ภัยแฝงจาก “น้ำยาปรับผ้านุ่ม” ที่เรานั้นไม่เคยรู้มาก่อน…อันตรายกว่าที่คิด

น้ำยาปรับผ้านุ่ม เชื่อว่าแม่บ้านถูกๆ บ้านนั้นต้องใช้ซักผ้ากันอย่างแน่นอน ใช้กันอย่างเป็นประจำถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกบ้านนั้นต้องมี เพราะมันสามารถทำให้เสื้อผ้าของคุณนั้นนุ่มและมีกลิ่นหอมได้ แถมยังมีกลิ่นหลากหลายมากมายให้เลือก แต่รู้หรือไม่คะว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มที่เราใช้ใช้กันอยู่นั้น มันมีอันตรายแฝงอยู่ด้วย ภัยร้ายของน้ำยาปรับผ้านุ่มน้ำจะเป็นอย่างไรตามมาดูกันได้เลยค่ะว่ามันมีอันตรายอย่างไรบ้าง??

โดยได้มีคำบอกเล่าจากหมอนอกกะลาตอนชำแหละน้ำยาปรับผ้านุ่ม ได้กล่าวไว้ว่าดังนี้

“ผมขอให้ภรรยาหยุดการใช้สารเคมีใดๆในบ้าน เธอก็ไม่ยอมเชื่อสักที ก็เลยหาคำอธิบายให้เธอเข้าใจว่ามันทำอะไรกับเราและคนที่รักเราบ้าง และที่บ้านผมก็มีทั้งลูกชายและลูกสาว ผมก็ไม่อยากให้ลูกสาวผมใจแตกก่อนวัย และลูกชายก็ยังคงเป็นผู้ชายที่ขี้เกียจทำใจ เพราะน้ำมือของคุณแม่ของเขาเองเวลาลูกชายเกิดเปลี่ยนไป 4 เหตุคือมันออกฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเพศหญิง นั่นแหละครับ”

แล้วฮอร์โมนเพศหญิงเกี่ยวอะไร?

รู้หรือไม่ว่าในน้ำยาปรับผ้านุ่มนั้นมีฮอร์โมนเพศหญิงทั้งนั้นเลย เราก็เลยต้องหาข้อมูลกันนานเลยทีเดียวเพื่อปรับความดื้อรั้นของเธอให้ได้มองเห็นภาพในอนาคต ที่อาจจะเกิดกับทุกคนโดยหาสาเหตุไม่เจอแล้วก็ไปหายามาทำลายตับไตกันอีก แล้วคุณเคยเห็นฉลากไหมว่าเขาใส่อะไรลงไปบ้าง ถ้าไม่สังเกต ถ้างั้นก็ชวนมาดูกันเลย

ประโยชน์ของ น้ำยาปรับผ้านุ่ม

น้ำยาปรับผ้านุ่มนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เสื้อผ้าของเรานั้นมีความเรียบนุ่ม ป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิตช่วยให้ดีได้ง่ายลดการยับของผ้า จึงทำให้สิ่งสกปรกติดเนื้อผ้าได้ยากขึ้นและทำให้ผ้าเปียกน้ำยากขึ้น

และน้ำยาปรับผ้านุ่มก็มีการทำงานโดยการเคลือบผิวของเส้นใยผ้าที่มีชั้นวางของสารเคมี ซึ่งสารเคมีเหล่านี้จะมีคุณสมบัติในการหล่อลื่นทำให้เส้นใยนุ่มนวลและป้องกันการสะสมของไฟฟ้าสถิต แถมยังมีสารที่ทำให้เตารีดเกิดไฟฟ้าสถิตเล็กน้อยเพื่อให้เกิดแรงต้านทานระหว่างการรีดผ้า จึงช่วยลดรอยยับในเสื้อผ้าได้เล็กน้อย

