เปิดเผยรูปแบบ และ กลโกง ของร้านค้ามอเตอร์ไซค์

อยากจะเขียนเรื่องนี้จากจิตสำนึกของคนขายรถจักรยานยนต์คนหนึง ที่ไม่อยากเห็นการเอารัดเอาเปรียบกับคนที่ไม่มีความรู้เรื่องการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เงินผ่อน เอาไว้เป็นความรู้ให้เท่าทันร้านค้า
   หลายคนคงเคยเจอร้านค้าที่เอาเปรียบกับความไม่รู้ของลูกค้าที่ต้องการจะได้รถจยย.ไปขับขี่ บางคนนำไปใช้ขับขี่ทำงานหาเช้ากินค่ำ บางคนต้องใช้ขับขี่ไปทำงานเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายค่ารถ และประหยัดเวลาในสภาพจราจรติดขัดมากๆ แต่การซื้อรถจยย.คนนึงสมัยนี้กลับเจอร้านค้าที่เห็นแก่ได้ ฉกฉโอกาสกับคนไม่รู้ระบบซื้อรถเงินผ่อน หลอกลวงกินเงินของคนที่หาเช้ากินค่ำโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น
   วันนี้ผมจะแฉทุกเรื่องราวที่พอจะรู้ถึงกลโกงต่างๆให้ได้ทราบกัน

เริ่มที่ลักษณะการขายของร้านค้าทั่วไปมี 2 ประเภท
   1. ร้านที่เป็นเอเย่นของค่ายรถเช่น Honda  Yamaha
   2. ร้านที่ไม่เป็นเอเย่น
  ทั้ง 2 ประเภทแตกแตกกันตรงที่ราคาทุนของตัวรถ
- ร้านที่เป็นเอเย่นจะได้รถมาในราคาที่ถูกกว่า เพราะนำเข้าตรงจากบริษัทผู้ค้า ร้านประเภทนี้ก็ต้องมี    เงินถุงเงินถังถึงจะเป็นเอเย่นได้
- ร้านที่ไม่ได้เป็นเอเย่นก็จะมีต้นทุนราคารถที่แพงขึ้นมาอีกหน่อย เพราะต้องไปขอตัดจากร้านที่เป็น
   เอเย่นมาอีกที ซึ่งร้านที่เป็นเอเย่นก็ต้องขายสูงกว่าราคาที่ซื้อมาแน่นอน

   ต่อมาเรื่องทำเลที่ตั้งร้าน
ก็เป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่จะกำหนดราคารถ  ทำเลดีหน่อยต้นทุนค่าที่ก็ต้องสูง ถ้าซื้อที่เงินสดก็ยังดีจ่ายเท่าไหร่ต่อไปร้านก็เป็นของเรา แต่ร้านที่เช่าอยู่จะมีค่าเช่าที่สูงพอสมควรเลยล่ะ เดือนหนึ่งๆ อาจมีค่าเช่า + ค่าใช้จ่ายสูงถึงเป็นหลักหลายหมื่น - แสน / ต่อเดือนเลย
   มาถึงเรื่องการขาย
การหากำไรจากร้าน ร้านมีต้นทุนที่สูงไม่เบาเลย แต่ก็มีกำไรแต่ละคันไม่น้อยไปกว่ากันเลยเหมือนกัน
รถคันหนึ่งๆ จะมีกำไรมาก-น้อย อยู่ที่ลูกค้าซื้อแบบใหน เงินสด หรือ เงินผ่อน
   เงินสด - ร้านจะมีกำไรมาก-น้อยอยู่ที่ร้านประเภทใหน ถ้าเป็นเอเย่นก็จะมีกำไรมากกว่าเพราะมีต้นทุนถูกกว่า ( ถ้าขายในราคาตลาดเท่าๆกัน ) อยู่ที่คันละไม่ต่ำกว่า 3000 - 5000 โดยประมาณแล้วแต่ความนิยมของรถรุ่นนั้นในขณะนั้น นิยมมาก อยากได้มาก ราคาก็แพง แพงเพราะคนอยากได้ แต่ราคาต้นทุนไม่ได้แพงตามความนิยม ราคาต้นทุนจากบริษัทผู้ผลิตราคาเท่าไหร่ก็เท่านั้น เมื่อรถแต่ละรุ่นออกมาแล้ว ขายดี คนนิยมหรือไม่ ผู้ผลิตก็ไม่ได้ปรับราคา
