เป็นที่ทราบกันดีว่าเทรนด์ออกกำลังกายและเทรนด์รักสุขภาพกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน และการออกกำลังกายชนิดหนึ่งที่สามารถเริ่มต้นทำได้ง่ายที่สุดก็คือ การวิ่ง
นั่นเองค่ะ เพียงมีเสื้อผ้าที่ยืดหยุ่นและรองเท้าวิ่งดีๆ ซักครู เพื่อนๆ
ก็สามารถออกไปวิ่งกันได้แล้ว แต่แน่ล่ะว่า
บางครั้งเราก็ต้องมีอิดออดหรือขี้เกียจกันบ้างใช่มั้ยคะ
Thaiza จึงได้นำเคล็ดลับดีๆ
ที่จะทำให้การวิ่งของคุณไม่น่าเบื่ออีกต่อไปมาฝากเพื่อนๆ กันเช่นเคยค่ะ
ถ้าพร้อมแล้ว เรามาเริ่มต้นที่ข้อ 1 ไปพร้อมๆ กันเลย!
1. ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม
เราเชื่อว่านักวิ่งหน้าใหม่หลายๆ คนที่พึ่งเริ่มต้นเข้าสู่วงการวิ่งอย่างจริงจังมักจะต้องมาพร้อมกับความฟิต ความตั้งอกตั้งใจ และไฟอันลุกโชนจึงอัด speed ในการวิ่งกันแบบเต็มที่ แต่การทำเช่นนี้มีแต่จะทำให้ร่างกายของเราได้รับบาดเจ็บ เพราะร่างกายของเราจำเป็นต้องสร้างความแข็งแรงให้กับระบบการทำงานของหัวใจ ปอดและการไหลเวียนของโลหิต (aerobic fitness) ให้สามารถวิ่งได้ยาวนานขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิ่งจึงได้ให้คำแนะนำสำหรับนักวิ่งมือใหม่ไว้ว่า ควรวิ่งอย่างช้าๆ สลับกับการเดินในช่วงแรก แล้วจึงค่อยๆ เพิ่มความเร็วและจำนวนรอบจนเพื่อนๆ รู้สึกได้ถึงความมั่นคง แต่ยังไงก็ตาม แม้การตั้งเป้าหมายจะเป็นเรื่องที่ดี แต่เพื่อนๆ ก็ไม่ควรกดดันตัวเองจนเกินไป รีแลกซ์เข้าไว้และวิ่งให้เต็มที่ เพียงเท่านี้เพื่อนๆ ก็จะรู้สึกสนุกกับการวิ่งขึ้นอีกเยอะเลย
2. ท้าทายตัวเองทีละนิด
เมื่อใดที่เพื่อนๆ รู้สึกว่าการวิ่งเอื่อยๆ ไม่น่าเร้าใจอีกต่อไปนั่นอาจเป็นเพราะว่าร่างกายของเริ่มคุ้นชินกับการวิ่ง และเพื่อความสนุกสนานในการวิ่ง เพื่อนๆ อาจจะเพิ่มความเร็วในการวิ่งขึ้นอีกเล็กน้อย (20-30 วินาที)และรักษาความเร็วให้คงที่ด้วยการวิ่งในอัตราเท่าเดิมจนร่างกายคุ้นชินอีกครั้ง
นอกจากนี้ก็ยังสามารถเลือกวิ่งในอีกวิธีที่น่าสนใจ คือการวิ่งขึ้นเนินเขาเตี้ยๆ อย่างเร็ว และค่อยๆ วิ่งถอยหลังกลับ แต่เพื่อนๆ จะต้องวิ่งในรูปแบบนี้ประมาณ 1-2 ชนิดเพื่อกระตุ้นอัตราการเต้นหัวใจ และลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อค่ะ
3. เพลงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
มีการศึกษาวิจัยที่พบว่า เพลง หรือดนตรีสามารถเป็นตัวช่วยที่ทำให้ร่างกายมีแรงเคลื่อนที่ไปได้เรื่อยๆ นักวิ่งบางท่านสามารถวิ่งได้ระยะไกลยิ่งขึ้นเมื่อฟังเพลงไปพร้อมกับการวิ่ง ส่วนนักวิ่งมืออาชีพและโค้ชสอนกีฬาก็เลือกใช้เคล็ดลับเลือกเพลงให้เหมาะสมกับสไตล์การวิ่ง ในวันชิลล์ๆ คุณอาจจะเลือกฟังเพลงที่ช่วยให้ผ่อนคลายหรือเลือกเพลงที่หนักหน่วงขึ้นในวันที่ต้องการออกกำลังกายอย่างจริงจัง รับรองเลยว่าคุณจะรู้สึกเอ็นจอยกับการวิ่งมากยิ่งขึ้น
