ไมโครกรัม
– แคลเซียม 67 มิลลิกรัม
– เหล็ก 1.77 มิลลิกรัม
– แมกนีเซียม 26 มิลลิกรัม
– แมงกานีส 0.426 มิลลิกรัม
– ฟอสฟอรัส 48 มิลลิกรัม
– โพแทสเซียม 521 มิลลิกรัม
– โซเดียม 46 มิลลิกรัม
– สังกะสี 0.5 มิลลิกรัม
อย่างไรก็ตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยังระบุสรรพคุณของผักชีได้แค่ในหนูทดลอง
แต่ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาในคน ทว่าจากการศึกษาสรรพคุณของผักชีก็พบว่า
ส่วนผลผักชี น้ำมันหอมระเหยจากผลผักชี ส่วนใบ และส่วนต้น มีประโยชน์ตามนี้
1. ต้านอนุมูลอิสระ แบคทีเรีย และเชื้อรา
คนญี่ปุ่นฮิตกินผักชีตรงส่วนใบและส่วนต้นผักชีนี่ล่ะค่ะ
ซึ่งจากการศึกษาก็พบว่า
ใบและต้นของผักชีประกอบไปด้วยสารกลุ่มที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดี
อันได้แก่ สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (flavonoids) สารกลุ่มแลคโตน (lactones)
สารกลุ่มฟีโนลิก สารกลุ่มแทนนิน และสารกลุ่มแคโรทีนอยด์
นอกจากนี้ยังพบว่าใบผักชีและต้นผักชีอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ด้วยนะคะ
ทั้งนี้ มีงานวิจัยหลายฉบับที่พบว่า
ส่วนใบและลำต้นผักชีมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง
มีสรรพคุณต้านอาการชักและต้านการถูกทำลายของเซลล์สมอง ต้านแบคทีเรีย
เชื้อรา และมีฤทธิ์ช่วยย่อยในระบบทางเดินอาหาร
2. กระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้
ผลแก่ของผักชีเป็นเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอม สามารถนำไปประกอบในตัวยา
ใช้แต่งกลิ่นอาหาร
มีฤทธิ์กระตุ้นต่อมกระเพาะอาหารและลำไส้ให้ขับน้ำดีและน้ำย่อยออกมามากขึ้น
อีกทั้งในส่วนน้ำมันหอมระเหยจากผลผักชีแก่ยังพบว่ามีสารยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้
3. ลดน้ำตาลในเลือด
ผลผักชีและสารสกัดจากผลผักชีมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
และสามารถใช้ร่วมกับยาลดระดับน้ำตาลในเลือดอย่าง glimepiride, glyburide,
insulin, pioglitazone และ rosiglitazone
เพื่อเสริมประสิทธิภาพตัวยามากขึ้นก็ได้ค่ะ
4. ลดความดันเลือด
นอกจากผักชีจะมีสรรพคุณลดระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว
ผลการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของผลและเมล็ดผักชียังพบว่า
ส่วนของผักชีดังกล่าวมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตได้
และสามารถเสริมประสิทธิภาพให้ยาลดความดันโลหิต เช่น captopril, enalapril,
losartan, valsartan, diltiazem, amlodipine, hydrochlorothiazide และ
furosemide ทำงานได้อย่างเต็มที่มากขึ้นด้วย
5. ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งที่มาจากการบริโภคอาหารปิ้งย่าง
ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Clinical Nutrition เผยว่า
เครื่องเทศรสเผ็ดร้อนอย่างผักชีมีส่วนช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็งกลุ่มแอทเทอโรไซคลิกเอมีน
หรือ HCAs ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่เกิดจากการประกอบอาหารประเภทปิ้งย่างได้
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Food Science
ที่ได้ผลการศึกษาไปในทางเดียวกันด้วย
6. ต้านอาการอักเสบและบำรุงสายตา
จะเห็นได้ว่าผักชีสด 100 กรัม มีเบต้าแคโรทีนมากถึง 3,930 ไมโครกรัม
ทั้งยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด ซึ่งตรงกับการศึกษาของ
Plant Foods for Human Nutrition ที่ระบุว่า
สารต้านอนุมูลอิสระที่สูงมากของผักชีมีส่วนช่วยต้านการอักเสบของเซลล์ในร่างกายได้
พร้อมทั้งเบต้าแคโรทีนยังมีส่วนช่วยบำรุงการทำงานของดวงตาได้ดีอีกด้วย
สรรพคุณของผักชีมีดีขนาดนี้ก็เชื่อว่าหลายคนชักอยากจะปลูกผักชีกินเองที่บ้านบ้างแล้วแน่
ๆ ถ้างั้นมาดูวิธีปลูกผักชีที่เรานำมาฝากกันได้เลย
วิธีปลูกผักชี
– วิธีปลูกผักชีในกระถาง หยิบรับประทานง่าย
– วิธีปลูกผักชีในน้ำ ปลูกผักสวนครัวไร้ดินไว้กินเองที่บ้านง่าย ๆ
ข้อควรระวัง
ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรทานมาก เพราะผักชีมีโพแทสเซียมสูง อาจเป็นอันตรายได้
ส่วนที่มีข้อมูลแชร์กันว่า
ให้ดื่มน้ำผักชีต้มหรือปั่นทุกวันจะช่วยล้างไตให้สะอาดได้นั้น
เรื่องนี้ก็ไม่เป็นความจริงนะคะ หากป่วยโรคไตไม่ควรทำตามเด็ดขาด
เพราะเป็นอันตรายกับสุขภาพได้เลย
แหล่งทีี่มา : kapook