ถ้าเป็นร้านที่ไม่ใช่เอเย่นก็จะมีกำไรต่อคันที่ลดหลั่นกันลงไปนิดหน่อย 1000 - 2000 บาท
เงินผ่อน - อันนี้ขึ้นอยู่กับไฟแนนซ์ฺเลย ไฟแนนซ์จะเป็นผู้กำหนดยอดจัดเช่าซื้อ กำไรที่ได้จะเป็นผลต่างจากราคาทุนเงินสด กับ ยอดจัดไฟแนนซ์ ซึ่งยอดจัดไฟแนนซ์จะมียอดที่สูงกว่าราคาทุนรถประมาณ 120 - 130% เช่นราคารถ 40000 บาท ยอดจัดจะประมาณ 48000 - 52000 แล้วแต่รุ่นรถตามความนิยม
ดังนั้นร้านขายรถ 1 คันถ้าขาย
เงินสด - จะได้กำไรคันละประมาณ 3000 - 5000 บาท
เงินผ่อน - จะได้กำไร 5000 - 12000 บาท
แต่! ร้านค้าก็มีค่าใช้จ่ายอยู่พอสมควร  มีอะไรบ้าง พรุ่งนี้มาต่อพร้อมแฉกลโกงแต่ละช๊อตว่ามีอะไรบ้าง    !!!!

มาต่อกับเรื่องเทคนิคการหลอกล่อเงินในกระเป๋าลูกค้า
ร้านแต่ละร้านจะดูเหมือนๆกันอย่างหนึ่งก็คือ ดูว่าลูกค้ารู้มากหรือไม่ โดยสังเกตจากถามเรื่องราคา ถามยอดจัด ถามดอกเบี้ย ถ้าถามแสดงว่าลูกค้ารู้มากพอควร การหลอกล่อก็มีเปอร์เซ็นต์น้อยลงไป แต่ก็จะไปหากินในแบบอื่นๆ
   มาดูวิธีการแต่ละวืธี ซึ่งด้วยกัน 2 แบบ คือแบบซื้อปรกติ กับ แบบเอารถเก่าไปเทิร์น
วิธีซื้อแบบปรกติ
-    รถติดป้าย “ ฟรีดาวน์ “ แต่ลูกค้าติดเงื่อนไขมีแบล๊คลิสอยู่เล็กน้อย ซึ่งอาจไม่มีผลกระทบ หรือมีผลกระทบกับเครดิตการซื้อบ้างแต่ไม่มากขนาดซื้อไม่ได้อันนี้ไฟแนนซ์อาจบอกให้มีดาวน์ประมาณ 5-10% จากยอดจัด เช่นรถราคา 40000 ต้องใช้เงินดาวน์ 5 % คือ 2000 บาท แต่ร้านอาจบอกว่าต้องมีดาวน์ 4000 บาท อย่างนี้ ยอดจัดเช่าซื้อ 40000 ควรจะเหลือยอดจัด 36000 แต่ไม่ใช่! กับเป็นยอดจัดตามไฟแนนซ์ 38000 แล้วอีก 2000 ล่ะ ครับ ร้าน-ไปแล้ว อย่างไม่รู้ตัว
-    วิธีต่อมา ติดป้าย “ ฟรีดาวน์ “ เดินเข้าไปถามบอกไม่ดาวน์เลยเอารถออกไปเลย ลูกค้าทำสัญญาเสร็จรับรถกลับบ้าน เออ จริงเว้ยไม่ต้องเสียเลยสักบาท  ถึงเวลาไปรับสำเนารถ ป้ายทะเบียนแผ่นเหล็ก ป้ายวงกลม นี่แหละถึงเวลาเช็คยอด พอมารับทะเบียน ร้านแจ้งมีค่าประกันรถหาย 3000 – 4500 , ค่าทะเบียน + พรบ. 2000 ค่านู๊น นี่ นั้น บลาๆๆๆ แล้วแต่จะคิดมาได้ ถามว่า! ทำไมไม่บอกตอนออกรถ ก็จะมีคำตอบออกมาว่า  บอกไปแล้วพี่ไม่ได้ยินมั้ง / ลูกค้าไม่ได้ถามก็เลยไม่ได้บอก มีกันทุกร้านเหมือนกันหมดแหละ / อ้าว! นึกว่าพนักงานขายบอกไปแล้ว ....... และอีกหลายข้ออ้าง แล้วลูกค้าไม่จ่ายได้มั้ย ? ได้.. แต่ก็จะยังไม่ได้รับป้ายวงกลม ป้ายแผ่นเหล็กไปในขณะนั้น จนกว่าจะมาจ่ายเงินที่ค้างทั้งหมด แต่วิธีนี้บางครั้งก็เก็บเลยนะตอนที่ทำสัญญาเสร็จแล้วจะเอารถออกจากร้านบอก “ รับรถได้ครับมีค่าใช้จ่ายงานทะเบียน + ค่าประกันรถหาย รวม 6000 บาทครับ  งง! สิครับ อย่างนี้ก็มีเหมือนกัน
