ก่อนที่เราจะมาทำความรู้จักกับสภาวะการติดเชื้อที่บริเวณโพรงจมูก หรือโรคไซนัสอักเสบนั้น
เราควรรู้ก่อนว่าไซนัสไม่ใช่ชื่อโรคแต่อย่างใด
แต่หมายถึงโพรงอากาศภายในกะโหลกศีรษะบริเวณรอบจมูก
ทำหน้าที่สร้างความชื้นหรือความอบอุ่นให้กับอากาศที่เราสูดเข้าไปภายในจมูก
เมื่อเราเป็นหวัดบ่อยๆ
โพรงอากาศที่ว่านั้นจะไม่สามารถระบายหรือกำจัดเสมหะกับน้ำมูกออกมาได้จนเกิดการสะสมและทำให้เกิดอาการอักเสบ
ติดเชื้อ จนเกิดเป็นโรคไซนัสที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
ลักษณะอาการของโรคไซนัสอักเสบนั้นแบ่งออกได้หลายระดับ ทั้งระดับเริ่มต้นไปจนถึงรุนแรง คุณอาจรู้สึกปวดไปทั่วใบหน้า เยื่อบุจมูกมีอาการบวม คัดจมูก น้ำมูกเป็นหนองออกข้นเหลือง เขียวหรืออาจมีเสมหะข้นเหลือง ไข้สูง และอ่อนเพลีย ถึงแม้ว่าโรคไซนัสอักเสบจะไม่ใช่โรคติดต่อและสามารถรักษาให้หายได้ด้วยยาเฉกเช่นอาการป่วยอื่นๆ แต่วันนี้ Thaiza ก็ได้นำเคล็ดลับง่ายๆ ในการรักษามาฝากอีกเช่นเคย ซึ่งเพื่อนสามารถทำได้ที่บ้านอย่างแน่นอนค่ะ
1. อาหารช่วยรักษาอาการไซนัส
น้ำดื่ม : วิธีที่ง่าย และสำคัญสุดๆ สำหรับการรักษาโพรงจมูกของเราให้ปลอดจากไซนัสก็คือการรักษาความชุ่มชื้นในร่างกาย หมั่นจิบน้ำบ่อยๆ ระหว่างวันเพื่อเป็นการชะล้างและขับเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคไซนัสให้ออกไปจากร่างกายของเรา
ฮอร์สแรดิช : ฮอร์สแรดิช (Horseradish) จัดเป็นพืชในตระกูลเดียวกันกับวาซาบิที่มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคไซนัส เพียงนำผงฮอร์สแรดิชสำเร็จรูปผสมกับน้ำมะนาวสด คนให้เข้ากัน และค่อยๆ จิบทีละน้อยเพื่อช่วยทำความสะอาดโพรงจมูก และระบบทางเดินหายใจให้ปลอดโปร่ง
ขิง : เป็นสมุนไพรที่มีรสชาติเฉพาะ อัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์ และสามารถช่วยกำจัดอาการของโรคไซนัสได้ในราคาย่อมเยาโดยการนำมาปรุงเป็นชาขิงร้อนๆ สำหรับดื่มระหว่างวัน ซึ่งเพื่อนๆ สามารถเติมน้ำผึ้งลงไปได้หากต้องการรสชาติที่หวานยิ่งขึ้น
กระเทียม และหัวหอม : คุณผู้อ่านหลายๆ ท่านอาจจะไม่ถูกกับกลิ่นของกระเทียม และหัวหอมเท่าไหร่นัก แต่ถ้าหากคุณกำลังเป็นโรคไซนัสอยู่ล่ะก็ไม่ควรมองข้ามสมุนไพรพื้นบ้านทั้ง 2 อย่างนี้เลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็นกระเทียม หรือหัวหอม ต่างก็มีคุณสมบัติในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้พร้อมต่อสู้กับโรคอย่างแข็งแรง
แหล่งอาหารวิตามิน C : วิตามิน C คือสารอาหารลำดับต้นๆ ที่มีคุณประโยชน์มากมายจนนับไม่ถ้วนที่ร่างกายควรได้รับเพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ หมั่นรับประทานผักผลไม้ที่เป็นแหล่งของวิตามิน C จะช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงและสามารถช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากอาการป่วยได้เร็วยิ่งขึ้น
2. อาหารที่ควรหยุดบริโภคชั่วขณะ
