10 วิธี เปลี่ยนผู้หญิงธรรมดา ให้น่ารัก มีเสน่ห์

10 วิธี เปลี่ยนผู้หญิงธรรมดา ให้น่ารัก มีเสน่ห์

ว่ากันว่า ต่อให้เราหน้าตาดี ผิวพรรณงามเพียงใด แต่หากขาด เสน่ห์ แล้ว
ก็กลายเป็นคนที่ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมหรืออยู่ใกล้ๆ
รู้ไหมว่านิสัยเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันนี่แหละ
เป็นตัวช่วยสร้างเสน่ห์ในตัวคุณได้ดียิ่งกว่าอะไรเสียอีก

1.โปรยยิ้มยามเช้า : เริ่มเช้าวันใหม่ด้วยการทักทายคนอื่นก่อน
เมื่อพบคนคุ้นเคย คุณควรจะทักเขาก่อนที่เขาจะเห็นคุณ
และหากบังเอิญหันมาเจอกันพอดี ก็ควรส่งยิ้มให้เขาก่อน
การทักทายคนอื่นก่อนจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเขาเป็น “ใครบางคน”
ที่มีความหมายและมีความสำคัญ และนี่คือวิธีสร้างเสน่ห์
แก่ผู้พบเห็นอย่างง่ายๆ โดยที่คุณไม่ต้องลงทุนอะไรเลย

2. จดจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยๆ : รู้ไหมว่า การจดจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ
เกี่ยวกับตัวของคนรอบข้าง เช่น ชอบกินอะไร ไม่ชอบทำอะไร มีงานอดิเรกอะไร
เป็นวิธีการง่าย ๆ ที่แสดงให้คนรอบข้างคุณเห็นว่า คุณกำลังใจใส่ใจเขาอยู่
คุณอาจแวะซื้อขนมเจ้าอร่อยไปฝากเพื่อนร่วมงาน
เพราะจำได้ว่าเป็นของโปรดที่เขาอยากกินมานาน…
แค่นี้ก็สร้างความประทับใจให้ได้ไม่ยากแล้ว



3.เอ่ยคำชม : การพูดชมหรือขอบคุณแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับบางคน
แต่สำหรับบางคนกลับถือเป็นเรื่องพิเศษ เมื่อใครทำอะไรดีๆ ให้
ไม่ว่าจะเป็นรปภ. ที่คอยโบกรถให้ แม่บ้านประจำสำนักงาน
หรือบริกรที่นำอาหารมาเสิร์ฟ ฯลฯ เพียงคุณเอ่ยคำว่า “ขอบคุณ”
ก็จะสามารถสร้างมิตรภาพและความประทับใจให้อีกฝ่ายหนึ่งได้แล้ว

4.ยินดีอย่างจริงใจ : เมื่อคนที่คุณรู้จักประสบความสำเร็จหรือมีข่าวดี
สิ่งที่ควรทำคือแสดงความยินดีกับเขา ยิ่งเป็นคนที่สนิทมากเท่าไร
เขายิ่งอยากให้คุณแบ่งปันความดีใจกับเขามากเท่านั้น
ในทางพุทธศาสนา การแสดงความยินดีถือเป็นการแสดงมุทิตาจิต
ซึ่งหมายถึงว่าผู้พูดมีกุศลจิตที่ดี และเมื่อเรามีกุศลจิตที่ดีต่อผู้อื่น
สิ่งดีๆ ย่อมจะสะท้อนกลับมาหาเราเอง

5.หมั่นอธิษฐานขอพรให้คนอื่น : เวลาสวดมนต์ไหว้พระหรือเข้าวัดทำบุญ
เรามักจะอธิษฐานขอพรให้ตัวเอง คราวต่อไปลองอธิษฐานขอพรให้คนอื่นด้วย
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนรัก ญาติพี่น้องเจ้านาย คนที่คุณนับถือ
หรือแม้แต่คนที่คุณ (แอบ)รัก คนที่คอยห่วงใยและมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น
แม้เขาอาจไม่รู้ว่าคุณขอพรให้เขา แต่เชื่อเถอะว่า ในใจคุณจะมีแต่ความสุข