ส่วนประกอบ ในน้ำยาปรับผ้านุ่ม

ส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยให้น้ำยาปรับผ้านุ่มมีคุณสมบัติก็คือ กดน้ำมัน ซึ่งกฎนี้ก็ยังคงทนอยู่ในเนื้อผ้าแม้ว่าการซักน้ำแล้วรีดแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือน้ำมันชนิดนี้อาจจะซึมเข้าสู่ผิวหนังของคุณหรือจากการสูดดมได้ค่ะ นอกจากนี้น้ำยาปรับผ้านุ่มยังประกอบไปด้วยสารเคมีที่เป็นอันตรายอีกหลายชนิดเลย ไม่ว่าจะเป็นเอทิลแอซีเตต เบนซิน เอซีเทต เบนซิน แอลกอฮอล์ เอทานอลและคลอโรฟอร์ม เมื่อสารเคมีเหล่านี้เราก็ต้องควบคุมให้ใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเพราะมันจะเป็นพิษต่อร่างกายของเรา ก่อให้เกิดการระคายเคืองและทำลายสุขภาพของเราได้ แถมยังมีพิษต่อระบบทางเดินหายใจทำให้เรานั้นรู้สึกเหมือนได้ รู้สึกเวียนศีรษะ ทำลายตับไต โรคโลหิตจาง มันมีผลกระทบต่อระบบประสาทและที่อันตรายที่สุดก็คืออาจจะทำให้เรานั้นเป็นมะเร็งได้ค่ะ

สารอันตรายทั้ง 5 ถ้าได้รับจะเป็นอย่างไรบ้าง??

1. สารเอทิลอะซิเตท สารนี้ไอระเหยของมันอาจจะทำให้เกิดอาการง่วงและเวียนศีรษะได้ค่ะ ทำให้เรานั้นเกิดการระคายเคืองที่ผิวหนังที่ตา และทางเดินหายใจ หากใครมีอาการเหล่านี้บ่อยๆก็ลองให้สังเกตตัวเองดูนะคะ ลองปรับเปลี่ยนการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มดู
2. สารคลอโรฟอร์ม ไอระเหยของมันจะทำให้ร่างกายของคุณนั้นหมดความรู้สึกหรือขั้นสรุปได้เลยค่ะ และไอระเหยของมันก็มีผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลางทำให้มีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ และถ้าเกิดคุณนั้นหายใจเอาสารที่มีความเข้มข้นสูงเข้าไปเป็นประจำทุกๆวันอาจจะทำให้คุณนั้นหมดสติและเกิดเสียชีวิตได้
3. สารเบนซิลแอลกอฮอล์ ถ้าเรานั้นหายใจเข้าไปจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อเมือก แถมยังทำให้ลำคอของเรานั้นอักเสบ มีการไอ และหายใจถี่รัวๆ เวียนศีรษะง่วงนอน หากถูกสัมผัสผิวหนังก็จะก่อให้เกิดการระคายเคืองมีผื่นแดงและเจ็บปวด ถ้าหากกลืนกินก็จะเกิดการระคายเคืองลำคออักเสบ ปวดท้องคลื่นไส้ ถ้าหากสัมผัสถูกตาก็จะทำให้ระคายเคืองตา ตาแดง เจ็บตาและตาพร่ามัวได้ เมื่อสารดูดซึมผ่านร่างกายทำให้ระบบประสาทส่วนกลางของเรานั้นทำงานผิดปกติ
4. สารเบนซิลอะซีเตท เมื่อเรานั้นหายใจเข้าไปจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อเยื่อเมือกมีอาการไอ เวียนศีรษะเมื่อสัมผัสทุกผิวหนังก็จะทำให้เกิดการระคายเคือง มีผื่นแดง หากสัมผัสถูกตาก็จะทำให้เกิดการระคายเคืองเช่นกัน มีอาการตาแดง เจ็บตา ตาพร่ามัวได้
5. มัสไซลีน สารนี้เป็นสารที่ทำให้ก่อเกิดมะเร็งซึ่งเป็นสารที่น่ากลัวมากๆเลยค่ะ

ดังนั้นเมื่อเราจะใช้ น้ำยาปรับผ้านุ่ม ก็ควรที่จะเลี่ยงการใช้ในปริมาณมากๆ หรือไม่ใช้เลยก็ดีค่ะเพราะมันมีสารต่างๆเหล่านี้อาจจะทำให้เรานั้นกรอบเป็นโรคต่างๆ ที่มีผลต่อกระทบต่อร่างกาย ทำให้ร่างกายของเรานั้นได้รับสารอันตรายเข้าไป เมื่อนานๆเข้าก็ส่งผลเสียต่อเราอย่างแน่นอน อาจจะเป็นอาการหนักเลยก็ได้ หากเรานั้นระวังหรือเลี่ยง ในการใช้ก็เป็นการป้องกันไว้ล่วงหน้าก็ดีค่ะ

ขอบพระคุณที่มา: samutpokdum