นอกจากจะมีกลุ่มอาหารที่ช่วยรักษาโรคไซนัสได้ดีแล้ว ยังมีอาหาร หรือวัตถุดิบบางชนิดที่เพื่อนๆ ควรหลีกเลี่ยงหากอยู่ในช่วงของการเป็นโรคไซนัส เช่น น้ำตาลทราย ที่สามารถยับยั้งการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวไม่ให้ต่อสู้กับการติดเชื้อ น้ำผลไม้สำเร็จรูปที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์จากนม หากดื่มหรือบริโภคมากเกินไปก็จะยิ่งสร้างเสมหะให้มากขึ้น แป้งหรือธัญพืชขัดสีที่ผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรมหลายขั้นตอนก็สามารถผลิตเสมหะภายในทางเดินหายใจ และคอได้ และลำดับสุดท้ายก็คือ เกลือ เพื่อนๆ คนไหนชอบทานอาหารรสเค็มจัดก็ควรลดน้อยลง เพราะเกลือเป็นส่วนที่ทำให้ร่างกายของเราสูญเสียความชุ่มชื้นและน้ำได้มากที่สุด
3. น้ำมันออริกาโน่
เพื่อนๆ ที่โปรดปรานการทานพิซซ่า หรือเป็นสายอาหารอิตาเลียนก็คงชื่นชอบเครื่องเทศอย่างออริกาโน่เช่นเดียวกัน ด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยเสริมให้อาหารมีรสชาติดียิ่งขึ้น แท้จริงแล้ว ประโยชน์ของมันยังมีมากมายเลยทีเดียวค่ะ ทั้งสรรพคุณทางยาที่ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราบรรเทาอาการติดเชื้อบริเวณโพรงจมูก
เตรียมน้ำร้อนใส่ในชาม หยดน้ำมันออริกาโน่ลงไป 4-5 หยด คนให้เข้ากันเล็กน้อยจนได้กลิ่นของน้ำมันที่เพื่อนๆ สามารถสูดดมไอน้ำของน้ำมันเพื่อเป็นการรักษาโรคไซนัสอย่างง่ายๆ นั่นเอง
4. สารสกัดจากเมล็ดเกรปฟรุ๊ต
เกรปฟรุ๊ต เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในตระกูลเดียวกันกับส้มหรือมะนาว มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อไวรัสอันเป็นสาเหตุของการติดเชื้อต่างๆ ที่รวมไปถึงโรคไซนัสด้วยเช่นเดียวกัน ในปัจจุบันก็ได้มีการคิดค้นสเปรย์พ่นจมูกด้วยสารสกัดจากเมล็ดเกรปฟรุ๊ต เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคไซนัส เพียงพ่นสเปรย์ดังกล่าวบริเวณจมูกของเรา เป็นประจำวันละ 4 ครั้ง อาการของไซนัสก็จะค่อยๆ ดีขึ้นและทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นอีกเท่าตัว
5. วิตามิน C
วิตามิน C คือสารอาหารที่เราสามารถหาได้จากพืชผักหลากชนิด มีฤทธิ์ช่วยป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อ ต่อต้านอนุมูลอิสระที่อาจส่งผลให้อาการป่วยทวีความรุนแรงและแน่นอนว่าเจ้าวิตามิน C นี้ยังช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง บอกลาไซนัสได้รวดเร็วแน่นอน
6. เอ็กไคนาเซีย
เอ็กไคนาเซีย หรือ Echinacea มาถึงชื่อนี้ที่อาจจะยังไม่คุ้นหู หรือยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่นัก แต่นิยมใช้กันมากในแถบยุโรป เพราะเจ้าเอ็กไคนาเซียเป็นสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพในการรักษาไข้หวัดและรวมไปถึงไซนัสด้วยเช่นเดียวกัน สามารถหาซื้อได้ง่ายในรูปแบบของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมรับประทานวันละ 1000 มิลลิกรัม
7. กระเทียม