4. ชวนเพื่อนไปวิ่งด้วยกัน
บางครั้ง การออกไปวิ่งคนเดียวอาจจะดูเงียบเหงาไปเสียหน่อย ลองชวนเพื่อนซี้ออกไปวิ่งด้วยกันก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ แต่ถ้าหากเพื่อนๆ ของคุณไม่ใช่สายสุขภาพจริงๆ ก็ไม่ต้องเศร้าใจไปนะคะ เพราะเรายังมีทางออกอื่นๆ เช่น การเข้าร่วมกลุ่มนักวิ่ง ที่จะทำให้การวิ่งของคุณสนุกสนาน และได้รับประโยชน์อีกมากมาย เพราะการอยู่ในแวดวงของผู้ที่มีความสนใจเดียวกันก็จะทำให้คุณได้รับแรงบันดาลใจ และเคล็ดลับดีๆ ที่สามารถนำมาปรับให้เข้ากับตัวเองได้แน่นอน
5. จิตใจต้องเข้มแข็ง
การมีเพื่อนร่วมทาง หรือการได้ฟังเพลงโปรดขณะวิ่งอาจทำให้เรามีความสุขขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ถ้าหากเพื่อนๆ มีความตั้งใจ และสมาธิอันแน่วแน่ก็จะทำให้ประสบความสำเร็จในการวิ่งยิ่งขึ้น โดยมีผลงานวิจัยที่ช่วยยืนยันให้เห็นว่า นักวิ่งที่มีพลังและกำลังใจเต็มเปี่ยมมักประสบความสำเร็จในการวิ่งความเครียดลดน้อยลง และมีสุขภาพร่างกายที่ดี ปราศจากอาการบาดเจ็บ
6. จัดระเบียบชีวิตให้เรียบร้อย
ในชีวิตปกติประจำวันของแต่ละคนล้วนมีภาระหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งหน้าที่การงาน ครอบครัว และค่าใช้จ่าย ฉะนั้นการวิ่ง หรือการออกกำลังกายก็ควรจะเป็นทางเลือก หรืองานอดิเรกที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย และมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำ มากกว่าจะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกว่าการวิ่งเป็นภาระ ความสนุก ความผ่อนคลายจะลดน้อยลง และแทนที่ด้วยความเครียด หากเพื่อนๆ จัดสรรตารางเวลาในแต่ละวันให้รัดกุมก็จะเหลือเวลาในการรีแลกซ์ หรือดูแลตัวเองอย่างแน่นอนค่ะ
7. มองหาแรงบันดาลใจ
หากรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างของคุณเริ่มล้า หรือใกล้หมดแรงเข้าไปทุกที ลองใช้สายตามองหาสิ่งบันเทิงเริงใจที่อยู่รอบๆ ตัว เช่น สีสันละลานตาจากดอกไม้หลากชนิดและสีเขียวของต้นไม้ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นทัศนียภาพข้างทางเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียวค่ะ
8. คิดถึงผลลัพธ์ที่จะได้
ในวันที่เพื่อนๆ รู้สึกขี้เกียจ ไม่อยากจะทำอะไรนอกจากขดตัวอยู่บนเตียง เราขอแนะนำให้คุณนึกถึงความรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า หลังจากที่วิ่งเสร็จ เสมือนเป็นการเติมพลังให้เรารู้สึกพร้อมสำหรับการออกไปใช้ชีวิตในตลอดทั้งวัน
9. ตั้งเป้าหมาย
สำหรับเคล็ดลับข้อสุดท้ายที่เราจะแนะนำเพื่อนๆ ก็คือ การตั้งเป้าหมายและทำมันให้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นนักวิ่งมือใหม่ หรือนักวิ่งระดับมืออาชีพก็สามารถมีเป้าหมายได้ด้วยกันทั้งสิ้น หมั่นสำรวจขีดจำกัดของตนเอง และทลายข้อจำกัดนั้นให้ได้โดยไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เพียงเท่านี้ การออกไปวิ่งก็จะไม่ใช่แค่เพื่อออกกำลังกายอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีความหมายกับตัวเราเองอีกด้วย
