Home »
Uncategories »
วัดที่เป็นมากกว่าวัด “วัดดอนจั่น” เลี้ยงเด็กยากไร้กว่า 700 ชีวิต ให้ได้เรียน ได้กินอิ่มนอนหลับ
วัดที่เป็นมากกว่าวัด “วัดดอนจั่น” เลี้ยงเด็กยากไร้กว่า 700 ชีวิต ให้ได้เรียน ได้กินอิ่มนอนหลับ
วัดแห่งนี้ถือว่าเป็นวัดที่มากกว่าวัด
เพราะวัดแห่งนี้เป็นวัดที่เลี้ยงเด็กยากไร้กว่า 700 ชีวิต ให้ได้เรียน
ได้กินอิ่มนอนหลับ และวัดที่ว่านี้คือ “วัดดอนจั่น”
ซึ่งถ้าหากใครนั้นได้รู้จักกับ
วัดดอนจั่น
ที่จังหวัดเชียงใหม่ก็จะรู้จักกันเป็นอย่างดีว่าวัดแห่งนี้เป็นที่ทำ
ให้ความรู้ ให้โอกาส ให้ชีวิต ซึ่งมีความเมตตาของ
พระครูปราโมทย์ตลอดจนน้ำใจจิตอาสาที่ทำให้ก่อเกิดโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต
จึงทำให้วัดแห่งนี้แกเป็นโรงเรียนและสถานรับภาระเด็กด้อยโอกาสของทางภาคเหนือมายาวนานถึง
33 ปีเลยทีเดียว
ซึ่งถ้าพูดถึงวัดแล้ว
ทุกคนก็จะนึกถึงภาพของคนที่ไปทำบุญหรือไปศึกษาปฏิบัติธรรมเพื่อแสวงหาความสงบ
แต่สำหรับวัดดอนจั่น ในตำบลท่าศาลา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ไม่ได้มีเพียงแค่ภาพนั้น ซึ่งถ้าหากใครก็ตามที่ได้มาที่แห่งนี้
ก็จะได้เห็นภาพของเราเด็กๆ ทั้งหลายที่ได้เข้ามาอยู่อาศัย
และศึกษาเล่าเรียนเป็นสถานที่แห่งนี้
ตอนที่วัดดอนจั่นแห่งนี้
เป็นสถานที่อุประและให้โอกาสเด็กยากไร้ซึ่งอยู่ในโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต
โดยในปัจจุบันนี้มีเด็กที่อยู่ในการดูแลของวัดเป็นจำนวนมากกว่า 700
คนเลยทีเดียว
โดยทางพระครูปราโมทย์
ประชานุกูล เจ้าอาวาสวัด
ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้กล่าวว่าในเมื่อปี 2528
ทางวัดวัดดอนจั่น ได้มีการก่อตั้งโครงการนี้ขึ้นมา
และในปัจจุบันโดยมีการรับผิดชอบค่าดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเด็กทั้ง 700
ชีวิต
โดยสิ่งที่พระครูปราโมทย์นั้นได้นำบริหารจัดการเด็กแห่งนี้โดยจะใช้หลักพุทธพุทธธรรมหรือได้แก่ ศีล สมาธิ และ ปัญญานั้นเอง
สำหรับเด็กที่อยู่ในการดูแลของวัดดอนจั่นนี้
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กกำพร้าเด็กยากจน
และเด็กด้อยโอกาสรวมไปถึงเด็กกลุ่มชาติพันธุ์
ที่มาจากครอบครัวที่ยากจนและขาดโอกาสทางการศึกษา
ซึ่งถ้าหากอยู่กันตามลำพังหรืออยู่กับพ่อแม่ที่ไม่พร้อมก็ไม่สามารถที่จะเจริญเติบโต
และเรียนหนังสือหรือทำงานได้ในอนาคต
โดยนอกจากพระครูปราโมทย์ที่คอยดูแลแล้วยังมีจอมศักดิ์
ประสานไกรทอง หรือ ครูเก๋ เป็นหนึ่งผู้ดูแลโรงเรียนวัดดอนจั่น
ซึ่งตัวครูเก๋นั้นมีความศรัทธาในแนวคิดของพระครูปราโมทย์เป็นอย่างมากจึงได้มาอาสาให้ความรู้แก่เด็ก
และตัดสินใจมาเป็นคู่ผู้ปกครอง
และดูแลความเป็นอยู่ของที่นี่ไม่ต่างจากผู้ปกครองจริงๆ ของเด็กนั่นเอง
โดยทุกคนที่ได้เข้ามาอยู่ที่นี่จะได้อยู่ฟรีกินฟรีมีหาให้กินครบ
3 มื้อเลย
นอกจากที่นี่นั้นจะเป็นสถานสงเคราะห์เด็กด้อยโอกาสในจังหวัดภาคเหนือ
แล้ววัดดอนจั่นยังมีการเปิดสถานศึกษาโดยมีการจัดการเรียนการสอน
ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนไปถึงระดับมัธยมศึกษาตลอดถึงระดับวิทยาลัย
โดยมีการใช้หลักธรรมะและหลักการสมาธิเข้าไปอยู่ในกิจวัตรประจำวันด้วยเสมอ
กิจวัตรประจำวันที่เด็กต้องทำทุกวันหลังเด็กตื่นมา ก็จะทำภารกิจส่วนตัว
ทำความสะอาดร่างกาย แล้วก็จะไปสวดมนตร์
ซึ่งการสวดมนตร์นี้
ท่านเจ้าคุณถือว่าทำให้เด็กจิตใจสงบ พัฒนาสมองเรื่องความจำ ถ้าเด็กจำได้