การรักษาอาการไข้หวัดหรือไซนัสที่ได้ผลดีมักมาพร้อมกับ กระเทียม สมุนไพรที่หาซื้อได้ง่ายแสนง่ายและยังเป็นส่วนประกอบของอาหารหลักหลายชนิด ในกระเทียมมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะธรรมชาติ ช่วยยับยั้งการติดเชื้อ และทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดี และเร็วกว่าปกติ เพียงรับประทานกระเทียมสดวันละ 2-5 กรัมต่อวัน แล้วไซนัสก็จะค่อยๆ หายไป
8. ความชุ่มชื้น
ความชุ่มชื้นในลำคอ หรือโพรงจมูกก็สำคัญไม่แพ้กัน ผู้ที่ป่วยมักมีอาการอึดอัด หรือหายใจไม่ออก เมื่อภายในลำคอหรือโพรงจมูกแห้งจนเกินไป สภาพอากาศก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เจ้าไซนัสตัวร้ายของเราได้ใจ หากเพื่อนๆ รู้สึกว่าอากาศรอบตัวมันแห้งเกินไปจนรู้สึกหายใจได้ไม่สะดวกก็สามารถใช้เครื่องทำความชื่น (humidifier) เพื่อช่วยให้หายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น
9. น้ำมันหอมระเหย
มีน้ำมันหอมระเหยหลากหลายชนิดที่สามารถนำมาใช้รักษาโรคไซนัสได้ เช่น น้ำมันหอมระเหยจากเปปเปอร์มินต์ และยูคาลิปตัสที่มีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อ บรรเทาอาการอักเสบ กำจัดเสมหะที่คั่งค้างภายในโพรงจมูกทำให้สามารถหายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น เพียงใช้น้ำมันหอมระเหย 1 หยดทาบริเวณภายในเพดานปากและดื่มน้ำสะอาดตามปกติ
นอกจากนี้ก็ยังมีวิธีอื่นๆ ที่จะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับระบบภูมิคุ้นกันของเรา หัวใจสำคัญเลยก็คือการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงมลภาวะอากาศที่เป็นพิษ และตรวจรักษาโพรงจมูกของเรากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นระยะๆ นะคะ
Sources: www.davidwolfe.com
www.medthai.com
ลักษณะอาการของโรคไซนัสอักเสบนั้นแบ่งออกได้หลายระดับ ทั้งระดับเริ่มต้นไปจนถึงรุนแรง คุณอาจรู้สึกปวดไปทั่วใบหน้า เยื่อบุจมูกมีอาการบวม คัดจมูก น้ำมูกเป็นหนองออกข้นเหลือง เขียวหรืออาจมีเสมหะข้นเหลือง ไข้สูง และอ่อนเพลีย ถึงแม้ว่าโรคไซนัสอักเสบจะไม่ใช่โรคติดต่อและสามารถรักษาให้หายได้ด้วยยาเฉกเช่นอาการป่วยอื่นๆ แต่วันนี้ Thaiza ก็ได้นำเคล็ดลับง่ายๆ ในการรักษามาฝากอีกเช่นเคย ซึ่งเพื่อนสามารถทำได้ที่บ้านอย่างแน่นอนค่ะ
1. อาหารช่วยรักษาอาการไซนัส
น้ำดื่ม : วิธีที่ง่าย และสำคัญสุดๆ สำหรับการรักษาโพรงจมูกของเราให้ปลอดจากไซนัสก็คือการรักษาความชุ่มชื้นในร่างกาย หมั่นจิบน้ำบ่อยๆ ระหว่างวันเพื่อเป็นการชะล้างและขับเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคไซนัสให้ออกไปจากร่างกายของเรา
ฮอร์สแรดิช : ฮอร์สแรดิช (Horseradish) จัดเป็นพืชในตระกูลเดียวกันกับวาซาบิที่มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคไซนัส เพียงนำผงฮอร์สแรดิชสำเร็จรูปผสมกับน้ำมะนาวสด คนให้เข้ากัน และค่อยๆ จิบทีละน้อยเพื่อช่วยทำความสะอาดโพรงจมูก และระบบทางเดินหายใจให้ปลอดโปร่ง