-    วิธีต่อมา ลูกค้าอยากซื้อรถแล้วผ่อนน้อยๆ เลยหาเงินดาวน์มาเพื่อลดยอดกู้ให้น้อยลงเพื่อจะผ่อนให้น้อยลง เช่น ซื้อรถ ฮอนด้า เวฟ 110 สต๊าทเท้า ราคาเงินสดอยู่ที่ประมาณ 40000 – 43000 แล้วแต่ร้านจะตั้ง                                แต่ยอดจัดไฟแนนซ์ 47000 บาท บางไฟแนนซ์ 48000 บาท                                                                             สมมุติ ยอดจัด 47000 ผ่อน 36 ดอกเบี้ยทั่วๆไปก็ 1.99 % จะผ่อนตกเดือนละ 2245 บาท ลูกค้าตั้งใจมาดาวน์ 10000 บาท ถ้าร้านคิดตามจริง ยอดจัดจะเหลือ 37000 บาท ผ่อน 36 เดือนก็จะผ่อนแค่เดือนละ 1765 บาท แต่วิธีที่ร้านคิดไม่ใช่แบบนั้น @ เวลาลูกค้าไปซื้อรถมักถามว่าถ้ารถรุ่นนี้ดาวน์ 10000 นึง จะผ่อนเท่าไหร่ พอถามแบบนี้ ก็เข้าทางร้าน  ร้านจะคิดว่าจะกินฟรีเท่าไหร่ดี ถ้าเอาแบบเนียนๆ ก็ไม่ต้องเอาเยอะ เช่นเอาสัก 2000 บาท ก็เอาเงินที่เหลือ 8000 ไปลดยอดกู้ ยอดจัด 47000 – 8000 เหลือยอดจัด 39000 บาท ผ่อน 36 เดือนละ 1860 บาท กินเนียนๆ เงินเพิ่มจากยอดดาวน์ 10000 บาท มาแค่ 100กว่าบาท ลูกค้าไม่สงสัยเลย จากควรจะได้ผ่อนเดือนละ 1765 กลายเป็น 1860 เพราะยอดจัดหายไป 2000 บาท
กรณีมีรถเก่ามาเทิร์น อันนี้ยิ่งโคตรเนียน ตัวอย่าง ลูกค้าอยากเปลี่ยนรถ เอารถเก่าไปตระเวนถามราคามารถเก่าที่จะขายได้ประมาณ 12000 จนไปพบร้านนึง บอกจะซื้อรถเวฟ 110 สต๊าทมือ เอารถเทิร์น ร้านถามรถเทิร์นแล้วดาวน์หมดเลยมั้ย ลูกค้าบอกดาวน์หมดเลย ก็เข้าล๊อคร้านเลย ลูกค้าบอกรถเทิร์นขอ 15000 ได้มั้ย ร้านบอกโอเค ลูกค้าดีใจรีบทำสัญญาเลย ขายรถได้ราคาดี สรุปยอดจัดรถคันนี้เต็มๆอยู่ที่ 49000 รถเทิร์น 15000 ยอดจัดต้องเหลือ 34000 ผ่อน 36 เดือนๆละ 1625 แต่ร้านกลับนำไปหักยอดจัดแค่ 10000 เหลือยอดกู้ 39000 ผ่อนเดือนละ 1860 หายไป 5000 สรุปรถเทิร์นแทนที่จะได้ 12000 กลับได้แค่ 10000 โดยไม่รู้ตัว
นี่เป็นตัวอย่างหลายๆแบบที่ร้านค้าทำกันอยู่ทุกวันนี้ แต่ยังมีอีกหลากหลายวิธีที่ทำกัน แล้วจะค่อยๆนำมาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อๆไป
     วิธีป้องกันการไปซื้อรถแล้วถูกหลอก ที่อยากจะฝากเอาไว้ ซึ่งถ้านำไปใข้แล้วรับรองไม่ต้องเสียรู้ร้านค้าแน่ๆ