เวลาไปเรียนก็ต้องจำได้ ต่อมาก็มานั่งสมาธิ
เหมือนกับว่าปรับสภาพร่างกายเด็กให้นิ่ง ไม่ยุกยิก
หลังจากนี้ก็จะมาทำความสะอาดเรือนพักของตัวเองหรือไม่ก็ออกกำลังกาย
7.00 น. ก็เริ่มรับประทานอาหารเช้า พอสักช่วง 8.00 – 8.30
น.ก็เริ่มมาโรงเรียน
ในนี้ก็จะมีทั้งหมด
3 สถาบันคือ 1.โรงเรียนวัดดอนจั่น ตั้งแต่อนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3
ถ้าจบ ม.3 แล้วไม่ไปไหน ก็ต่อที่วิทยาลัยสารพัดช่างเชียงใหม่
ศูนย์การเรียนรู้วัดดอนจั่น ซึ่งเป็นสาขาลูกมาจากสารพัดช่างห้วยแก้ว
ถ้าจบจากสารพัดช่างเชียงใหม่แล้วไม่อยากไปไหน
ก็ต่อมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่
โดยสถานที่แห่งนี้นั้นนอกจากเป็นสถานที่อุปการะเด็กแล้วยังเป็นสถานที่การศึกษาที่มีการศึกษาครบครันทุกระดับชั้นใดมีการนำธรรมะมาสอดแทรกในการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วยอีกทั้งยังมีความโดดเด่นในเรื่องของการเล่นกีฬาโดยได้ว่าสถานที่แห่งนี้มีนักกีฬาสีเทาจัดจ้างอยู่เป็นจำนวนมากและกวาดรางวัลมาหลายถ้วยหลายเหรียญแล้ว
แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะมีจิตอาสาอย่างครูเก๋และแม่เหล็กที่เสียสละเวลามาดูแลเด็กเหล่านี้
แต่ก็ยังมีสิ่งที่ทางวัดนั้นขาดแคลนอยู่เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะเครื่องอุปโภค
และบริโภคที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันทั้งหลาย
“ที่นี่มีนักเรียนหญิงประมาณ
450 คน จะซักผ้ารอบละ 150 คน แบ่งเป็น 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น
ฉะนั้นผงซักฟอกต้องใช้จำนวนมาก แล้วผู้หญิงมีผมยาวต้องสระผม ใช้แชมพู
เด็กเล็กต้องผจญกับเรื่องเหา ต้องมียาฆ่าเหา ที่จำเป็นจริงๆ
คือผงซักฟอก
แชมพู ยาฆ่าเหา น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างห้องน้ำ ยารักษาโรค
ยาแก้เมารถเวลาเด็กเดินทางไปแข่งกีฬา ยาแก้ปวดท้องประจำเดือนของเด็กผู้หญิง
แต่ขอไม่เอาพาราเซตามอล เพราะผมไม่สนับสนุนให้เด็กกิน
ถ้าเด็กออกกำลังกายร่างกายจะแข็งแรง” ครูเก๋กล่าว
ส่วนทางด้านของพระครูปราโมทย์ก็กล่าวถึงเรื่องการรับบริจาคของทางวัดว่า
“วัดดอนจั่นได้ใช้ทฤษฎีกฎของธรรมชาติทุกๆ เรื่อง
จะไม่มีการสะสมวัตถุสิ่งของ ถ้ามีแล้วก็จะแบ่งปันให้กับองค์กรต่างๆ
ที่ลำบากกว่า ที่มาขอพึ่งใบบุญ ถ้าวัดได้รับบริจาคมา
ก็จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลเป็นแผนกๆ วัสดุครุภัณฑ์ต่างๆ ทุกอย่างไม่ได้ใช้เงิน
มาจากการบริหารโครงการของวัด
วัดเราอยู่ได้โดยไม่ใช้เงิน
ใช้เงินแค่ 30 % เช่นค่าไฟฟ้า เดือนละประมาณแสนกว่าบาทที่เราต้องจ่าย
นี่เป็นเรื่องหนักที่สุดของวัดคือค่าไฟ เพราะเด็กกินนอนอยู่นี่เท่ากับ 1
หมู่บ้าน
เพราะฉะนั้นผลประโยชน์ที่ญาติโยมบริจาค
วัดดอนจั่นจะใช้ให้เป็นประโยชน์สูงสุดทุกๆ เรื่อง
แต่พยายามจะไม่รับเงินบริจาค ถ้ารับก็ขอเป็นวัสดุครุภัณฑ์
ผู้ถวายก็มีความสุข อาตมารับก็มีความสุข”
บอกได้เลยว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาวัดอานจะนะน่าจะจะเป็นสารที่ปฏิบัติธรรมและสถานที่รับสงเคราะห์เด็กและให้โอกาสกับเด็กหลายๆ
คนก็ยังเป็นศูนย์รวมของผู้ที่มีจิตอาสาเข้ามาทำหน้าที่โดยไม่หวังผลตอบแทนอีกด้วย
ซึ่งถ้าหากใครสนใจที่จะเข้าช่วยเหลือทำบุญ
และบริจาคสิ่งของ สามารถบริจาคได้ที่ วัดดอนจั่น ม.2 ต.ท่าศาลา อ.เมือง
จ.เชียงใหม่ สอบถาม โทร. 053-240184
แหล่งที่มา: ฅนจริง ใจไม่ท้อ