ขิง : เป็นสมุนไพรที่มีรสชาติเฉพาะ อัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์ และสามารถช่วยกำจัดอาการของโรคไซนัสได้ในราคาย่อมเยาโดยการนำมาปรุงเป็นชาขิงร้อนๆ สำหรับดื่มระหว่างวัน ซึ่งเพื่อนๆ สามารถเติมน้ำผึ้งลงไปได้หากต้องการรสชาติที่หวานยิ่งขึ้น
กระเทียม และหัวหอม : คุณผู้อ่านหลายๆ ท่านอาจจะไม่ถูกกับกลิ่นของกระเทียม และหัวหอมเท่าไหร่นัก แต่ถ้าหากคุณกำลังเป็นโรคไซนัสอยู่ล่ะก็ไม่ควรมองข้ามสมุนไพรพื้นบ้านทั้ง 2 อย่างนี้เลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็นกระเทียม หรือหัวหอม ต่างก็มีคุณสมบัติในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้พร้อมต่อสู้กับโรคอย่างแข็งแรง
แหล่งอาหารวิตามิน C : วิตามิน C คือสารอาหารลำดับต้นๆ ที่มีคุณประโยชน์มากมายจนนับไม่ถ้วนที่ร่างกายควรได้รับเพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ หมั่นรับประทานผักผลไม้ที่เป็นแหล่งของวิตามิน C จะช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงและสามารถช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากอาการป่วยได้เร็วยิ่งขึ้น
2. อาหารที่ควรหยุดบริโภคชั่วขณะ
นอกจากจะมีกลุ่มอาหารที่ช่วยรักษาโรคไซนัสได้ดีแล้ว ยังมีอาหาร หรือวัตถุดิบบางชนิดที่เพื่อนๆ ควรหลีกเลี่ยงหากอยู่ในช่วงของการเป็นโรคไซนัส เช่น น้ำตาลทราย ที่สามารถยับยั้งการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวไม่ให้ต่อสู้กับการติดเชื้อ น้ำผลไม้สำเร็จรูปที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์จากนม หากดื่มหรือบริโภคมากเกินไปก็จะยิ่งสร้างเสมหะให้มากขึ้น แป้งหรือธัญพืชขัดสีที่ผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรมหลายขั้นตอนก็สามารถผลิตเสมหะภายในทางเดินหายใจ และคอได้ และลำดับสุดท้ายก็คือ เกลือ เพื่อนๆ คนไหนชอบทานอาหารรสเค็มจัดก็ควรลดน้อยลง เพราะเกลือเป็นส่วนที่ทำให้ร่างกายของเราสูญเสียความชุ่มชื้นและน้ำได้มากที่สุด
3. น้ำมันออริกาโน่
เพื่อนๆ ที่โปรดปรานการทานพิซซ่า หรือเป็นสายอาหารอิตาเลียนก็คงชื่นชอบเครื่องเทศอย่างออริกาโน่เช่นเดียวกัน ด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยเสริมให้อาหารมีรสชาติดียิ่งขึ้น แท้จริงแล้ว ประโยชน์ของมันยังมีมากมายเลยทีเดียวค่ะ ทั้งสรรพคุณทางยาที่ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราบรรเทาอาการติดเชื้อบริเวณโพรงจมูก
เตรียมน้ำร้อนใส่ในชาม หยดน้ำมันออริกาโน่ลงไป 4-5 หยด คนให้เข้ากันเล็กน้อยจนได้กลิ่นของน้ำมันที่เพื่อนๆ สามารถสูดดมไอน้ำของน้ำมันเพื่อเป็นการรักษาโรคไซนัสอย่างง่ายๆ นั่นเอง
4. สารสกัดจากเมล็ดเกรปฟรุ๊ต
เกรปฟรุ๊ต เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในตระกูลเดียวกันกับส้มหรือมะนาว มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อไวรัสอันเป็นสาเหตุของการติดเชื้อต่างๆ ที่รวมไปถึงโรคไซนัสด้วยเช่นเดียวกัน ในปัจจุบันก็ได้มีการคิดค้นสเปรย์พ่นจมูกด้วยสารสกัดจากเมล็ดเกรปฟรุ๊ต เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคไซนัส เพียงพ่นสเปรย์ดังกล่าวบริเวณจมูกของเรา เป็นประจำวันละ 4 ครั้ง อาการของไซนัสก็จะค่อยๆ ดีขึ้นและทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นอีกเท่าตัว