Source: www.health.com
1. ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม
เราเชื่อว่านักวิ่งหน้าใหม่หลายๆ คนที่พึ่งเริ่มต้นเข้าสู่วงการวิ่งอย่างจริงจังมักจะต้องมาพร้อมกับความฟิต ความตั้งอกตั้งใจ และไฟอันลุกโชนจึงอัด speed ในการวิ่งกันแบบเต็มที่ แต่การทำเช่นนี้มีแต่จะทำให้ร่างกายของเราได้รับบาดเจ็บ เพราะร่างกายของเราจำเป็นต้องสร้างความแข็งแรงให้กับระบบการทำงานของหัวใจ ปอดและการไหลเวียนของโลหิต (aerobic fitness) ให้สามารถวิ่งได้ยาวนานขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิ่งจึงได้ให้คำแนะนำสำหรับนักวิ่งมือใหม่ไว้ว่า ควรวิ่งอย่างช้าๆ สลับกับการเดินในช่วงแรก แล้วจึงค่อยๆ เพิ่มความเร็วและจำนวนรอบจนเพื่อนๆ รู้สึกได้ถึงความมั่นคง แต่ยังไงก็ตาม แม้การตั้งเป้าหมายจะเป็นเรื่องที่ดี แต่เพื่อนๆ ก็ไม่ควรกดดันตัวเองจนเกินไป รีแลกซ์เข้าไว้และวิ่งให้เต็มที่ เพียงเท่านี้เพื่อนๆ ก็จะรู้สึกสนุกกับการวิ่งขึ้นอีกเยอะเลย
2. ท้าทายตัวเองทีละนิด
เมื่อใดที่เพื่อนๆ รู้สึกว่าการวิ่งเอื่อยๆ ไม่น่าเร้าใจอีกต่อไปนั่นอาจเป็นเพราะว่าร่างกายของเริ่มคุ้นชินกับการวิ่ง และเพื่อความสนุกสนานในการวิ่ง เพื่อนๆ อาจจะเพิ่มความเร็วในการวิ่งขึ้นอีกเล็กน้อย (20-30 วินาที)และรักษาความเร็วให้คงที่ด้วยการวิ่งในอัตราเท่าเดิมจนร่างกายคุ้นชินอีกครั้ง
นอกจากนี้ก็ยังสามารถเลือกวิ่งในอีกวิธีที่น่าสนใจ คือการวิ่งขึ้นเนินเขาเตี้ยๆ อย่างเร็ว และค่อยๆ วิ่งถอยหลังกลับ แต่เพื่อนๆ จะต้องวิ่งในรูปแบบนี้ประมาณ 1-2 ชนิดเพื่อกระตุ้นอัตราการเต้นหัวใจ และลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อค่ะ
3. เพลงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
มีการศึกษาวิจัยที่พบว่า เพลง หรือดนตรีสามารถเป็นตัวช่วยที่ทำให้ร่างกายมีแรงเคลื่อนที่ไปได้เรื่อยๆ นักวิ่งบางท่านสามารถวิ่งได้ระยะไกลยิ่งขึ้นเมื่อฟังเพลงไปพร้อมกับการวิ่ง ส่วนนักวิ่งมืออาชีพและโค้ชสอนกีฬาก็เลือกใช้เคล็ดลับเลือกเพลงให้เหมาะสมกับสไตล์การวิ่ง ในวันชิลล์ๆ คุณอาจจะเลือกฟังเพลงที่ช่วยให้ผ่อนคลายหรือเลือกเพลงที่หนักหน่วงขึ้นในวันที่ต้องการออกกำลังกายอย่างจริงจัง รับรองเลยว่าคุณจะรู้สึกเอ็นจอยกับการวิ่งมากยิ่งขึ้น
4. ชวนเพื่อนไปวิ่งด้วยกัน