6. อย่า “อะไรก็ได้” : คุณเคยเจอคนที่ไม่เคยตัดสินใจด้วยตัวเองแม้แต่เรื่องง่ายๆ ไหม
อย่างเวลาไปร้านอาหารก็จะบอกว่า “อะไรก็ได้” คนประเภทนี้ มักเป็นคนอ่อนแอ
ไม่เด็ดขาดและถูกโน้มน้าวได้ง่าย เพราะเห็นดีเห็นงามตามคนอื่นเสมอ
ควรรู้จักเลือกและรู้จักคิดเอง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สะท้อนไปถึงการตัดสินใจ
ในเรื่องใหญ่ได้ในอนาคตคนที่เรียนรู้และฝึกฝนในการเลือกมากเท่าไร
ก็จะยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น

7. ฟังอย่างตั้งใจ : การฟังคือการฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง คนที่รู้ตัวว่ามีคนกำลังพูดกับตัวเองอยู่
แต่ไม่สามารถตั้งใจฟังได้ ชอบเหม่อลอยหรือใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เวลาเกิดเรื่องคับขันจะไม่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้
การฝึกควบคุมสมาธิจะช่วยให้มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
และยังพัฒนาความสามารถในการติดต่อกับผู้อื่นด้วย
ฉะนั้นเมื่อไรที่มีคนมาพูดกับคุณ ลองตั้งใจฟังเขา โดยไม่พูดแทรก
ไม่ด่วนตัดสิน แต่ฟังให้ได้ยินสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ
แล้วคุณจะเป็นคนที่มีเสน่ห์ขึ้นมากทีเดียว

8. สิ่งใดที่ยังไม่ลงมือทำ อย่าเพิ่งมองหาข้อผิดพลาด : บางคนเมื่อได้รับข้อเสนอ
หรือได้รับมอบหมายงานมา มักจะมองหาข้อผิดพลาดหรือหาเหตุผลของความล้มเหลวไว้ก่อน
หรือแม้บางทีที่เป็นคนตัดสินใจเอง แต่กลับคิดว่าจะต้องมีข้อผิดพลาดทั้งที่ยังไม่ได้ลงมือทำ
สิ่งนี้จะบ่มเพาะนิสัยไม่จริงใจกับงาน มัวแต่หาเหตุผลมากลบเกลื่อนความไม่จริงจังของตัวเอง
คนที่คิดหาแต่วิธีเอาตัวรอดจะไม่สามารถภูมิใจในตัวเองได้ เพราะฉะนั้นลองทำดู
ให้เห็นจริงก่อนและเมื่อเกิดอุปสรรค จงใช้ปัญญาก้าวข้ามมันไปให้ได้
สิ่งนี้ที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จและมีความนับถือตัวเองมากขึ้น
เมื่อคุณนับถือตัวเองแล้ว ทำไมคนอื่นจะไม่นับถือคุณล่ะ



9.อย่ามองว่าการมาสายใครๆ เขาก็ทำกัน : เคยสังเกตไหมว่าเวลามีนัดกับเพื่อน
คนที่มาเช้าก็จะมาเช้าเสมอ ส่วนคนที่มาสายก็จะมาสายประจำ
คนที่รู้จักเกรงใจจะต้องขอโทษคนที่มารอก่อน และจะมาเช้าขึ้นในคราวหน้า
เพื่อที่จะไม่ต้องให้คนอื่นมารออีก สิ่งสำคัญอยู่ที่จิตสำนึก
คนที่มองว่าการมาสายเป็นเรื่องธรรมดา และมาสายแล้วสายอีกนั้นแสดงถึง
การขาดความรับผิดชอบและยังสะท้อนถึงการขาดความเคารพต่อผู้อื่นด้วย
หากไม่อยากสูญเสียความน่าเชื่อถือ มีนัดหมายเมื่อไรไปให้ทันหน่อยเถอะ

10.จงเรียนรู้การรับคำขอโทษจากคนอื่น : ขณะที่คุณไม่พอใจหรือโกรธใครบางคน
และเขาเป็นฝ่ายเข้ามาขอโทษ หากคุณทำปั้นปึ่ง อาจทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่เข้าไปอีก
วิธีง่ายๆ ที่อยากแนะนำคือ ลดทิฐิและทนฟังเขาพูดให้จบ โดยไม่ขัดหรือพยายามหาข้อโต้แย้ง
เพราะการเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอโทษไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก
หากคุณเรียนรู้ที่จะรับคำขอโทษและให้อภัยได้ คุณคือผู้ที่เข้าถึงหลักพรหมวิหารสี่
และจะเป็นผู้ที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง

เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็ทำให้คุณเป็นคนที่น่ารักมากๆ ได้ ลองดูนะ

ขอบคุณแหล่งที่มา – Goodlife Update