5. วิตามิน C
วิตามิน C คือสารอาหารที่เราสามารถหาได้จากพืชผักหลากชนิด มีฤทธิ์ช่วยป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อ ต่อต้านอนุมูลอิสระที่อาจส่งผลให้อาการป่วยทวีความรุนแรงและแน่นอนว่าเจ้าวิตามิน C นี้ยังช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง บอกลาไซนัสได้รวดเร็วแน่นอน
6. เอ็กไคนาเซีย
เอ็กไคนาเซีย หรือ Echinacea มาถึงชื่อนี้ที่อาจจะยังไม่คุ้นหู หรือยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่นัก แต่นิยมใช้กันมากในแถบยุโรป เพราะเจ้าเอ็กไคนาเซียเป็นสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพในการรักษาไข้หวัดและรวมไปถึงไซนัสด้วยเช่นเดียวกัน สามารถหาซื้อได้ง่ายในรูปแบบของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมรับประทานวันละ 1000 มิลลิกรัม
7. กระเทียม
การรักษาอาการไข้หวัดหรือไซนัสที่ได้ผลดีมักมาพร้อมกับ กระเทียม สมุนไพรที่หาซื้อได้ง่ายแสนง่ายและยังเป็นส่วนประกอบของอาหารหลักหลายชนิด ในกระเทียมมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะธรรมชาติ ช่วยยับยั้งการติดเชื้อ และทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดี และเร็วกว่าปกติ เพียงรับประทานกระเทียมสดวันละ 2-5 กรัมต่อวัน แล้วไซนัสก็จะค่อยๆ หายไป
8. ความชุ่มชื้น
ความชุ่มชื้นในลำคอ หรือโพรงจมูกก็สำคัญไม่แพ้กัน ผู้ที่ป่วยมักมีอาการอึดอัด หรือหายใจไม่ออก เมื่อภายในลำคอหรือโพรงจมูกแห้งจนเกินไป สภาพอากาศก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เจ้าไซนัสตัวร้ายของเราได้ใจ หากเพื่อนๆ รู้สึกว่าอากาศรอบตัวมันแห้งเกินไปจนรู้สึกหายใจได้ไม่สะดวกก็สามารถใช้เครื่องทำความชื่น (humidifier) เพื่อช่วยให้หายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น
9. น้ำมันหอมระเหย
มีน้ำมันหอมระเหยหลากหลายชนิดที่สามารถนำมาใช้รักษาโรคไซนัสได้ เช่น น้ำมันหอมระเหยจากเปปเปอร์มินต์ และยูคาลิปตัสที่มีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อ บรรเทาอาการอักเสบ กำจัดเสมหะที่คั่งค้างภายในโพรงจมูกทำให้สามารถหายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น เพียงใช้น้ำมันหอมระเหย 1 หยดทาบริเวณภายในเพดานปากและดื่มน้ำสะอาดตามปกติ
นอกจากนี้ก็ยังมีวิธีอื่นๆ ที่จะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับระบบภูมิคุ้นกันของเรา หัวใจสำคัญเลยก็คือการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงมลภาวะอากาศที่เป็นพิษ และตรวจรักษาโพรงจมูกของเรากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นระยะๆ นะคะ
Sources: www.davidwolfe.com
www.medthai.com