บางครั้ง การออกไปวิ่งคนเดียวอาจจะดูเงียบเหงาไปเสียหน่อย ลองชวนเพื่อนซี้ออกไปวิ่งด้วยกันก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ แต่ถ้าหากเพื่อนๆ ของคุณไม่ใช่สายสุขภาพจริงๆ ก็ไม่ต้องเศร้าใจไปนะคะ เพราะเรายังมีทางออกอื่นๆ เช่น การเข้าร่วมกลุ่มนักวิ่ง ที่จะทำให้การวิ่งของคุณสนุกสนาน และได้รับประโยชน์อีกมากมาย เพราะการอยู่ในแวดวงของผู้ที่มีความสนใจเดียวกันก็จะทำให้คุณได้รับแรงบันดาลใจ และเคล็ดลับดีๆ ที่สามารถนำมาปรับให้เข้ากับตัวเองได้แน่นอน
5. จิตใจต้องเข้มแข็ง
การมีเพื่อนร่วมทาง หรือการได้ฟังเพลงโปรดขณะวิ่งอาจทำให้เรามีความสุขขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ถ้าหากเพื่อนๆ มีความตั้งใจ และสมาธิอันแน่วแน่ก็จะทำให้ประสบความสำเร็จในการวิ่งยิ่งขึ้น โดยมีผลงานวิจัยที่ช่วยยืนยันให้เห็นว่า นักวิ่งที่มีพลังและกำลังใจเต็มเปี่ยมมักประสบความสำเร็จในการวิ่งความเครียดลดน้อยลง และมีสุขภาพร่างกายที่ดี ปราศจากอาการบาดเจ็บ
6. จัดระเบียบชีวิตให้เรียบร้อย
ในชีวิตปกติประจำวันของแต่ละคนล้วนมีภาระหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งหน้าที่การงาน ครอบครัว และค่าใช้จ่าย ฉะนั้นการวิ่ง หรือการออกกำลังกายก็ควรจะเป็นทางเลือก หรืองานอดิเรกที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย และมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำ มากกว่าจะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกว่าการวิ่งเป็นภาระ ความสนุก ความผ่อนคลายจะลดน้อยลง และแทนที่ด้วยความเครียด หากเพื่อนๆ จัดสรรตารางเวลาในแต่ละวันให้รัดกุมก็จะเหลือเวลาในการรีแลกซ์ หรือดูแลตัวเองอย่างแน่นอนค่ะ
7. มองหาแรงบันดาลใจ
หากรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างของคุณเริ่มล้า หรือใกล้หมดแรงเข้าไปทุกที ลองใช้สายตามองหาสิ่งบันเทิงเริงใจที่อยู่รอบๆ ตัว เช่น สีสันละลานตาจากดอกไม้หลากชนิดและสีเขียวของต้นไม้ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นทัศนียภาพข้างทางเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียวค่ะ
8. คิดถึงผลลัพธ์ที่จะได้
ในวันที่เพื่อนๆ รู้สึกขี้เกียจ ไม่อยากจะทำอะไรนอกจากขดตัวอยู่บนเตียง เราขอแนะนำให้คุณนึกถึงความรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า หลังจากที่วิ่งเสร็จ เสมือนเป็นการเติมพลังให้เรารู้สึกพร้อมสำหรับการออกไปใช้ชีวิตในตลอดทั้งวัน
9. ตั้งเป้าหมาย
สำหรับเคล็ดลับข้อสุดท้ายที่เราจะแนะนำเพื่อนๆ ก็คือ การตั้งเป้าหมายและทำมันให้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นนักวิ่งมือใหม่ หรือนักวิ่งระดับมืออาชีพก็สามารถมีเป้าหมายได้ด้วยกันทั้งสิ้น หมั่นสำรวจขีดจำกัดของตนเอง และทลายข้อจำกัดนั้นให้ได้โดยไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เพียงเท่านี้ การออกไปวิ่งก็จะไม่ใช่แค่เพื่อออกกำลังกายอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีความหมายกับตัวเราเองอีกด้วย
Source: www.health.com