@ เมื่อเข้าร้านไปแล้วให้ถามเรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อรถให้ครบ โดยให้เน้นย้ำว่าราคารวมทุกอย่าง เช่นงานทะเบียนพวก ป้ายวงกลม แผ่นเหล็ก ประกันรถหาย ต้องจ่ายหรือไม่ / เท่าไหร่ แล้วให้ออกเอกสาร (ใบรับรถ) ที่ระบุว่าราคารวมทุกอย่างแล้ว โดยให้ระบุเป็นอย่างๆไปเลยเช่นราคารวม ค่าจดทะเบียน / ป้ายวงกลม / ป้ายแผ่นเหล็ก / ประกันรถหาย เรียบร้อยแล้ว ถ้ามารับทะเบียนแล้วมาเรียกร้องเอาเงินค่าอะไรอีกก็ให้ยื่นใบเสร็จ/ใบรับรถให้ดู เป็นต้น
@ ถ้าซื้อเงินผ่อนถามยอดจัดว่ารถคันนี้ ยอดจัดไฟแนนซ์เท่าไหร่ / ดอกเบี้ยกี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าคิดยอดผ่อนเองได้ก็ให้ลองคิดดู                           
    วิธีคิดยอดผ่อน
  ยอดจัดไฟแนนซ์ X ดอกเบี้ย หาร 100 = ดอกเบี้ยต่อเดือน                                                                                                         ดอกเบี้ยต่อเดือน X จำนวนเดือนที่จะผ่อน + ยอดจัด หาร จำนวนเดือนที่จะผ่อน = ยอดผ่อนต่อเดือน
เช่น ยอดจัด 40000 ดอกเบี้ย 1.99% ต่อเดือน ผ่อน 36 งวด
              40000 X 1.99% หาร 100 = 796 
            796 x 36 + 40000 หาร 36 = 1907.11บาท  ( ไฟแนนซ์จะปรับเป็น 1910 บาท )
           ( ค่างวดจะปัดขึ้น  0-4.99 บาทเป็น 5 บาท 5.01 – 9.99 เป็น10 บาท )
ถ้าคิดยอดผ่อนเป็นร้านไม่กล้ากินเงินเราแน่ !
ส่วนถ้าเอารถมาเทิร์นก็ให้ถามแบบเดียวกันว่าตีรถราคาเท่าไหร่ แล้วยอดจัดเท่าไหร่แล้วเราจะดาวน์จากรถเทิร์นเท่าไหร่ก็ให้หักลบจากยอดจัด ส่วนที่เหลือก็ค่อยนำมาคิดยอดผ่อน
เรื่องราวเหล่านี้ผมนำมาเปิดเผยให้ฟังเพราะไม่ต้องการให้มีการเอารัดเอาเปรียบกันในสังคมที่หาเช้ากินค่ำ ที่ผู้คนปากกัดตีนถีบ หากินสู้กับเศรษฐกิจที่ตกต่ำในขณะนี้
อยากให้ร้านค้าเห็นใจคนหาเช้ากินค่ำ ให้มีจรรยาบรรณในการค้าขายแบบตรงไปตรงมา รู้ว่าค่าใช้จ่ายร้านก็มีสูง แต่หากค้าขายกันแบบตรงไปตรงมาก็มีกำไรพอเพียงแล้ว
หวังว่าสิ่งที่เปิดเผยเรื่องราวให้ทราบนี้จะได้เป็นวิทยาทานกับผู้ไม่รู้ ให้ได้รู้เท่าทันร้านค้าที่เห็นแก่ได้ และขอประณามร้านค้าพวกนี้ให้ไม่ประสบผลสำเร็จการธุรกิจการค้า และขอให้ร้านค้าที่ดีๆ มีใจเป็นธรรม ร้านค้าที่พอเพียง ให้รุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป
หากมีเรื่องราวดีๆมีประโยชน์ต่อสังคม ผมจะนำมาเสนอให้ในโอกาสต่อไป  ขอบคุณครับ......


ที่มา  https://pantip.com/topic/36534132